ลิขิตขัตติยา บทที่ 2

กระทู้สนทนา









บทที่ 2






ใกล้เที่ยง...

ตะวันไม่ทันตรงหัว การเตรียมการณ์ทุกอย่างก็พรักพร้อม

ข้าวของที่จำเป็น ถูกทยอยนะไปสู่ห้องใหญ่ของราชินีชาร์มีย์ตั้งแต่แรก

ภูษาทรงขององค์หญิงยังปกติ

...สีฟ้าเหลือบเขียว ยามต้องแสงจะวาวประกายคล้ายสีรุ้ง

มีแต่พระเกศา ที่มุ่นเกล้ารวบเป็นมวย... ล้อมดอกไม้ขาวไว้พร้อม

พร้อมสำหรับพิธีบวงสรวงยามค่ำคืน

แต่เล็กมาแล้ว องค์หญิงเอรียาร์ ราชธิดาแห่งนครมาราลล์ มิเคยยอมให้ใครแตะต้อง

เรือนผมยาวตรง สลวย...ดำขลับ

ผิดจากบิดาและมารดา ผู้ซึ่งมีเส้นพระเกศาสีน้ำตาลเข้ม

คราวแรกที่เห็น ราชาราเอลล์ยังสรวล

ประกาศ ณ ที่เฝ้าว่าเป็นเกศาที่พระบิดาผู้ล่วงลับของพระองค์เอง ประทานให้นัดดา

บิดาผู้ล่วงลับ ผู้รวบรวมนครเล็กๆ แถบนี้เข้าเป็นอาณาจักร…

มาราลล์... เคย... ยิ่งใหญ่ ทัดเทียม... ไม่ต้องเกรงอำนาจของอาณาจักรอื่นใด

และ...

ราชธิดาพระองค์เดียว คล้ายเกิดมาเพื่อการเช่นนั้น

...ยิ่งใหญ่ ทัดเทียม... ไม่เคยเกรงอำนาจของผู้ใด

“เจ้าไม่อยู่ในที่เฝ้า... มาร์มัด”

ราชธิดาผู้ไม่เคยเกรงใคร เอ่ยทักทันทีที่เห็น

มาร์มัดคือบุตรชายของมหาแสนยากร

อายุมากกว่าเจ้าหญิงเอรียาร์สองปี แต่ความสูงไล่เลี่ยกัน

หากเปรียบกับชายชาติทหารทั่วไป อาจจัดว่ารูปร่างเล็กไปสักหน่อย

ทั้งที่ความหล่อเหลาและองอาจ ยากนักที่จะมีผู้ใดเทียบเทียมทัน

เขายิ้ม กว้างขวาง ไม่ติดใจกับคำทัก ที่คล้ายการกล่าวโทษเสียมากกว่า

“ชุดกระโปรง นานนักที่เกล้าฯ ไม่เคยได้เห็น”

“เราสวมออกจะบ่อยไป”

“เกล้าฯ หมายถึงข้างนอกนี้”

ใช่...

ปกติในฐานะราชธิดา องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ควรจะสงวนพระองค์อยู่แต่ในที่รโหฐาน

มิให้ต้องแดดลม

หรือคมสายตาจากชายใด

แต่...

ก็เป็นปกติอีกเช่นกัน ในฐานะราชธิดา...

ราชธิดาแห่งนครมาราลล์

ที่มักปรากฏองค์ในชุดพร้อมศึก สวมกางเกงยาวรัดข้อเท้า เสื้อตัวเล็กสั้น

มีเพียงผ้าคลุมผืนยาวเบาบาง ซ้อนซับห่มคลุม...

ให้รู้ว่ายังรักษาธรรมเนียมแห่งสตรี...

...ไว้ได้บ้าง

“เจ้าคุมกำลังทหาร ตระเวนไปทั่วเขตแดน ไม่รู้เลยรึว่ามีใครผ่านเข้าออก”

“ทหารของเกล้าฯ มิได้ไปยืนเรียงล้อมอาณาจักรไว้นี่นะ”

มาร์มัดถือเป็นเพื่อนคนสนิทขององค์หญิงเอรียาร์ รวมถึงเป็นคู่ซ้อม ฝึกฝนเรื่องศัตราวุธต่างๆ ตลอดมา จึงกล้ากล่าวให้เห็นเป็นเรื่องเล่นๆ ได้เช่นนี้

“ไอ้...”

“หรือหากองค์หญิงประสงค์จะให้เกล้าฯ ทำเช่นนั้น ก็โปรดสั่งการ”

“ใช่! เราจะสั่งการ”

องค์หญิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“งั้นเกล้าฯ ต้องขอคำปรึกษา...”

พร้อมคำถาม แววตาบุตรชายของมหาแสนยากรยังพราวด้วยความขบขัน

“เรื่องอะไร!”

“ตรงแดนต่อแดน ที่เป็นทะเลสาบทอดยาวทางทิศตะวันตก จะให้ทำเช่นไร”

มาร์มัดอมยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าองค์หญิง... ออกจะ... ฉงน

“เรา... ไม่เข้าใจ”

“ก็ องค์หญิงจะสั่งการอย่างไรเล่า”

ราชธิดาแห่งราชาราอาลล์หน้าชาวาบ เมื่อนึกขึ้นได้

ก็ตนเอง กำลังประชดประชัน

จะสั่งการให้มาร์มัดจัดกำลังทหารไปล้อมเป็นรั้ว ให้ตลอดแนวราชอาณาจักร

แต่ตรงที่เขาถามกลับมา เป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ ปักปันกันไว้ว่าจะใช้ประโยชน์ร่วมกับนครข้างเคียง แล้วจะให้ใครไปยืนตั้งแถวได้

“มาร์มัด เจ้า! เจ้าไม่ใช่เพื่อนเรา เจ้าไม่ใช่เพื่อนแท้”

คราวนี้ต้องอาศัยเสียงดังเข้าข่ม

ฝ่ายตรงข้าม... มาร์มัด แสดงท่าทางละเหี่ยใจได้ทันการ

คุกเข่าลงตรงหน้า ทำที... น้อมรับบัญชา หรือไม่... น้อมรับราชอาญา

“ทหารของเจ้า ไม่ใช่หนอนบนซากศพ สักแต่ว่าเกิด แล้วกิน แล้วตาย บอกเรามา เจ้ารู้อะไรบ้าง”

“ทุกเรื่องที่องค์หญิง... ไม่อยากรู้”

ก็... แค่คุกเข่าไปอย่างนั้นเอง เพราะหางตาแลเห็น ท่านมหาเสนานั่งคานหาม ผ่านไปไกลๆ แต่ถ้อยคำของมาร์มัดยังยียวน

“อยู่ที่ว่า... ตอนนี้ องค์หญิงอยากให้เกล้าฯ รู้เรื่องอะไรมากกว่า”

ราชธิดาแห่งกษัตริย์ราอาลล์ชะงัก ไตร่ตรอง

ควรสักแค่ไหน ที่จะบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ...ให้... เพื่อน... ได้รับรู้

“สายของเรา ให้ข่าวมาว่า ทางซาบาห์ส่งคนลอบเข้ามา”

แล้วก็ตัดสินใจ... ตอนนี้... ให้รู้แค่นี้ก็พอ

“อย่าว่าแต่คนของซาบาห์ คนของพระองค์ เกล้าฯ ยังไม่ได้ข่าวคราว”

“เจ้า... มาร์มัด เจ้าลอบติดตามคนของเรางั้นรึ”

อารมณ์กรุ่นขึ้นอีก มาร์มัดช่างยียวนไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“มันเป็นหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ ที่จริง เรื่องของผู้หญิง เกล้าฯ ไม่อยากใส่ใจ”

“แต่พระบิดายืนยัน มีราชสาสน์จากซาบาห์”

“เกล้าฯ ก็ขอยืนยัน แม้ทหารของเกล้าฯ จะไม่ได้ไปยืนเกาะแขนต่อไหล่กันรอบเขตแดน แต่รับรองว่าไม่มีชาวแปลกหน้าผู้ใด ลักลอบเข้ามาได้เป็นแน่”

“อย่างนั้นเจ้าก็พลาดแล้วละมาร์มัด”

แล้วก่อนจะได้ถาม “พลาด เพราะอะไร” มาร์มัดก็ต้องระงับคำ

แม้จะสนิทกันเพียงไร แต่ต่อหน้าผู้อื่น ต้องสำรวม

ทั้งเพื่อให้เกียรติในศักติแห่งราชธิดา และไว้เกียรติของตนเอง มิให้ใครได้ปรามาสต่อหน้า ว่า นิยมสนิทสนมสุงสิงกับสตรี ในแบบเพื่อนต่อเพื่อน มากกว่าเชิงชู้สาว

โดยเฉพาะ คนที่ผ่านเข้ามานั้นคือ ชารีฟ

บุตรแห่งท่านมหาเสนา ไม้เบื่อไม้เมา ที่ไม่เคยลงรอยกันได้สนิทใจ

“พระเจ้าประทานพร...”

ชารีฟ คุกเข่าถวายคำนับตามพิธีการ

เมื่อยืนขึ้นอีกครั้ง

ยืนเคียงกับมาร์มัด เหมือนจงใจแกล้ง

มาร์มัดสูงเพียงแค่ไหล่ของชารีฟแค่นั้น

“มีอะไรก็ว่าไปสิ”

เจ้าหญิงเอรียาร์ก็ไม่ได้ชอบหน้าชารีฟนัก

เพราะเขาหยิ่งทะนงเกินไป องอาจเกินไป พิธีการเกินไป และยังมีอะไรๆ ที่ออกจะเกินๆ ไป ในอีกหลายๆ เรื่อง

ในสายตาของผู้หญิงทั่วไป อาจจะพากันเฝ้ามองและใฝ่ฝัน

ชารีฟ ผู้สมบูรณ์แบบ

เป็นชายชาติวีรบุรุษ ครบถ้วนด้วยทรัพย์สินบริวาร ดำรงวงศ์ตระกูลและเกียรติคุณแห่งตนไว้ได้สมบูรณ์พร้อม... สม่ำเสมอ

สำหรับผู้หญิงทั่วไปน่ะใช่ อาจต้องการให้เขาปกป้องคุ้มครอง

แต่สำหรับ เจ้าหญิงเอรียาร์นั้น...

ไม่!

ราชธิดาแห่งมาราลล์ ไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากใคร

แม้กับมาร์มัด เจ้าหญิงก็มองเขาเป็นเพียงแค่เพื่อน หรือไม่ก็... คู่ซ้อมฝีมือ

“มีสารจากซาบาห์มาจริง”

ชารีฟถวายรายงาน ด้วยอาการสำรวม สายตาจรดอยู่ไม่เกินปลายจมูกตน

คำรายงานนั้น... องค์หญิงใจหาย แต่เสียงถามยังปกติ

“รู้ได้อย่างไร”

คราวนี้ ชารีฟ ผู้บัญชาการตำรวจหลวง ยื่นสิ่งหนึ่งให้ดู พร้อมอธิบาย

“เหยี่ยวทะเลทราย มาราลล์ของเราไม่ได้ใช้เหยี่ยวชนิดนี้ในการสื่อสาร”

“ที่อื่นนอกจากซาบาห์ก็อาจใช้”

“ต้องมาจากซาบาห์ มันบินหนีไปทางทิศนั้น”

“ขนาดจับนกสักตัวยังไม่ได้เชียวรึ”

“เราพยายามแล้วองค์หญิง เหยี่ยวชนิดนี้บินสูงกว่าระยะศร ปกติอดอาหารได้หลายวัน ตัวนี้คงหิวจัด จึงยอมเข้าใกล้เหยื่อ แต่มันยังเปรียว หลบรอดมือขมังธนูของเราไปได้”

“เป็นฝีมือท่านเองหรือเปล่า ที่ยิงพลาด”

มาร์มัดแกล้งถาม

“ใช่ ฝีมือข้าเอง แล้วยังไง อย่างน้อยเราก็รู้ว่า ข่าวเมื่อเช้า เป็นความจริง”

“ข่าวเรื่องใด”

“สยุมพร พิธีวิวาห์ของราชธิดาแห่งมาราลล์ กับราชโอรสแห่งซาบาห์”

“หยุดพูดได้แล้วชารีฟ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น”

องค์หญิงต้องปราม ไม่อยากฟังเรื่องนี้ แม้อีกสักนิด

“ท่านว่าอะไรนะชารีฟ องค์หญิงจะสยุมพรกับใคร”

“มาร์มัด เสียแรงที่ท่าน... เป็นถึง... เถิด เมื่อเช้าท่านคงไม่ได้เข้าเฝ้า”

“เราเพิ่งมาถึง ข่าวจากซาบาห์ ที่จริงก็มี แต่ไม่ใช่เรื่องการพิธี”

ชารีฟ มองหน้ามาร์มัดตรงๆ เมื่อเขาพูดจบ

ถาม... โดยไม่เอ่ยวาจา

“ซาบาห์อาจจะยุ่งๆ”

“เรื่องใด เตรียมงานวิวาห์งั้นรึ”

“บอกแล้วว่าไม่ใช่”

“แล้วเรื่องไหน”

“จากสายข่าวของเรา องค์รัชทายาทหายตัวไป ระหว่างประพาสเขตแดนตะวันออก”

“ชายแดนของเรา?”

“ใช่”

“หรือ... เจ้านกนั่น”

ชารีฟมีท่าไตร่ตรองขึ้นมาทันที

นกนั่น สังเกตได้แต่ไกล ปลอกขาสีทองประดับอัญมณี ต้องเป็นของผู้สูงศักดิ์

รัตนชาติสีแดงสุกปลั่งหากยากในแถบทวีปนี้ ค่าต้องมหาศาล

ระดับรัชทายาทนั่นละ ที่คู่ควร ฝึกหัด ใช้สอย และ... มอบรางวัล

“เจ้านก ไอ้เจ้าของขนนี่น่ะเรอะ”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมคิดว่า อาจ...”

“ชารีฟ อย่าอ้ำอึ้งได้ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ คือ กระหม่อมคิดว่า มันอาจมาตามหาเจ้าของ หรือไม่ก็ เจ้าของของมันนั่นละที่พามันมาถึงนครมาราลล์ของเรา”

องค์หญิงต้องลอบกลืนน้ำลาย

เจ้าวิศราน์อะไรนั่น

หรือจะเป็นรัชทายาทแห่งซาบาห์

ปลอมตัว... มาส่งสาร... ด้วยตนเอง

ว่า... หลังจากดูตัวว่าที่เจ้าสาวแล้วก็... ตกลง

“ไม่นะ... ไม่จริง”



(มีต่อ...)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่