เทคนิคการทำหนังสไตล์ 'คริสโตเฟอร์ โนแลน'



คริสโตเฟอร์ โนแลน เกิดในเดือนกรกฎาคม 1970 เขาค่อนข้างจะเหมาะกับหนังซัมเมอร์ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เขาตั้งมั่นว่าจะต้องได้ดื่มด่ำกับความน่าตื่นใจกับหนังบล็อกบัสเตอร์ในช่วงเดือนสำคัญของการดูหนัง มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่เขาได้ของเล่นชิ้นใหม่มาจนเขาหลงใหลติดใจตลอดชีวิที่เหลือของเขา ของเล่นชิ้นนั้นคือ กล้อง Super 8 นั่นเอง

ผลพวงจากความทะเยอะทานยานและศึกษาศาสตร์การเล่าเรื่องในมหาวิทยาลัยทำให้เขาสร้างหนังสั้นเรื่อง Doodlebug และหนังยาวเรื่อง Memento จนได้รับคำชม และได้ทำหนังกับสตูดิโอด้วยการผสมความฉลาดเข้าไว้กับวัฒนธรรมป๊อบอย่างลงตัว เขาทั้งบุกรุกความฝันของพวกเรา ดัดแปลงตระกูลหนัง และสร้างสิ่งวิเศษขึ้นมา

และนี้เป็นทิปการทำหนังของเขา จากชายผู้พาคนดูเข้าไปสู่ซอกเหลือบแห่งจิตใจชายผู้เป็นดั่งอัศวินแห่งรัตติกาล


▶▷ค้นหายอดฝีมือ◀◁


คุณจะทำอย่างไรที่จะเชื้อเชิญช่างภาพผู้มีความสามารถแบบ วอลลี่ ฟิสเตอร์ ? ผู้กำกับปัญญาหลักแหลมแบบ คริสโตเฟอร์ โนแลน ? หรือผู้ออกแบบเสียงที่เหมาะสม ? คนทำสีหรือคนตัดต่อในแบบที่คุณต้องการได้ ?

คำตอบคือ งานเทศกาลช่วยคุณในการเชื่อมสัมพันธ์กับเครือข่ายต่างๆเหล่านี้ได้

“ผมเคยไปเทศกาล Slamdance ด้วยหนังเรื่อง Following ครั้งหนึ่งที่หนังเรื่อง Hi-line ของ รอน จัดกิน ขึ้นฉายในเทศกาลซันแดนซ์ ผมคิดว่ามันเป็นหนังที่จัดการได้อย่างสวยงาม ชัดเจนที่จะผลิตด้วยทรัพยากรอันจำกัด ผมได้พบคนที่ถ่ายหนังเรื่องนี้ ผมตัดสินใจตั้งแต่คุยกันแวบแรกเลยว่าอยากทำงานร่วมกับ วอลลี่ เราเข้ากันได้ดี เรารู้ว่าวันนี้เราเก่งขึ้นแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของเราไม่เคยเปลี่ยน เราประสานงานกันจนแปลงความคิดเป็นภาพตรงกันเสมอ
ต่อไปถ้าคุณประทับใจงานของใครในเทศกาล จงไปบอกเขาหรือเธอ มันอาจนำไปสู่สายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง หมายความว่าตอนที่คุณอยู่ที่แทศกาล คุณต้องเจียดเวลาไปดูหนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่หนังของคุณบ้างล่ะ


▶▷เข้าใจงานทุกอย่างในกองถ่าย◀◁


“ผมสนใจในทุกส่วนของการทำหนัง เพราะผมควรทำทุกส่วนด้วยตัวผมเอง ทั้งการบันทึกเสียง พากย์ทับ ไปจนถึงการตัดต่อ และการใช้เสียงดนตรี ผมรู้สึกโชคดีที่เป็นสมาชิกรุ่นสุดท้ายที่ตัดต่อด้วยเครื่องตัดต่อหนังแบบเก่า ที่ใช้การตัดฟิล์มเข้าและเอาออกจากกันด้วยมือจริงๆ ทำให้ผมมีพื้นฐานที่ดีที่รู้ภาพรวมทั้งหมดในเชิงเทคนิคของภาพยนตร์ซึ่งมีค่าต่อผมมากๆ และมันทำให้ทุกสิ่งดูง่ายไปหมดเพราะผมหลงใหลและต้องการทดลองทำ คุณไม่มีทางที่จะเรียนรู้บางสิ่งได้อย่างลึกซึ้งเมื่อคุณไม่ได้สงสัยใคร่รู้กับสิ่งนั้นอย่างจริงจัง”


▶▷ถ่ายทำในสถานที่จริงจะเพิ่มความน่าเชื่อถือ◀◁


โนแลนยังคงแสดงความชื่นชอบการถ่ายหนังด้วยฟิล์มมากกว่าดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้กล้องถ่ายทำและใช้สถานที่จริงๆ และยังคงเชื่อว่าการใช้ CG น้อยเท่าที่เป็นไปได้เท่าไหร่ ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์การผจญภัยในการดูหนังอย่างแท้จริง


▶▷เป็นคนรักหนังตัวจริงเสียงจริง◀◁


ในทุกครั้งที่สัมภาษณ์โนแลน โนแลนมักจะเอ่ยชื่อหนังออกมาต่างๆนานา (บ่อยๆ จะเป็น Blade Runner) ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจมา เขาเป็นกีคหนัง ขณะที่เราถามเรื่องส่วนประกอบของหนังเรื่อง Inception เขาตอบว่า

“ผมเป็นคนรักหนัง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หัวผมคิดเสมอ และผมคิดว่าที่ไหนนะที่จิตใจคนส่วนมากจะไปหากเขาถูกสร้างพื้นที่ซึ่งถูกควบคุมจากการโจรกรรมเอาไว้ ผมต้องการความฝันแบบ Inception เพื่อสะท้อนศักยภาพที่ไม่สิ้นสุดของจิตใจมนุษย์ เป็นหนังแนวระทึกขวัญ ของสายลับที่เดินทางทั่วโลก ถ่ายทำด้วยสเกลที่ใหญ่ ความมืดหม่นของตัวละคร มอล สำคัญกับผมมาก ผมอ้างอิงมาจากตัวละครคลาสสิกแบบ หญิงร้ายยั่วเสน่ห์ (femme fatale) บุคลิกและความสัมพันธ์ของเธอ กับ จิตใจของ คอปป์ แสดงให้เห็นชัดเจนที่พบได้ในหนังฟิล์มนัวร์ อีกทั้งโรคประสาทของตัวละครหลัก ความหวาดกลัวของเขากับสิ่งเขาล่วงรู้เกี่ยวกับเธอ เขาตกอยู่ในภวังค์รักเธอ ประมาณนั้นครับ”


▶▷เรียนรู้ระหว่างการเขียนเรื่องภายในจิตใจกับเรื่องภายนอกให้คลุกเคล้ากัน◀◁


ผมพยายามเขียนบทจากภายในออกสู่ภายนอก ผมต้องพยายามเข้าไปในโลกของเรื่องราวและตัวละคร พยายามจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในโลกนั้นจริงๆ มากกว่าคิดแค่ว่ามันเป็นหนังที่ผมได้ดูบนจอภาพยนตร์เท่านั้น บางครั้งผมก็ใคร่ครวญค้นหาถึงวิธีการต่างๆที่คนดูจะรู้สึกกับตัวละครและเรื่องราวของผม ว่างๆคุณก็ควรวางแผนกับแผนภาพที่ทำให้มันเป็นรูปธรรมออกมา การเขียนสำหรับผม มันเป็นการทำงานร่วมกันทั้งสองสิ่งที่ได้กล่าวไป คุณต้องทำให้เป็นรูปธรรมในเวลาที่คุณต้องไปให้ถึงจุดสำคัญของเรื่อง และค่อยทำให้เป็นนามธรรมในเวลาอื่นๆ และนั้นจะทำให้คุณค้นหาประสบการณ์ร่วมทางอารมณ์ของผู้ชมได้”

ไม่จำเป็นต้องเป็นความคิดที่ตรงไปตรงมาเสมอไป แต่ทำให้มันอยู่ในชั้นเชิงทางภาพยนตร์ที่เกี่ยวพันกับการมองเห็นทั้งในฐานะผู้สร้างสรรค์และผู้ชม เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นโลกที่มีพระเจ้าเข้าไปอยู่ในโลกที่คุณสร้างขึ้น รู้ในสิ่งที่ตัวละครไม่รู้ ต่อมาก็ดูผ่านสายตาของพวกเขา พยายามศึกษาความรู้สึกของผู้คนซึ่งจะได้รับจากการดูหนังของเรา

แปลโดย A-Bellamy
ที่มา filmschoolrejects

ฝากกดไลค์เพจด้วยครับ https://www.facebook.com/surcines
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่