หลังจากที่รณรงค์เรื่องเปิดไฟกระพริบผ่านแยกกับตอนฝนตกหนักได้ผลระดับหนึ่ง
สังเกตมาซักระยะแล้วว่า ตอนนี้กำลังมีเทรนด์ใหม่บนถนนเมืองกรุง
นั่นคือ "การกระพริบไฟสูงเพื่อสั่งให้ฝั่งตรงข้ามหยุดรถ"
กับ "การยกมือออกมาโบกแล้วเปลี่ยนเลนทันที" หรือ "การปาดเข้าเลนแล้วค่อยยกมือบอก"
กระแสนี้เริ่มต้นมาจากแท็กซี่เหมือนแต่ก่อน ตามมาด้วยรถส่งของ ตอนนี้เริ่มระบาดมาสู่อีโคคาร์และรถยุโรปแล้ว
เจอทุกวันโดยเฉพาะยามค่ำคืน กระพริบไฟสูง 1 ครั้งแล้วหักเลี้ยวทันที เพราะถือว่าเตือนรถฝั่งตรงข้ามให้เบรคแล้ว
หรือจะเป็นช่วงรถติดหนักกลางเมือง อยากจะเปลี่ยนเลนก็ทิ่มหัวออกมาก่อน แล้วยกมือ 1 ที คือหมายความว่ารู้ตัวว่าผิดแต่ก็จะไป
คนขับรถในเมืองกรุงก็คงต้องปรับตัวกันไปให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ๆเสมอ
แต่ถ้ารู้สึกตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิด ก็ลองเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน ไม่ต้องรอให้คนอื่นทำ หรือ คิดแต่ว่า "ใครๆก็ทำกัน ไม่ทำก็โง่แล้ว"
ยังไงก็ถึงปลายทางเหมือนกัน โดยคนอื่นไม่เดือดร้อนด้วย
การกระพริบไฟสูง & ยกมือออกมาโบก แล้วปาดออกทันที สัญลักษณ์ใหม่บนถนนเมืองกรุง
สังเกตมาซักระยะแล้วว่า ตอนนี้กำลังมีเทรนด์ใหม่บนถนนเมืองกรุง
นั่นคือ "การกระพริบไฟสูงเพื่อสั่งให้ฝั่งตรงข้ามหยุดรถ"
กับ "การยกมือออกมาโบกแล้วเปลี่ยนเลนทันที" หรือ "การปาดเข้าเลนแล้วค่อยยกมือบอก"
กระแสนี้เริ่มต้นมาจากแท็กซี่เหมือนแต่ก่อน ตามมาด้วยรถส่งของ ตอนนี้เริ่มระบาดมาสู่อีโคคาร์และรถยุโรปแล้ว
เจอทุกวันโดยเฉพาะยามค่ำคืน กระพริบไฟสูง 1 ครั้งแล้วหักเลี้ยวทันที เพราะถือว่าเตือนรถฝั่งตรงข้ามให้เบรคแล้ว
หรือจะเป็นช่วงรถติดหนักกลางเมือง อยากจะเปลี่ยนเลนก็ทิ่มหัวออกมาก่อน แล้วยกมือ 1 ที คือหมายความว่ารู้ตัวว่าผิดแต่ก็จะไป
คนขับรถในเมืองกรุงก็คงต้องปรับตัวกันไปให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ๆเสมอ
แต่ถ้ารู้สึกตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิด ก็ลองเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน ไม่ต้องรอให้คนอื่นทำ หรือ คิดแต่ว่า "ใครๆก็ทำกัน ไม่ทำก็โง่แล้ว"
ยังไงก็ถึงปลายทางเหมือนกัน โดยคนอื่นไม่เดือดร้อนด้วย