[พระไตรปิฏก]อุโบสถศีลเปรียบเหมือนรัศมีพระจันทร์
บุคคลไม่พึงฆ่าสัตว์
ไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
พึงเว้นจากเมถุนธรรม อันมิใช่ความประพฤติของพรหม
ไม่พึงพูดเท็จ
ไม่พึงดื่มน้ำเมา
ไม่พึงบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ในราตรี
ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และของหอม
พึงนอนบนเตียง บนแผ่นดิน หรือบนเครื่องลาดด้วยหญ้า
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวอุโบสถ ๘ ประการ นี้แล
ที่พระพุทธเจ้าผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ทรงประกาศแล้ว
พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสองส่องแสงสว่างไสว
ย่อมโคจรไปตามวีถีเพียงไร
พระจันทร์และพระอาทิตย์นั้น ก็ขจัดมืดได้เพียงนั้น
ลอยอยู่บนอากาศ ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้า
ทรัพย์ใดอันมีอยู่ในระหว่างนี้ คือแก้วมุกดา แก้วมณี
แก้วไพฑูรย์อย่างดี หรือทองมีสีสุกใส ที่เรียกกันว่า หตกะ
พระจันทร์ พระอาทิตย์และทรัพย์นั้น ๆ
ก็ยังไม่ได้แม้เสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถ
อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
เปรียบเหมือนรัศมีพระจันทร์ ข่มหมู่ดวงดาวทั้งหมด ฉะนั้น.
เพราะฉะนั้นแหละ หญิงหรือชายผู้มีศีล
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
แล้วกระทำบุญทั้งหลาย อันมีสุขเป็นกำไร
ไม่มีใครติเตียน ย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
หน้าที่ ๑๙๙ ข้อที่ ๑๓๒
[พระไตรปิฏก]อุโบสถศีลเปรียบเหมือนรัศมีพระจันทร์
บุคคลไม่พึงฆ่าสัตว์
ไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
พึงเว้นจากเมถุนธรรม อันมิใช่ความประพฤติของพรหม
ไม่พึงพูดเท็จ
ไม่พึงดื่มน้ำเมา
ไม่พึงบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ในราตรี
ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และของหอม
พึงนอนบนเตียง บนแผ่นดิน หรือบนเครื่องลาดด้วยหญ้า
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวอุโบสถ ๘ ประการ นี้แล
ที่พระพุทธเจ้าผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ทรงประกาศแล้ว
พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสองส่องแสงสว่างไสว
ย่อมโคจรไปตามวีถีเพียงไร
พระจันทร์และพระอาทิตย์นั้น ก็ขจัดมืดได้เพียงนั้น
ลอยอยู่บนอากาศ ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้า
ทรัพย์ใดอันมีอยู่ในระหว่างนี้ คือแก้วมุกดา แก้วมณี
แก้วไพฑูรย์อย่างดี หรือทองมีสีสุกใส ที่เรียกกันว่า หตกะ
พระจันทร์ พระอาทิตย์และทรัพย์นั้น ๆ
ก็ยังไม่ได้แม้เสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถ
อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
เปรียบเหมือนรัศมีพระจันทร์ ข่มหมู่ดวงดาวทั้งหมด ฉะนั้น.
เพราะฉะนั้นแหละ หญิงหรือชายผู้มีศีล
เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
แล้วกระทำบุญทั้งหลาย อันมีสุขเป็นกำไร
ไม่มีใครติเตียน ย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
หน้าที่ ๑๙๙ ข้อที่ ๑๓๒