สองวันนี้ กระแสสังคมพุ่งประเด็นไปที่การแก้กฏหมายให้มีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น
กรณีมีการข่มขืน บางคนถึงกับเสนอให้ ลงโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำผิดสถานเดียว
กับการข่มขืนแล้วฆ่า โดยไม่มีการยกเว้น
ความจริงกฏหมายปัจจุบัน ก็มีบทลงโทษประหารชีวิต ในกรณีข่มขืนแล้วฆ่าอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ
กระทำต่อเด็ก เช่น กรณี นายพันธ์ สายทอง ที่ข่มขืนฆ่าน้องอ้อม เด็กอนุบาล กับ นายเดชา สุวรรณสุก
ที่ข่มขืนฆ่าลูกเลี้ยงวัย 4 ขวบ ทั้งสองรายก็ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว
การที่จะแก้กฏหมายให้มีบทลงโทษให้รุนแรงขึ้นโดยให้โทษประหารนี้ คลอบคลุมการข่มขืนที่ไม่มีการฆาตกรรม
ด้วยนั้น ก็เป็นเหมือนดาบสองคม อย่าลืมว่ามาตรฐานกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น เข้าขั้นไม่มีมาตรฐาน
จะสังเกตุได้ว่า คนรวย คนมีอำนาจ มีชื่อเสียงในสังคมไทย จะได้รับการปกป้องอย่างดีจากผู้รักษากฏหมาย
น้อยครั้งที่อภิสิทธิ์ชนเหล่านี้จะได้รับโทษ มีแต่สามัญชนเช่นพวกเราเท่านั้นที่ต้องอยู่ใต้กฏหมาย
เพราะฉะนั้นการที่จะแก้กฏหมายให้แรงเท่าไรก็ไม่มีผลกระทบต่อคนเหล่านี้
ในทางกลับกัน ถ้ากฏหมายยิ่งมีโทษร้ายแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นช่องทางให้คนอีกกลุ่มหนึ่งสามารถใช้เป็นช่องทาง
หาผลประโยชน์ได้ โดยเฉพาะตำรวจซึ่งเป็นด่านแรกของขบวนการยุติธรรม
ในสังคมไทย ประชาชนทั่วไป ไม่มีความไว้ใจในการให้ความยุติธรรมของตำรวจไทยแม้แต่น้อย คำว่า "แพะรับบาป"
มักเป็นเรื่องปกติในการทำคดีของตำรวจ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม หรือ คดีที่เกี่ยวกับนักการเมือง
หรือผู้มีชื่อเสียง ตำรวจมักโดนกดดันให้หาคนผิดมาให้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บางครั้งตำรวจต้องแก้ปัญหาโดยการจับ
แพะมาเพื่อปิดคดี ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ คดีเชอรี่แอน ที่ตำรวจจับผู้บริสุทธิ์ 5 คน จนหลายคนทยอยตายอย่างอนาถ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.baanmaha.com/community/thread26012.html
http://www.baanmaha.com/community/thread26013.html
ทางแก้ไขในความเห็นของ จขกท มีดังนี้
1 เมื่อมีคดีข่มขืนแล้วฆ่าเกิดขึ้น รัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบขั้นแรก คือ ให้เงินชดเชยเยียวยา เบื้องต้นทันที
อีกทั้งต้องบังคับหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่เกิดเหตุจ่ายเงินชดเชยให้กับทายาทผู้เสียหายทันที
เช่นกรณีน้องแก้ม การรถไฟต้องจ่ายเงินเยียวยาทันที
2 กรณีผู้กระทำผิดต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้สูญเสียด้วย ในกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน ก้ต้องให้ผู้ปกครอง
เป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย โทษฐาน ไม่ดูแลคนในปกครองให้ดี
3 ทุกคดีร้ายแรงที่เกิดขึ้น ต้องโอนเป็นคดีพิเศษ เพื่อไม่ให้ตำรวจทำงานฝ่ายเดียว หลีกเลี่ยงการจับแพะและรีดไถ
4 นักโทษทุกคนก่อนจะพ้นโทษต้องทำหมันทุกคน อย่างน้อยถ้าก่อคดีอีก ผู้เสียหายก็ปลอดภัยจากการตั้งครรภ์
5 ถ้าผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำอีก จะต้องถูกเนรเทศให้ไปจากสังคม เช่นไปอยู่ตามเกาะ (ในอดีตไทยเคยมีเกาะตะรุเตา
เป็นที่คุมขังของนักโทษเด็ดขาดมาแล้ว)
6 ในกรณีที่มีการจับแพะเกิดขึ้น ผู้ที่ทำหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทุกฝ่ายต้องโดนปลด และต้องชดเชยค่าเสียหาย
แก่ผู้บริสุทธิ์ทันที ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ อัยการ หรือ ผู้พิพากษา
การที่สังคมตื่นตัวในกรณี โศกนาฏกรรม น้องแก้ม ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี หวังเพียงแต่ว่าจะไม่เป็นไฟไหม้ฟาง
เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ป.ล ข้อเสนอนี้ เป็นส่วนหนึ่งให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณา ไม่ได้มีเจตนาปกป้องผู้กระทำผิดแต่อย่างไร
ป.ล 2 น่าแปลกคือ หลายๆคดีสะเทือนขวัญล้วนแล้วแต่อยู่ในเดือน กรกฎาคม เช่น
คดี พันธ์ ข่มขืนฆ่า น้องอ้อม เกิดเหตุ วันที่ 5 กรกฎา
คดี เดชา ข่มขืนฆ่า น้องนุ่น เกิดเหตุ วันที่ 18 กรกฎา
คดี เป๋ อกไก่ ข่มขืนฆ่า น.ส งามตา เกิดเหตุ วันที่ 13 กรกฎา
คดี เชอรี่แอน เกิดเหตุ วันที่ 22 กรกฏา
คดี นักศึกษาปริญญาโท เกิดเหตุวันที่ 16 กรกฎา
คดี น้องแก้ม เกิดเหตุ วันที่ 6 กรกฎา
คดีข่มขืน.......ควรประหาร (จริงหรือ) ???
กรณีมีการข่มขืน บางคนถึงกับเสนอให้ ลงโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำผิดสถานเดียว
กับการข่มขืนแล้วฆ่า โดยไม่มีการยกเว้น
ความจริงกฏหมายปัจจุบัน ก็มีบทลงโทษประหารชีวิต ในกรณีข่มขืนแล้วฆ่าอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ
กระทำต่อเด็ก เช่น กรณี นายพันธ์ สายทอง ที่ข่มขืนฆ่าน้องอ้อม เด็กอนุบาล กับ นายเดชา สุวรรณสุก
ที่ข่มขืนฆ่าลูกเลี้ยงวัย 4 ขวบ ทั้งสองรายก็ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว
การที่จะแก้กฏหมายให้มีบทลงโทษให้รุนแรงขึ้นโดยให้โทษประหารนี้ คลอบคลุมการข่มขืนที่ไม่มีการฆาตกรรม
ด้วยนั้น ก็เป็นเหมือนดาบสองคม อย่าลืมว่ามาตรฐานกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น เข้าขั้นไม่มีมาตรฐาน
จะสังเกตุได้ว่า คนรวย คนมีอำนาจ มีชื่อเสียงในสังคมไทย จะได้รับการปกป้องอย่างดีจากผู้รักษากฏหมาย
น้อยครั้งที่อภิสิทธิ์ชนเหล่านี้จะได้รับโทษ มีแต่สามัญชนเช่นพวกเราเท่านั้นที่ต้องอยู่ใต้กฏหมาย
เพราะฉะนั้นการที่จะแก้กฏหมายให้แรงเท่าไรก็ไม่มีผลกระทบต่อคนเหล่านี้
ในทางกลับกัน ถ้ากฏหมายยิ่งมีโทษร้ายแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นช่องทางให้คนอีกกลุ่มหนึ่งสามารถใช้เป็นช่องทาง
หาผลประโยชน์ได้ โดยเฉพาะตำรวจซึ่งเป็นด่านแรกของขบวนการยุติธรรม
ในสังคมไทย ประชาชนทั่วไป ไม่มีความไว้ใจในการให้ความยุติธรรมของตำรวจไทยแม้แต่น้อย คำว่า "แพะรับบาป"
มักเป็นเรื่องปกติในการทำคดีของตำรวจ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม หรือ คดีที่เกี่ยวกับนักการเมือง
หรือผู้มีชื่อเสียง ตำรวจมักโดนกดดันให้หาคนผิดมาให้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บางครั้งตำรวจต้องแก้ปัญหาโดยการจับ
แพะมาเพื่อปิดคดี ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ คดีเชอรี่แอน ที่ตำรวจจับผู้บริสุทธิ์ 5 คน จนหลายคนทยอยตายอย่างอนาถ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทางแก้ไขในความเห็นของ จขกท มีดังนี้
1 เมื่อมีคดีข่มขืนแล้วฆ่าเกิดขึ้น รัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบขั้นแรก คือ ให้เงินชดเชยเยียวยา เบื้องต้นทันที
อีกทั้งต้องบังคับหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่เกิดเหตุจ่ายเงินชดเชยให้กับทายาทผู้เสียหายทันที
เช่นกรณีน้องแก้ม การรถไฟต้องจ่ายเงินเยียวยาทันที
2 กรณีผู้กระทำผิดต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้สูญเสียด้วย ในกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน ก้ต้องให้ผู้ปกครอง
เป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย โทษฐาน ไม่ดูแลคนในปกครองให้ดี
3 ทุกคดีร้ายแรงที่เกิดขึ้น ต้องโอนเป็นคดีพิเศษ เพื่อไม่ให้ตำรวจทำงานฝ่ายเดียว หลีกเลี่ยงการจับแพะและรีดไถ
4 นักโทษทุกคนก่อนจะพ้นโทษต้องทำหมันทุกคน อย่างน้อยถ้าก่อคดีอีก ผู้เสียหายก็ปลอดภัยจากการตั้งครรภ์
5 ถ้าผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำอีก จะต้องถูกเนรเทศให้ไปจากสังคม เช่นไปอยู่ตามเกาะ (ในอดีตไทยเคยมีเกาะตะรุเตา
เป็นที่คุมขังของนักโทษเด็ดขาดมาแล้ว)
6 ในกรณีที่มีการจับแพะเกิดขึ้น ผู้ที่ทำหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทุกฝ่ายต้องโดนปลด และต้องชดเชยค่าเสียหาย
แก่ผู้บริสุทธิ์ทันที ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ อัยการ หรือ ผู้พิพากษา
การที่สังคมตื่นตัวในกรณี โศกนาฏกรรม น้องแก้ม ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี หวังเพียงแต่ว่าจะไม่เป็นไฟไหม้ฟาง
เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ป.ล ข้อเสนอนี้ เป็นส่วนหนึ่งให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณา ไม่ได้มีเจตนาปกป้องผู้กระทำผิดแต่อย่างไร
ป.ล 2 น่าแปลกคือ หลายๆคดีสะเทือนขวัญล้วนแล้วแต่อยู่ในเดือน กรกฎาคม เช่น
คดี พันธ์ ข่มขืนฆ่า น้องอ้อม เกิดเหตุ วันที่ 5 กรกฎา
คดี เดชา ข่มขืนฆ่า น้องนุ่น เกิดเหตุ วันที่ 18 กรกฎา
คดี เป๋ อกไก่ ข่มขืนฆ่า น.ส งามตา เกิดเหตุ วันที่ 13 กรกฎา
คดี เชอรี่แอน เกิดเหตุ วันที่ 22 กรกฏา
คดี นักศึกษาปริญญาโท เกิดเหตุวันที่ 16 กรกฎา
คดี น้องแก้ม เกิดเหตุ วันที่ 6 กรกฎา