กระทู้นี้ขอสวนกระแสหน่อยนะคับ
การประหาร "ไม่มีการันตี" ที่ทำให้อัตราอาชญากรรมลดลง และยังอาจจะทำให้อัตราการตายของเหยื่อมากขึ้นด้วย
"การฆ่าคนเพิ่มอีกไม่ก่อประโยชน์ใดๆ นอกจากความพอใจของกลุ่มคน"
บ่อยครั้ง การเรียกร้องประหารนั้นมาจากอารมณ์ มิใช่เหตุผล
การแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นตอไม่ใช่ที่ปลายเหตุ เพราะเราอาศัยอยู่ในโลกของเหตุและผล ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ
ปัญหาต้นตอมาจากไหน? ผมจะบอกปัจจัยที่ทำให้เกิด เท่านั้นคับ
- สาเหตุหนึ่งก็อาจจะมาจากการรถไฟ ที่คัดคุณภาพคนได้ไม่ดีพอ ระบบไม่ดีพอ บริหารไม่ดีพอ
- มีใครเคยรู้บ้างว่าที่มาที่ไปของผู้ก่อเหตุเค้าเป็นอย่างไร ชีวิตเค้าเป็นอย่างไร ไม่มีทางที่อยู่ดีๆคนจะมาทำให้ตัวเองอนาคตหมด
นั้นก็เพราะชีวิตเค้าอาจมีทางเลือกไม่มาก ซึ่งสังคมก็มีส่วนทำให้เกิด เพราะคนในสังคมก็"ไม่ได้แคร์"พวกเขาเหล่านั้นที่มีปัญหาชีวิต พอทำผิดก็คิดซ้ำเติม
- สื่อต่างๆที่ทำให้เกิดอารมณ์ เช่น ภาพถ่ายวาบหวิว ละคร และอื่นๆที่อาจมีส่วนทำให้เกิดอารมณ์ ก็อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง เคยคิดมั้ยว่าผู้หญิงแต่งตัวโชวเรือนร่าง เป็นการยั่วเพศชายทำให้เกิดอารมณ์หรือไม่ มันก็เป็นอีกปัจจัย
- ผู้ก่อเหตุ ขาดสติเพราะเมาและเสพยา จึงกระทำ คิดว่าถ้ามีสติคงไม่ทำ
แต่เพราะก่อเหตุเพราะขาดสตินี่แหละ การประหารไม่ช่วยแก้ปัญหาอย่างยิ่ง เพราะคนเมาขาดสติไม่ได้นึกถึงบทลงโทษคับ เค้าทำไปโดยไม่สามารถยั้งอารมได้
เพราะกระทำโดยขาดสติ เหมือนกับฆ่าเมีย ฆ่าเพื่อน ทะเลาะกันเพราะเมา ถ้ามีสติเหตุการแบบนี้ไม่เกิดแน่นอน เพราะฉะนั้น สารเสพติด ของเมามาย ก็มีส่วน
ใช่แล้ว ของเมาๆที่คุณดื่มนั้นแหละ คุณอย่าคิดนะคับว่า เราก็ดื่มไม่เห็นจะฆ่าใคร เพราะว่าคุณโตมาจากปัจจัยที่ทำให้คุนเป็นคนแบบนั้น ผู้ก่อเหตุก็เหมือนกัน เค้าโตมาในปัจจัยที่ก่อให้เป็นแบบนั้น
การจำคุกนั้นก็อาจไม่ใช่ทางออก เป็นเพียงแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถามตัวคุณเองว่า คูณพร้อมให้โอกาสคนที่เพิ่งออกจากคุกมาหรือไม่? แทบจะไม่มีคนพร้อมให้โอกาส ดังนั้น การที่นักโทษออกจากคุกมา ทำให้เกิดเหตุการณ์เดิมๆ นั้นคือ ไม่มีโอกาสและทางเลือกในชีวิต ทำให้วนเข้าวงจรเดิน นั้นคือการเอาตัวรอดในสังคมที่ไม่มีใครแคร์เขาเหล่านั้นเท่าไหร่ และเป็นเหตุให้เขาทำความผิดซ้ำไปซ้ำมา
การทำให้ผู้กระทำผิดพิการ อาจทำให้ผู้กระทำผิด เกืดความกดดัน ความเครียด และเก็บกด และอาจนำไปสู่การกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
การประหารไม่ใช่ทางออก เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ตราบใดที่แก้ต้นเหตุไม่ได้ เหตุการเดิมๆก็จะเกิดขึ้น
อย่าตามกระแส ไตร่ตรองด้วยเหตุผล ทุกคนมีความสามารถในการวิเคราะห์ คิดเยอะๆ อย่าคิดตื้น และไม่ใช้อารมณ์ เพราะอารมณ์ ไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ
คุณไม่สามรถแก้ปัญหาได้หากไม่เข้าใจปัญหา และอารมไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆทั้งสิ้น
ทั้งหมดคือปัจจัยที่มีส่วนทำให้เกิด ทำให้คนกลายเปนฆาตกร
ไม่มีใครอยู่ดีๆคิดอยากเป็นฆาตกรหรอกคับ นอกจากจะมีปัจจัยอะไรบางอย่าง คิดง่ายๆคับ คุณที่เกิดมาเป็นคนแบบนี้ ที่ทำอะไรทุกวันนี้เพราะมีปัจจัยให้คุณเป็นคนแบบนี้ไงคับ
ฆาตกรก็เหมือนกัน มันมีปัจจัยทำให้เกิด ซึ้งปัจจัยเหล่านั้น สังคมไม่เคยจะแคร์ว่าเพราะอะไรและช่วยแก้ปัญหาเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พอคนกลายเป็นคนไม่ดี ก็พากันซ้ำเติมราวกับว่าเป็นเรื่องของตนเอง
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้มีเหยื่อแบบนี้อีก
แต่ผมมองไปมากกว่านั้น ผมไม่อยากให้ใครกลายเป็นฆาตกรอีก ถ้าคุณไม่แคร์ตรงนี้ มันก็จะมีฆาตกรเกิดขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่เหตุการอีกซ้ำไปซ้ำมา
คุณ จะปล่อยให้คนกลายเป็นฆาตกร อีกสักกี่คน
การประหาร "ไม่มีการันตี" ที่ทำให้อัตราอาชญากรรมลดลง และยังอาจจะทำให้อัตราการตายของเหยื่อมากขึ้นด้วย
"การฆ่าคนเพิ่มอีกไม่ก่อประโยชน์ใดๆ นอกจากความพอใจของกลุ่มคน"
บ่อยครั้ง การเรียกร้องประหารนั้นมาจากอารมณ์ มิใช่เหตุผล
การแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นตอไม่ใช่ที่ปลายเหตุ เพราะเราอาศัยอยู่ในโลกของเหตุและผล ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ
ปัญหาต้นตอมาจากไหน? ผมจะบอกปัจจัยที่ทำให้เกิด เท่านั้นคับ
- สาเหตุหนึ่งก็อาจจะมาจากการรถไฟ ที่คัดคุณภาพคนได้ไม่ดีพอ ระบบไม่ดีพอ บริหารไม่ดีพอ
- มีใครเคยรู้บ้างว่าที่มาที่ไปของผู้ก่อเหตุเค้าเป็นอย่างไร ชีวิตเค้าเป็นอย่างไร ไม่มีทางที่อยู่ดีๆคนจะมาทำให้ตัวเองอนาคตหมด
นั้นก็เพราะชีวิตเค้าอาจมีทางเลือกไม่มาก ซึ่งสังคมก็มีส่วนทำให้เกิด เพราะคนในสังคมก็"ไม่ได้แคร์"พวกเขาเหล่านั้นที่มีปัญหาชีวิต พอทำผิดก็คิดซ้ำเติม
- สื่อต่างๆที่ทำให้เกิดอารมณ์ เช่น ภาพถ่ายวาบหวิว ละคร และอื่นๆที่อาจมีส่วนทำให้เกิดอารมณ์ ก็อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง เคยคิดมั้ยว่าผู้หญิงแต่งตัวโชวเรือนร่าง เป็นการยั่วเพศชายทำให้เกิดอารมณ์หรือไม่ มันก็เป็นอีกปัจจัย
- ผู้ก่อเหตุ ขาดสติเพราะเมาและเสพยา จึงกระทำ คิดว่าถ้ามีสติคงไม่ทำ
แต่เพราะก่อเหตุเพราะขาดสตินี่แหละ การประหารไม่ช่วยแก้ปัญหาอย่างยิ่ง เพราะคนเมาขาดสติไม่ได้นึกถึงบทลงโทษคับ เค้าทำไปโดยไม่สามารถยั้งอารมได้
เพราะกระทำโดยขาดสติ เหมือนกับฆ่าเมีย ฆ่าเพื่อน ทะเลาะกันเพราะเมา ถ้ามีสติเหตุการแบบนี้ไม่เกิดแน่นอน เพราะฉะนั้น สารเสพติด ของเมามาย ก็มีส่วน
ใช่แล้ว ของเมาๆที่คุณดื่มนั้นแหละ คุณอย่าคิดนะคับว่า เราก็ดื่มไม่เห็นจะฆ่าใคร เพราะว่าคุณโตมาจากปัจจัยที่ทำให้คุนเป็นคนแบบนั้น ผู้ก่อเหตุก็เหมือนกัน เค้าโตมาในปัจจัยที่ก่อให้เป็นแบบนั้น
การจำคุกนั้นก็อาจไม่ใช่ทางออก เป็นเพียงแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถามตัวคุณเองว่า คูณพร้อมให้โอกาสคนที่เพิ่งออกจากคุกมาหรือไม่? แทบจะไม่มีคนพร้อมให้โอกาส ดังนั้น การที่นักโทษออกจากคุกมา ทำให้เกิดเหตุการณ์เดิมๆ นั้นคือ ไม่มีโอกาสและทางเลือกในชีวิต ทำให้วนเข้าวงจรเดิน นั้นคือการเอาตัวรอดในสังคมที่ไม่มีใครแคร์เขาเหล่านั้นเท่าไหร่ และเป็นเหตุให้เขาทำความผิดซ้ำไปซ้ำมา
การทำให้ผู้กระทำผิดพิการ อาจทำให้ผู้กระทำผิด เกืดความกดดัน ความเครียด และเก็บกด และอาจนำไปสู่การกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
การประหารไม่ใช่ทางออก เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ตราบใดที่แก้ต้นเหตุไม่ได้ เหตุการเดิมๆก็จะเกิดขึ้น
อย่าตามกระแส ไตร่ตรองด้วยเหตุผล ทุกคนมีความสามารถในการวิเคราะห์ คิดเยอะๆ อย่าคิดตื้น และไม่ใช้อารมณ์ เพราะอารมณ์ ไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ
คุณไม่สามรถแก้ปัญหาได้หากไม่เข้าใจปัญหา และอารมไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆทั้งสิ้น
ทั้งหมดคือปัจจัยที่มีส่วนทำให้เกิด ทำให้คนกลายเปนฆาตกร
ไม่มีใครอยู่ดีๆคิดอยากเป็นฆาตกรหรอกคับ นอกจากจะมีปัจจัยอะไรบางอย่าง คิดง่ายๆคับ คุณที่เกิดมาเป็นคนแบบนี้ ที่ทำอะไรทุกวันนี้เพราะมีปัจจัยให้คุณเป็นคนแบบนี้ไงคับ
ฆาตกรก็เหมือนกัน มันมีปัจจัยทำให้เกิด ซึ้งปัจจัยเหล่านั้น สังคมไม่เคยจะแคร์ว่าเพราะอะไรและช่วยแก้ปัญหาเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พอคนกลายเป็นคนไม่ดี ก็พากันซ้ำเติมราวกับว่าเป็นเรื่องของตนเอง
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้มีเหยื่อแบบนี้อีก
แต่ผมมองไปมากกว่านั้น ผมไม่อยากให้ใครกลายเป็นฆาตกรอีก ถ้าคุณไม่แคร์ตรงนี้ มันก็จะมีฆาตกรเกิดขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่เหตุการอีกซ้ำไปซ้ำมา