วันนี้อยากมาเล่าสู่กันฟังมากกว่า สำหรับน้องๆ คนไหนที่ตอนนี้แอดมิชชั่นไม่ติด อย่ามัวแต่เศร้าหรือเครียดไป หันมาทบทวนและลองคิดดูดีๆ ว่าตัวเองเหมาะที่จะเรียนแบบไหน ไม่อย่างนั้นอาจต้องมานั่งเสียใจอย่างเรา ถ้าลองฟังเรื่องของเราตอนที่จบม.6แล้วเพื่อนๆ หรือน้องๆ จะรู้เลยว่า ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่ผิดหวัง เราว่ายังมีอีกหลายคน และรวมทั้งเราด้วย
ตอนม.ปลายเราเรียนสาย วิทย์ - คณิต ที่บ้านก็ไม่ได้ฐานะดีอะไร พ่อแม่ทำธุรกิจเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เรียนโรงเรียนธรรมดาเลยไม่ได้โด่งดังอะไร ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่หวังอยากจะเข้ามหาลัยรัฐ ก็เลยทำทุกอย่าง ทั้งเรียนพิเศษ กวดวิชา ไปติวก่อนแอดมิชชั่น หวังไว้สูงมากด้วยว่ายังไงๆ ก็ต้องเข้ารัฐบาลให้ได้ แต่พอสุดท้ายยื่นคะแนนไป ไม่ติดอย่างที่ใจเราหวัง คณะที่เราเลือก คือบริหาร ของธรรมศาสตร์ จริงๆตอนนั้นคะแนนก็สูงนะ แต่ด้วยความที่เราอยากเรียนมากๆ ก็เลยเสี่ยงลองเลือกไป อันดับสองที่เราอยากเรียนคือ สถาปัตย์ (ไปสอบวิชาเฉพาะมาแล้วด้วย) แต่พอมารู้ว่าไม่ติดทั้งสองที่ โหห บอกเลยว่าร้องไห้หนักมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย เคว้งสุดๆ ไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนแล้ว พ่อแม่เราก็เครียดด้วย

กลัวว่าเราจะไม่มีที่เรียน จนผ่านไปสอง สามอาทิตย์ พอดีมีมหาลัยรัฐ (พระจอมเกล้าธนบุรี) เปิดรับตรงคณะสถาปัตย์ เห้ยย รับตรงเปิดด้วยอ่ะ เราดีใจมากที่เปิด เราคิดว่าต้องได้ชัวร์ (ตอนนั้นคิดแบบนี้จริงๆ) เอาเลยจ้าา ไปสอบภาษาอังกฤษก่อน หลังจากนั้นยื่นคะแนนไป เราติดสอบสัมภาษณ์ เราคิดว่ายังไงๆ ก็ต้องได้อะ ก็ผ่านมาสอบสัมภาษณ์ขนาดนี้แล้วแถมรับตรงด้วย ก็เอาเลยนั่งรถไปเลยที่ บางขุนเทียน (กันดารพอสมควร) แต่ใจฮึดสู้มากๆ ก็ไปสัมภาษณ์ พอได้สัมภาษณ์ พี่ๆ ที่เป็นพี่เลี้ยงบอกว่า โหน้องรับหมดเชื่อพี่ เราก็ใจชื้นล่ะ ได้แน่เลยๆ

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เราก็กลับบ้านด้วยอารมณ์ที่แบบยังไงก็ติดชัวร์ พี่เค้าบอกแล้วนิ ผ่านไปไม่กี่วัน ประกาศผล "เราไม่ติด" หน้าชา มือสั่น ร้องไห้หนักอีกรอบ และรู้มาว่าเค้ารับแค่คนเดียว ตอนนั้นไปสอบแค่5คนเอง ของออกแบบภายใน เราก็เฟลอีกรอบ เฟลหนักกว่าเดิม เพราะนี่เหมือนเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วสำหรับเรา เครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่เหมือนโชคเข้าข้าง (พระจอมเกล้า) อีกที่ เปิดรับตรงอีก เราก็เลยเอาวะ คืออยากเรียนรัฐบาลมากๆอะ เรียนอะไรก็ได้แล้วล่ะ และตอนนั้นที่เปิดคือ วิทย์-คณิต เราก็แบบ เออจบวิทย์-คณิตมา ก็คงไม่ยากเท่าไหร่ สุดท้ายก็ติด เลยลองเรียนดู เชื่อไหม เราเรียนไป1เทอม เราแทบตาย เราบอกเลยว่า ยากมากกกกก

(น้องๆ เพื่อนๆคนไหนเคยเรียนเราว่าน่าจะรู้ดี) คือ มีทั้ง ฟิสิกส์ เคมี คณิต คือมันเยอะแยะไปหมด แล้วจะบอกเลยนะว่า คะแนนเก็บน้อย สอบล้วนๆ เราเรียนไม่ไหวจริงๆ จนสุดท้าย ก็เรียนไม่ได้ เรียนไม่ไหว คราวนี้ก็เครียดหนักกว่าเดิมอีก ต้องซิ่วออกมาแล้วล่ะ!
เราก็เคว้งหนักกว่าตอนเราแอดมิชชั่นไม่ติดอีกนะ ที่บ้านด่าเรา ว่าเรียนไม่ไหวจะเรียนตั้งแต่แรกทำไมเสียเวลา (คือเราไม่รู้จริงๆอะ) จนอาเรา เห็นเราร้องไห้ทุกคืนไม่ไหว ตอนนั้นบอกเลยนะว่าทำอะไรไม่ถูก เหมือนคนไร้สมองมากอะ คิดหาทางออกไม่เจอจริงๆ จนอาเราทนเห็นเราสภาพแบบนี้ไม่ไหว เลยพาเราไปเข้าเอกชน บอกว่า เรียนที่ไหนก็เหมือนกันนะ ไปเอกชนดีกว่า เรียนง่าย สบาย แถมไม่ได้สอนแย่ด้วย (ใจเราไม่เคยคิดอยากเข้าเอกชนเลย ค่าเทอมแพง) วันนั้นจำได้เลยว่า นั่งรถไปกับอา อาเราให้เราเลือก2ที่ ระหว่าง ม.หอการค้าไทย กับ ม.กรุงเทพ เราก็แบบ ตามใจอาละกัน เราแบบเอาวะ เรียนไหนก็เรียน

สรุปสุดท้าย อาพาเราไป ม.หอการค้าไทยก่อน วันนั้นเราจำได้เลยว่า ไปยื่นเอกสาร นู้นนี่นั่น เลือกคณะที่อยากเรียน พอเราเห็นว่ามีบริหาร เราก็เห้ยย อยากเรียนอยู่แล้วอ่ะ เป็นความฝัน เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่า คณะบริหารของเอกชนจะดีขนาดนี้ จากที่เราได้อ่านรายละเอียด เราก็เลยตัดสินอยู่สักพัก ว่าเอาไงดี ม.กรุงเทพก็น่าเข้าเหมือนกัน แต่พอเห็นว่าม.หอการค้าไทยเค้าแจกไอแพดด้วย โอยยย บอกตรงๆ นะ อยากได้อะ แถม มหาลัยนี้ก็เด่นเรื่องบริหารด้วย หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจเรียนเลย ไม่ไปม.กรุงเทพแล้ว เพราะว่าม.กรุงเทพต้องไปเรียนไกลกว่าด้วย สุดท้ายเราก็เลยได้เป็นศิษย์ที่ ม.หอการค้าไทย และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะความรู้ที่เราได้จากที่นี่ ไม่ใช่แค่สิ่งที่มีอยู่ในตำราเรียน แต่เป็นประสบการณ์จริงที่ได้รับฟังจากอาจารย์รวมถึงการลงมือทำเองจริงๆ ด้วย ตอนนี้เราเรียนจบแล้ว และก็ได้กลับมาช่วยทำธุรกิจของที่บ้านอย่างที่ตั้งใจไว้
อยากบอกน้องๆ ทุกคนนะ ใครที่ตอนนี้คิดว่าตัวเองจะซิ่ว หรือน้องๆ คนไหนที่คิดว่า อยากเข้ารัฐบาลมากๆ แต่มันใช่แล้วหรือยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือเพราะแค่ว่าเราอยากที่จะติดอยู่ในชื่อของมหาลัยนั้นๆ มากกว่า เอาจริงๆนะ เรียนสิ่งที่เราอยากเรียนดีกว่า เราชอบอะไร อยากทำอะไร เลือกสิ่งนั้นให้กับตัวเอง จะได้ไม่เสียเวลาแบบเราด้วย ที่ต้องซิ่วออกมา และน้องๆ คนไหนที่ต้อนนี้กำลังเคว้ง หาที่เรียนไม่ได้ เราว่า มหาลัยเอกชนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนะ ไม่ได้แย่เลย จริงๆ เห็นคนดังๆ เค้าก็จบจากเอกชนก็เยอะแยะ แถมประสบความสำเร็จด้วย อย่ายึดติดกับแค่ชื่อมหาลัยเลย เมื่อก่อนเราก็เคยเป็น จนตอนนี้คิดได้แล้วว่า มันไม่จำเป็นเลยที่เราจะเอาชีวิต และความชอบแค่ชื่อมหาลัย จนไม่ได้เอาความจริงที่ว่า ใจจริงๆแล้วเราต้องการเรียนสิ่งไหนกันแน่ สู้ๆกันนะทุกคน เราก็อยากเป็นกำลังใจให้ เรารู้ว่าตอนนี้หลายๆคนคงเคว้ง และหาทางออกไม่เจอ เป็นกำลังใจให้สู้ๆค่ะ
เรื่องจริงของเด็กซิ่ว ถ้าไม่อยากเสียใจวันหลัง เลือกเรียนสิ่งที่เรารักดีกว่า ไม่งั้นอาจจะเสียเวลาแบบเรา
ตอนม.ปลายเราเรียนสาย วิทย์ - คณิต ที่บ้านก็ไม่ได้ฐานะดีอะไร พ่อแม่ทำธุรกิจเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เรียนโรงเรียนธรรมดาเลยไม่ได้โด่งดังอะไร ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่หวังอยากจะเข้ามหาลัยรัฐ ก็เลยทำทุกอย่าง ทั้งเรียนพิเศษ กวดวิชา ไปติวก่อนแอดมิชชั่น หวังไว้สูงมากด้วยว่ายังไงๆ ก็ต้องเข้ารัฐบาลให้ได้ แต่พอสุดท้ายยื่นคะแนนไป ไม่ติดอย่างที่ใจเราหวัง คณะที่เราเลือก คือบริหาร ของธรรมศาสตร์ จริงๆตอนนั้นคะแนนก็สูงนะ แต่ด้วยความที่เราอยากเรียนมากๆ ก็เลยเสี่ยงลองเลือกไป อันดับสองที่เราอยากเรียนคือ สถาปัตย์ (ไปสอบวิชาเฉพาะมาแล้วด้วย) แต่พอมารู้ว่าไม่ติดทั้งสองที่ โหห บอกเลยว่าร้องไห้หนักมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย เคว้งสุดๆ ไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนแล้ว พ่อแม่เราก็เครียดด้วย
เราก็เคว้งหนักกว่าตอนเราแอดมิชชั่นไม่ติดอีกนะ ที่บ้านด่าเรา ว่าเรียนไม่ไหวจะเรียนตั้งแต่แรกทำไมเสียเวลา (คือเราไม่รู้จริงๆอะ) จนอาเรา เห็นเราร้องไห้ทุกคืนไม่ไหว ตอนนั้นบอกเลยนะว่าทำอะไรไม่ถูก เหมือนคนไร้สมองมากอะ คิดหาทางออกไม่เจอจริงๆ จนอาเราทนเห็นเราสภาพแบบนี้ไม่ไหว เลยพาเราไปเข้าเอกชน บอกว่า เรียนที่ไหนก็เหมือนกันนะ ไปเอกชนดีกว่า เรียนง่าย สบาย แถมไม่ได้สอนแย่ด้วย (ใจเราไม่เคยคิดอยากเข้าเอกชนเลย ค่าเทอมแพง) วันนั้นจำได้เลยว่า นั่งรถไปกับอา อาเราให้เราเลือก2ที่ ระหว่าง ม.หอการค้าไทย กับ ม.กรุงเทพ เราก็แบบ ตามใจอาละกัน เราแบบเอาวะ เรียนไหนก็เรียน
อยากบอกน้องๆ ทุกคนนะ ใครที่ตอนนี้คิดว่าตัวเองจะซิ่ว หรือน้องๆ คนไหนที่คิดว่า อยากเข้ารัฐบาลมากๆ แต่มันใช่แล้วหรือยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือเพราะแค่ว่าเราอยากที่จะติดอยู่ในชื่อของมหาลัยนั้นๆ มากกว่า เอาจริงๆนะ เรียนสิ่งที่เราอยากเรียนดีกว่า เราชอบอะไร อยากทำอะไร เลือกสิ่งนั้นให้กับตัวเอง จะได้ไม่เสียเวลาแบบเราด้วย ที่ต้องซิ่วออกมา และน้องๆ คนไหนที่ต้อนนี้กำลังเคว้ง หาที่เรียนไม่ได้ เราว่า มหาลัยเอกชนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนะ ไม่ได้แย่เลย จริงๆ เห็นคนดังๆ เค้าก็จบจากเอกชนก็เยอะแยะ แถมประสบความสำเร็จด้วย อย่ายึดติดกับแค่ชื่อมหาลัยเลย เมื่อก่อนเราก็เคยเป็น จนตอนนี้คิดได้แล้วว่า มันไม่จำเป็นเลยที่เราจะเอาชีวิต และความชอบแค่ชื่อมหาลัย จนไม่ได้เอาความจริงที่ว่า ใจจริงๆแล้วเราต้องการเรียนสิ่งไหนกันแน่ สู้ๆกันนะทุกคน เราก็อยากเป็นกำลังใจให้ เรารู้ว่าตอนนี้หลายๆคนคงเคว้ง และหาทางออกไม่เจอ เป็นกำลังใจให้สู้ๆค่ะ