
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด : 10 มีนาคม
ไม้กายสิทธิ์ : ไม้ไซเปรส แกนขนยูนิคอร์น ยาว 10 เศษหนึ่งส่วนสี่นิ้ว ยืดหยุ่นง่าย
สถานะทางสายเลือด : เลือดผสม พ่อเป็นพ่อมด แม่เป็นมักเกิ้ล
บ้านที่ฮออกวอตส์ : กริฟฟินดอร์
ครอบครัว : แต่งงานกับนิมฟาดอร่า ท็องส์, มีลูกชายหนึ่งคนคือ เอ็ดเวิร์ด (เท็ดดี้) ลูปิน
ความสามารถพิเศษ : ความเชี่ยวชาญในการรับมือและป้องกันตัวกับสิ่งมีชีวิตศาสตร์มืดชนิดต่างๆ
รางวัลเกียรติยศ : เหรียญตราแห่งเมอร์ลินขั้นหนึ่ง เป็นมนุษย์หมาป่าคนแรกที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้
เสียชีวิต : 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1998
ก่อนรีมัสจะเกิด
รีมัสเป็นลูกชายคนเดียวของ ไลอัล ลูปิน พ่อมดหนุ่มผู้ฉลาดหลักแหลมแต่ขี้อายและมีชื่อเสียงอันโด่งดังจากผลงานการเขียนหนังสือเรื่อง ประเภทของวิญญาณอมนุษย์ (Non-Human Spirit Apparitions) ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโพลเตอไกสต์ บ็อกการ์ต และสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกหลายๆชนิดซึ่งมีพฤติกรรมและรูปร่างคล้ายกับวิญญาณ หมายถึงไม่ได้มีตัวตนอยู่แท้จริงแต่ในขณะเดียวกันก็มีคนสัมผัสถึงมันได้ แม้แต่ในโลกของผู้วิเศษก็ตาม
ในการเดินทางไปยังป่าทึบในเขตเวลส์สถานที่ที่มีการร่ำลือกันว่าเป็นที่อยู่ของบ็อกการ์ตที่ดุร้ายที่สุด ทำให้ไลอัลได้พบกับว่าที่ภรรยาของตนเองในอนาคต โฮป โฮเวล มักเกิ้ลสาวรูปงามซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัยในคาร์ดิฟท์ซึ่งบังเอิญไปเดินเล่นในบริเวณที่ใกล้กับป่าทึบ แม้แต่พวกมักเกิ้ลก็อาจสัมผัสได้ถึงบ็อกการ์ตกับโพลเตอร์ไกส์ได้เช่นกัน และโฮปผู้ซึ่งมีจินตนาการล้ำลึกและอ่อนไหวง่ายต่อสิ่งรอบตัวก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเธอผ่านออกมาจากหมู่แมกไม้ดำทึบจนในที่สุดความคิดของเธอก็เตลิดออกไปและบ็อกการ์ตซึ่งแปลงร่างเป็นชายร่างใหญ่ดูคล้ายกับปิศาจก็พุ่งออกมาจากแมกไม้อย่างรวดเร็วพร้อมเสียงร้องคำรามและยื่นมือออกมาทั้งสองข้างเตรียมที่จะโจมตีเธอ
ไลอัลได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ เขารีบวิ่งผ่านดงไม้อย่างรวดเร็วและโบกไม้กายสิทธิ์ บ็อกการ์ตตัวนั้นก็หดกลายเป็นเห็ดป่าต้นเล็กๆนอนอยู่ที่พื้น โฮปที่กำลังตกใจกลัวและสับสนคิดว่าไลอัลจะเข้ามาทำร้ายเธอเพราะเธอคิดว่าตนเองได้บุกรุกเข้ามาในที่ส่วนตัวของเขา ประโยคแรกที่ไลอัลพูดกับเธอคือ "ไม่เป็นไร มันก็แค่บ็อกการ์ตเท่านั้นเอง" ซึ่งไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไรนัก แต่ไลอัลเมื่อสังเกตุดูโฮปอย่างถ่องแท้เขาจึงพบว่าเธอนั้นสวยมากขนาดไหน เขาตัดสินใจไม่พูดถึงบ็อกการ์ตอีกและบอกเธอไปว่าเขาเห็นชายร่างใหญ่น่ากลัวคนหนึ่งกำลังจะเข้ามาทำร้ายเธอ และเขาก็คิดออกอย่างฉับไวด้วยไหวพริบ(ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวเอง)คือ เขาขอตามไปส่งโฮปที่บ้านด้วยเหตุผลที่ว่าจะคอยคุ้มครองเธอเอง
ทั้งสองตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา แม้ว่าต่อมาไลอัลจะสารภาพอย่างน่าอายกับโฮปในหลายเดือนต่อมา ว่าจริงๆแล้วโฮปไม่เคยตกอยู่ในอันตรายจริงๆอย่างที่เธอเข้าใจ จะทำให้เธอสนใจในตัวเขาน้อยลง แต่เพื่อทำให้ไลอัลสมหวังโฮปก็ตอบรับคำขอแต่งงานของเขาและเธอก็พุ่งความสนใจไปยังการเตรียมงานแต่งงาน ซึ่งจบอย่างสมบูรณ์โดยการตัดเค้กที่มีรูปบ็อกการ์ตอยู่บนยอดของเค้ก
วัยเด็กและการถูกกัด
ไลอัลและโฮปมีลูกชายคนแรกและคนเดียวคือ รีมัส ลูปิน ซึ่งถือกำเนิดหลังจากทั้งสองแต่งงานกันได้หนึ่งปี รีมัสเป็นเด็กชายตัวเล็กๆที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและร่าเริง เขามีลักษณะของเวทมนตร์ปรากฏออกมาตั้งแต่แรกเกิด และทั้งไลอัลและโฮปก็หวังว่ารีมัสจะเจริญรอยตามพ่อของเขาซึ่งรวมไปถึงการได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์
เมื่อรีมัสอายุได้ 4 ขวบ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มศาสตร์มืดเริ่มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนเพียงส่วนน้อยที่รู้ว่าอะไรที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีและความเคลื่อนไหวนี้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจของลอร์ดโวลเดอมอร์ครั้งที่หนึ่งเริ่มก้าวหน้ามากขึ้นและกลุ่มผู้เสพความตายก็เริ่มหาพรรคพวกจากกลุ่มสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดต่างๆเพื่อยึดอำนาจของกระทรวงเวทมนตร์ ทางกระทรวงจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืด (แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แทบจะไม่เป็นอันตรายอย่างบ็อกการ์ตกับโพสเตอร์ไกต์) มาพูดคุยกับสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้เสพความตาย ไลอัล ลูปิน คือหนึ่งในคนที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ภายใต้การทำงานของกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ นี่เป็นงานที่เขาทำอย่างมีความสุขและเป็นสถานที่ซึ่งเขาได้พบกับมนุษย์หมาป่า เฟนเรีย เกรย์แบ็ก เป็นครั้งแรกซึ่งถูกนำตัวมาสอบสวนเกี่ยวกับคดีการตายของเด็กมักเกิ้ลสองคน
สำนักงานลงทะเบียนมนุษย์หมาป่าเป็นหน่วยงานที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าใด มนุษย์หมาป่ามักจะถูกรังเกียจจากชุมชนผู้วิเศษจึงทำให้พวกเขาไม่ติดต่อหรือมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกันและมักจะอยู่รวมกันเป็น "ฝูง" และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ถูกจับตัวมาขึ้นทะเบียน เกรย์แบ็กผู้ซึ่งยังไม่เคยถูกกระทรวงตรวจพบหรือจับได้ว่าเป็นมนุษย์หมาป่าได้ให้การว่าเขาเป็นแค่มักเกิ้ลเร่ร่อนคนหนึ่งซึ่งกำลังตกใจอย่างมากที่มาอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่มดและรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากที่ถูกถามถึงการตายของเด็กที่น่าสงสาร
ด้วยสภาพการแต่งกายที่สกปรกและไม่มีกายสิทธิ์ติดตัวนั้นมากพอที่จะทำให้กรรมการสอบสวนสองคนที่ทำงานมาอย่างหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อนและไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าเชื่อว่าสิ่งที่เกรย์แบ๊กพูดเป็นความจริง แต่ไม่ใช่กับไลอัล ลูปิน เขารู้จักอย่างดีถึงลักษณะและพฤติกรรมของมนุษย์หมาป่าที่ปรากฏอยู่บนตัวของเกรย์แบ๊ก เขาจึงเสนอแก่คณะกรรมการสอบสวนว่าให้กักตัวเกรย์แบ๊กไว้จนกว่าจะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป ซึ่งก็อีกแค่ 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้เอง
เกรย์แบ๊กนั่งอย่างนิ่งเงียบขณะที่ไลอัลถูกเพื่อนร่วมงานคณะกรรมการหัวเราะเยาะ ไลอัลซึ่งปกติเป็นคนสุภาพถึงกับโกรธมากและโพล่งออกมาว่า มนุษย์หมาป่าเป็นปิศาจที่ไร้ความเป็นมนุษย์และสมควรตาย ไลอัลถูกคณะกรรมการไล่ออกจากห้องสอบสวนและประธานกรรมการก็ขอโทษมักเกิ้ลเร่ร่อนที่นั่งเงียบอยู่และก็ปล่อยตัวเขาไป
พ่อมดที่คุ้มกันสองคนซึ่งพาตัวเกรย์แบ๊กออกมาจากห้องสอบสวนได้รับคำสั่งให้ใช้คาถาลบความทรงจำกับเขาซึ่งลืมทำก่อนที่เขาจะถูกพาตัวออกมาจากห้องสอบสวน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ลงมือเพราะถูกโจมตีจากเกรย์แบ็กและมนุษย์หมาป่าอีกสองคนที่ดักรออยู่ตรงทางออก จากนั้นมนุษย์หมาป่าทั้งสามตัวก็หนีไป เกรย์แบ็กไม่รอช้าที่จะบอกให้เพื่อนมนุษย์หมาป่ารู้ว่าไลอัล ลูปินพูดถึงพวกเขาว่าอย่างไร การแก้แค้นพ่อมดที่กล่าวว่ามนุษย์หมาป่านั้นสมควรตายจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่ากลัว
รีมัส ลูปินซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 5 ขวบในอีกไม่กี่วัน กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเมื่อ เฟนเรีย เกรย์แบ็ก งัดหน้าต่างประตูห้องนอนเข้ามาและลงมือทำร้ายเขา ไลอัลเข้ามาในห้องนอนทันเวลาที่จะรักษาชีวิตของลูกชายและใช้คำสาปที่รุนแรงไล่เกรย์แบ๊กออกไปจากบ้าน แต่ว่านับจากนี้เป็นต้นไป รีมัสก็จะโตขึ้นมาเป็นมนุษย์หมาป่า
ไลอัล ลูปิน ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองตลอดชีวิตกับคำพูดที่เขาโพล่งออกไปด้วยโทสะต่อหน้าเกรย์แบ็กในระหว่างการสอบสวน "ปิศาจที่ไร้ความเป็นมนุษย์และสมควรตาย" ตอนนี้เขากลับต้องทำในสิ่งที่มนุษย์หมาป่าทำท่ามกลางสังคมชุมชนผู้วิเศษ แต่ลูกชายของเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมน่ารักและฉลาด เว้นแต่ในคืนพระจันทร์เต็มดวง รีมัสต้องทนกับความเจ็บปวดทรมาณจากการกลายร่างและยังเป็นอันตรายกับทุกคนที่อยู่รอบตัว หลายปีที่ไลอัลเก็บเรื่องราวของสาเหตุการเป็นมนุษย์หมาป่าของลูกชายไว้เป็นความลับ ด้วยเกรงว่ารีมัสจะตามไปแก้แค้น
ไลอัลพยายามหาทางทุกวิถีทางเพื่อรักษาลูกชาย แต่ไม่ว่าจะเป็นคาถาหรือน้ำยาใดๆก็ไม่อาจรักษาลูกชายของเขาได้ นับแต่นี้ไปการใช้ชีวิตของครอบครัวของลูปินต้องคำนึงถึงการปกปิดสถานะของรีมัสเป็นหลัก พวกเขาย้ายบ้านจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งและจะย้ายออกจากเมืองทันทีเมื่อเริ่มมีชาวบ้านตั้งข้อสงสัยและปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับรีมัส เพื่อนๆของครอบครัวต่างสงสัยว่าทำไมรีมัสมักจะผอมลงทุกทีเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงรอบใหม่มาถึงยังไม่นับถึงการหายตัวไปของรีมัสเป็นประจำทุกเดือน รีมัสไม่สามารถเล่นกับเด็กคนอื่นๆได้เนื่องจากพ่อแม่เกรงว่ารีมัสจะหลุดปากออกมาเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้น แม้ว่ารีมัสจะได้รับความรักจากพ่อแม่มากแค่ไหนแต่เขาก็ยังเป็นเด็กที่โดดเดี่ยวมากอยู่ตลอดเวลา
เมื่อรีมัสยังเป็นเด็ก ช่วงที่เขาแปลงร่างการควบคุมเขาไว้ในพิ้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยการให้อยู่ในห้องที่ปิดล็อกและปกคลุมไว้ด้วยคาถาไร้เสียงก็เพียงพอ แต่เมื่อรีมัสโตขึ้น เมื่ออายุได้ 10 ปี ด้วยพลังของมนุษย์หมาป่าเขาสามารถทุบทำลายประตูและหน้าต่างได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงต้องใช้คาถาที่รุนแรงมากเพื่อยับยั้งเขา โฮปเริ่มผ่ายผอมลงด้วยโรควิตกกังวลและความหวาดกลัว สองสามีภรรยาลูปินรักลูกชายของพวกเขามาก ตอนนี้สภาพสังคมรอบๆตัวของพวกเขากำลังถูกลุมร้อมด้วยอำนาจของศาสตร์มืดที่กำลังคุกคามไปทั่วโลกผู้วิเศษ ดังนั้น ชุมชนผู้วิเศษจะไม่มีวันเมตตาหรือเห็นใจมนุษย์หมาป่านั่นทำให้ความหวังที่จะให้รีมัสเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์เป็นอันต้องดับลง ทั้งสองตัดสินใจที่จะสอนหนังสือให้กับรีมัสที่บ้านเอง
ช่วงเวลาที่ฮอกวอตส์
เมื่อรีมัสอายุได้ 11 ปี อัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ก็มาหาครอบครัวลูปินโดยไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า อาจารย์ใหญ่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูบ้านของครอบครัวลูปิน ด้วยความกลัวและสับสนไลอัลกับโฮปพยายามกันไม่ให้เขาเข้ามาในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามอีกห้านาทีต่อมา อัลบัสก็นั่งอยู่ข้างๆเตาผิงพร้อมกับกินขนมครัมเป็ตและเล่นเกมก็อบสโตนกับรีมัส
อัลบัสอธิบายให้ครอบครัวลูปินว่าเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของพวกเขา เกรย์แบ็กคุยโวไปทั่วถึงวีรกรรมต่างๆที่เขาได้ทำไว้และอัลบัสเองก็มีสายลับอยู่ในกลุ่มของศาสตร์มืดด้วย สุดท้ายอัลบัสบอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่รับรีมัสเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์พร้อมทั้งอธิบายถึงการเตรียมการไว้สำหรับการกลายร่างของรีมัสโดยเฉพาะ โดยบอกว่าเขาได้จัดสถานที่ไว้สำหรับการกลายร่างของรีมัสโดยที่จะไม่ทำอันตรายให้กับคนรอบตัว และอัลบัสยังเห็นด้วยที่ว่าเพื่อประโยชน์แก่รีมัสเองจึงไม่ควรบอกให้คนอื่นๆทราบถึงสถานะที่แท้จริงของรีมัส รีมัสจะถูกนำตัวออกไปยังบ้านพักซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยและสะดวกสบายเดือนละหนึ่งครั้ง ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ในฮอกมีดส์ซึ่งมีทางลับใต้ดินจากสนามของฮอกวอตส์ต่อไปยังบ้านพักนั้นโดยตรง
สำหรับรีมัสความตื่นเต้นที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเขาคือ เขาจะได้พบกับเด็กคนอื่นๆซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาจะมีเพื่อน
รีมัสถูกคัดสรรเข้าสู่บ้านกริฟฟินดอร์ ซึ่งเขาได้พบกับเด็กชายสองคนที่ดูร่าเริ่งและมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่งแถมยังหัวรั้นหน่อยๆอย่าง เจมส์ พอตเตอร์ และ ซิเรียส แบล็ก ทั้งสองถูกชักจูงให้เข้าหารีมัสด้วยความเป็นคนเงียบขรึมของรีมัสแต่มองเห็นถึงความตลกขบขันและความมีน้ำใจในตัวของพวกเขาทั้งสองคน (แม้ว่าเจมส์กับซิเรียสจะไม่รู้ว่าพวกเขามีสองสิ่งนี้เลยก็ตาม) รีมัสมักจะยอมและตามใจเพื่อนๆอยู่เสมอ เขายังใจดีกับ ปีเตอร์ เพ็ตตริกรูว์ เพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งเป็นเด็กชายร่างเล็กและท่าทางเงอะงะ คนที่เจมส์กับซิเรียสไม่เคยคิดว่าน่าสนใจหากรีมัสไม่แนะนำให้พวกเขารู้จัก แต่ท้ายสุดทั้งสี่คนก็กลายมาเป็นคู่หูซึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงาให้แก่กันและกัน
รีมัส ลูปิน อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มด และเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ (ค.ศ. 1993-1994)
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด : 10 มีนาคม
ไม้กายสิทธิ์ : ไม้ไซเปรส แกนขนยูนิคอร์น ยาว 10 เศษหนึ่งส่วนสี่นิ้ว ยืดหยุ่นง่าย
สถานะทางสายเลือด : เลือดผสม พ่อเป็นพ่อมด แม่เป็นมักเกิ้ล
บ้านที่ฮออกวอตส์ : กริฟฟินดอร์
ครอบครัว : แต่งงานกับนิมฟาดอร่า ท็องส์, มีลูกชายหนึ่งคนคือ เอ็ดเวิร์ด (เท็ดดี้) ลูปิน
ความสามารถพิเศษ : ความเชี่ยวชาญในการรับมือและป้องกันตัวกับสิ่งมีชีวิตศาสตร์มืดชนิดต่างๆ
รางวัลเกียรติยศ : เหรียญตราแห่งเมอร์ลินขั้นหนึ่ง เป็นมนุษย์หมาป่าคนแรกที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้
เสียชีวิต : 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1998
ก่อนรีมัสจะเกิด
รีมัสเป็นลูกชายคนเดียวของ ไลอัล ลูปิน พ่อมดหนุ่มผู้ฉลาดหลักแหลมแต่ขี้อายและมีชื่อเสียงอันโด่งดังจากผลงานการเขียนหนังสือเรื่อง ประเภทของวิญญาณอมนุษย์ (Non-Human Spirit Apparitions) ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโพลเตอไกสต์ บ็อกการ์ต และสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกหลายๆชนิดซึ่งมีพฤติกรรมและรูปร่างคล้ายกับวิญญาณ หมายถึงไม่ได้มีตัวตนอยู่แท้จริงแต่ในขณะเดียวกันก็มีคนสัมผัสถึงมันได้ แม้แต่ในโลกของผู้วิเศษก็ตาม
ในการเดินทางไปยังป่าทึบในเขตเวลส์สถานที่ที่มีการร่ำลือกันว่าเป็นที่อยู่ของบ็อกการ์ตที่ดุร้ายที่สุด ทำให้ไลอัลได้พบกับว่าที่ภรรยาของตนเองในอนาคต โฮป โฮเวล มักเกิ้ลสาวรูปงามซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัยในคาร์ดิฟท์ซึ่งบังเอิญไปเดินเล่นในบริเวณที่ใกล้กับป่าทึบ แม้แต่พวกมักเกิ้ลก็อาจสัมผัสได้ถึงบ็อกการ์ตกับโพลเตอร์ไกส์ได้เช่นกัน และโฮปผู้ซึ่งมีจินตนาการล้ำลึกและอ่อนไหวง่ายต่อสิ่งรอบตัวก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเธอผ่านออกมาจากหมู่แมกไม้ดำทึบจนในที่สุดความคิดของเธอก็เตลิดออกไปและบ็อกการ์ตซึ่งแปลงร่างเป็นชายร่างใหญ่ดูคล้ายกับปิศาจก็พุ่งออกมาจากแมกไม้อย่างรวดเร็วพร้อมเสียงร้องคำรามและยื่นมือออกมาทั้งสองข้างเตรียมที่จะโจมตีเธอ
ไลอัลได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ เขารีบวิ่งผ่านดงไม้อย่างรวดเร็วและโบกไม้กายสิทธิ์ บ็อกการ์ตตัวนั้นก็หดกลายเป็นเห็ดป่าต้นเล็กๆนอนอยู่ที่พื้น โฮปที่กำลังตกใจกลัวและสับสนคิดว่าไลอัลจะเข้ามาทำร้ายเธอเพราะเธอคิดว่าตนเองได้บุกรุกเข้ามาในที่ส่วนตัวของเขา ประโยคแรกที่ไลอัลพูดกับเธอคือ "ไม่เป็นไร มันก็แค่บ็อกการ์ตเท่านั้นเอง" ซึ่งไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไรนัก แต่ไลอัลเมื่อสังเกตุดูโฮปอย่างถ่องแท้เขาจึงพบว่าเธอนั้นสวยมากขนาดไหน เขาตัดสินใจไม่พูดถึงบ็อกการ์ตอีกและบอกเธอไปว่าเขาเห็นชายร่างใหญ่น่ากลัวคนหนึ่งกำลังจะเข้ามาทำร้ายเธอ และเขาก็คิดออกอย่างฉับไวด้วยไหวพริบ(ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวเอง)คือ เขาขอตามไปส่งโฮปที่บ้านด้วยเหตุผลที่ว่าจะคอยคุ้มครองเธอเอง
ทั้งสองตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา แม้ว่าต่อมาไลอัลจะสารภาพอย่างน่าอายกับโฮปในหลายเดือนต่อมา ว่าจริงๆแล้วโฮปไม่เคยตกอยู่ในอันตรายจริงๆอย่างที่เธอเข้าใจ จะทำให้เธอสนใจในตัวเขาน้อยลง แต่เพื่อทำให้ไลอัลสมหวังโฮปก็ตอบรับคำขอแต่งงานของเขาและเธอก็พุ่งความสนใจไปยังการเตรียมงานแต่งงาน ซึ่งจบอย่างสมบูรณ์โดยการตัดเค้กที่มีรูปบ็อกการ์ตอยู่บนยอดของเค้ก
วัยเด็กและการถูกกัด
ไลอัลและโฮปมีลูกชายคนแรกและคนเดียวคือ รีมัส ลูปิน ซึ่งถือกำเนิดหลังจากทั้งสองแต่งงานกันได้หนึ่งปี รีมัสเป็นเด็กชายตัวเล็กๆที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและร่าเริง เขามีลักษณะของเวทมนตร์ปรากฏออกมาตั้งแต่แรกเกิด และทั้งไลอัลและโฮปก็หวังว่ารีมัสจะเจริญรอยตามพ่อของเขาซึ่งรวมไปถึงการได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์
เมื่อรีมัสอายุได้ 4 ขวบ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มศาสตร์มืดเริ่มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนเพียงส่วนน้อยที่รู้ว่าอะไรที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีและความเคลื่อนไหวนี้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจของลอร์ดโวลเดอมอร์ครั้งที่หนึ่งเริ่มก้าวหน้ามากขึ้นและกลุ่มผู้เสพความตายก็เริ่มหาพรรคพวกจากกลุ่มสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดต่างๆเพื่อยึดอำนาจของกระทรวงเวทมนตร์ ทางกระทรวงจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืด (แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แทบจะไม่เป็นอันตรายอย่างบ็อกการ์ตกับโพสเตอร์ไกต์) มาพูดคุยกับสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้เสพความตาย ไลอัล ลูปิน คือหนึ่งในคนที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ภายใต้การทำงานของกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ นี่เป็นงานที่เขาทำอย่างมีความสุขและเป็นสถานที่ซึ่งเขาได้พบกับมนุษย์หมาป่า เฟนเรีย เกรย์แบ็ก เป็นครั้งแรกซึ่งถูกนำตัวมาสอบสวนเกี่ยวกับคดีการตายของเด็กมักเกิ้ลสองคน
สำนักงานลงทะเบียนมนุษย์หมาป่าเป็นหน่วยงานที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าใด มนุษย์หมาป่ามักจะถูกรังเกียจจากชุมชนผู้วิเศษจึงทำให้พวกเขาไม่ติดต่อหรือมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกันและมักจะอยู่รวมกันเป็น "ฝูง" และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ถูกจับตัวมาขึ้นทะเบียน เกรย์แบ็กผู้ซึ่งยังไม่เคยถูกกระทรวงตรวจพบหรือจับได้ว่าเป็นมนุษย์หมาป่าได้ให้การว่าเขาเป็นแค่มักเกิ้ลเร่ร่อนคนหนึ่งซึ่งกำลังตกใจอย่างมากที่มาอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่มดและรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากที่ถูกถามถึงการตายของเด็กที่น่าสงสาร
ด้วยสภาพการแต่งกายที่สกปรกและไม่มีกายสิทธิ์ติดตัวนั้นมากพอที่จะทำให้กรรมการสอบสวนสองคนที่ทำงานมาอย่างหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อนและไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าเชื่อว่าสิ่งที่เกรย์แบ๊กพูดเป็นความจริง แต่ไม่ใช่กับไลอัล ลูปิน เขารู้จักอย่างดีถึงลักษณะและพฤติกรรมของมนุษย์หมาป่าที่ปรากฏอยู่บนตัวของเกรย์แบ๊ก เขาจึงเสนอแก่คณะกรรมการสอบสวนว่าให้กักตัวเกรย์แบ๊กไว้จนกว่าจะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป ซึ่งก็อีกแค่ 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้เอง
เกรย์แบ๊กนั่งอย่างนิ่งเงียบขณะที่ไลอัลถูกเพื่อนร่วมงานคณะกรรมการหัวเราะเยาะ ไลอัลซึ่งปกติเป็นคนสุภาพถึงกับโกรธมากและโพล่งออกมาว่า มนุษย์หมาป่าเป็นปิศาจที่ไร้ความเป็นมนุษย์และสมควรตาย ไลอัลถูกคณะกรรมการไล่ออกจากห้องสอบสวนและประธานกรรมการก็ขอโทษมักเกิ้ลเร่ร่อนที่นั่งเงียบอยู่และก็ปล่อยตัวเขาไป
พ่อมดที่คุ้มกันสองคนซึ่งพาตัวเกรย์แบ๊กออกมาจากห้องสอบสวนได้รับคำสั่งให้ใช้คาถาลบความทรงจำกับเขาซึ่งลืมทำก่อนที่เขาจะถูกพาตัวออกมาจากห้องสอบสวน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ลงมือเพราะถูกโจมตีจากเกรย์แบ็กและมนุษย์หมาป่าอีกสองคนที่ดักรออยู่ตรงทางออก จากนั้นมนุษย์หมาป่าทั้งสามตัวก็หนีไป เกรย์แบ็กไม่รอช้าที่จะบอกให้เพื่อนมนุษย์หมาป่ารู้ว่าไลอัล ลูปินพูดถึงพวกเขาว่าอย่างไร การแก้แค้นพ่อมดที่กล่าวว่ามนุษย์หมาป่านั้นสมควรตายจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่ากลัว
รีมัส ลูปินซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 5 ขวบในอีกไม่กี่วัน กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเมื่อ เฟนเรีย เกรย์แบ็ก งัดหน้าต่างประตูห้องนอนเข้ามาและลงมือทำร้ายเขา ไลอัลเข้ามาในห้องนอนทันเวลาที่จะรักษาชีวิตของลูกชายและใช้คำสาปที่รุนแรงไล่เกรย์แบ๊กออกไปจากบ้าน แต่ว่านับจากนี้เป็นต้นไป รีมัสก็จะโตขึ้นมาเป็นมนุษย์หมาป่า
ไลอัล ลูปิน ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองตลอดชีวิตกับคำพูดที่เขาโพล่งออกไปด้วยโทสะต่อหน้าเกรย์แบ็กในระหว่างการสอบสวน "ปิศาจที่ไร้ความเป็นมนุษย์และสมควรตาย" ตอนนี้เขากลับต้องทำในสิ่งที่มนุษย์หมาป่าทำท่ามกลางสังคมชุมชนผู้วิเศษ แต่ลูกชายของเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมน่ารักและฉลาด เว้นแต่ในคืนพระจันทร์เต็มดวง รีมัสต้องทนกับความเจ็บปวดทรมาณจากการกลายร่างและยังเป็นอันตรายกับทุกคนที่อยู่รอบตัว หลายปีที่ไลอัลเก็บเรื่องราวของสาเหตุการเป็นมนุษย์หมาป่าของลูกชายไว้เป็นความลับ ด้วยเกรงว่ารีมัสจะตามไปแก้แค้น
ไลอัลพยายามหาทางทุกวิถีทางเพื่อรักษาลูกชาย แต่ไม่ว่าจะเป็นคาถาหรือน้ำยาใดๆก็ไม่อาจรักษาลูกชายของเขาได้ นับแต่นี้ไปการใช้ชีวิตของครอบครัวของลูปินต้องคำนึงถึงการปกปิดสถานะของรีมัสเป็นหลัก พวกเขาย้ายบ้านจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งและจะย้ายออกจากเมืองทันทีเมื่อเริ่มมีชาวบ้านตั้งข้อสงสัยและปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับรีมัส เพื่อนๆของครอบครัวต่างสงสัยว่าทำไมรีมัสมักจะผอมลงทุกทีเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงรอบใหม่มาถึงยังไม่นับถึงการหายตัวไปของรีมัสเป็นประจำทุกเดือน รีมัสไม่สามารถเล่นกับเด็กคนอื่นๆได้เนื่องจากพ่อแม่เกรงว่ารีมัสจะหลุดปากออกมาเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้น แม้ว่ารีมัสจะได้รับความรักจากพ่อแม่มากแค่ไหนแต่เขาก็ยังเป็นเด็กที่โดดเดี่ยวมากอยู่ตลอดเวลา
เมื่อรีมัสยังเป็นเด็ก ช่วงที่เขาแปลงร่างการควบคุมเขาไว้ในพิ้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยการให้อยู่ในห้องที่ปิดล็อกและปกคลุมไว้ด้วยคาถาไร้เสียงก็เพียงพอ แต่เมื่อรีมัสโตขึ้น เมื่ออายุได้ 10 ปี ด้วยพลังของมนุษย์หมาป่าเขาสามารถทุบทำลายประตูและหน้าต่างได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงต้องใช้คาถาที่รุนแรงมากเพื่อยับยั้งเขา โฮปเริ่มผ่ายผอมลงด้วยโรควิตกกังวลและความหวาดกลัว สองสามีภรรยาลูปินรักลูกชายของพวกเขามาก ตอนนี้สภาพสังคมรอบๆตัวของพวกเขากำลังถูกลุมร้อมด้วยอำนาจของศาสตร์มืดที่กำลังคุกคามไปทั่วโลกผู้วิเศษ ดังนั้น ชุมชนผู้วิเศษจะไม่มีวันเมตตาหรือเห็นใจมนุษย์หมาป่านั่นทำให้ความหวังที่จะให้รีมัสเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์เป็นอันต้องดับลง ทั้งสองตัดสินใจที่จะสอนหนังสือให้กับรีมัสที่บ้านเอง
ช่วงเวลาที่ฮอกวอตส์
เมื่อรีมัสอายุได้ 11 ปี อัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ก็มาหาครอบครัวลูปินโดยไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า อาจารย์ใหญ่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูบ้านของครอบครัวลูปิน ด้วยความกลัวและสับสนไลอัลกับโฮปพยายามกันไม่ให้เขาเข้ามาในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามอีกห้านาทีต่อมา อัลบัสก็นั่งอยู่ข้างๆเตาผิงพร้อมกับกินขนมครัมเป็ตและเล่นเกมก็อบสโตนกับรีมัส
อัลบัสอธิบายให้ครอบครัวลูปินว่าเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของพวกเขา เกรย์แบ็กคุยโวไปทั่วถึงวีรกรรมต่างๆที่เขาได้ทำไว้และอัลบัสเองก็มีสายลับอยู่ในกลุ่มของศาสตร์มืดด้วย สุดท้ายอัลบัสบอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่รับรีมัสเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์พร้อมทั้งอธิบายถึงการเตรียมการไว้สำหรับการกลายร่างของรีมัสโดยเฉพาะ โดยบอกว่าเขาได้จัดสถานที่ไว้สำหรับการกลายร่างของรีมัสโดยที่จะไม่ทำอันตรายให้กับคนรอบตัว และอัลบัสยังเห็นด้วยที่ว่าเพื่อประโยชน์แก่รีมัสเองจึงไม่ควรบอกให้คนอื่นๆทราบถึงสถานะที่แท้จริงของรีมัส รีมัสจะถูกนำตัวออกไปยังบ้านพักซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยและสะดวกสบายเดือนละหนึ่งครั้ง ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ในฮอกมีดส์ซึ่งมีทางลับใต้ดินจากสนามของฮอกวอตส์ต่อไปยังบ้านพักนั้นโดยตรง
สำหรับรีมัสความตื่นเต้นที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเขาคือ เขาจะได้พบกับเด็กคนอื่นๆซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาจะมีเพื่อน
รีมัสถูกคัดสรรเข้าสู่บ้านกริฟฟินดอร์ ซึ่งเขาได้พบกับเด็กชายสองคนที่ดูร่าเริ่งและมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่งแถมยังหัวรั้นหน่อยๆอย่าง เจมส์ พอตเตอร์ และ ซิเรียส แบล็ก ทั้งสองถูกชักจูงให้เข้าหารีมัสด้วยความเป็นคนเงียบขรึมของรีมัสแต่มองเห็นถึงความตลกขบขันและความมีน้ำใจในตัวของพวกเขาทั้งสองคน (แม้ว่าเจมส์กับซิเรียสจะไม่รู้ว่าพวกเขามีสองสิ่งนี้เลยก็ตาม) รีมัสมักจะยอมและตามใจเพื่อนๆอยู่เสมอ เขายังใจดีกับ ปีเตอร์ เพ็ตตริกรูว์ เพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งเป็นเด็กชายร่างเล็กและท่าทางเงอะงะ คนที่เจมส์กับซิเรียสไม่เคยคิดว่าน่าสนใจหากรีมัสไม่แนะนำให้พวกเขารู้จัก แต่ท้ายสุดทั้งสี่คนก็กลายมาเป็นคู่หูซึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงาให้แก่กันและกัน