สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่ออกหรอกครับ เงินเดือนเป็นแสน เงินนอกระบบอีกเยอะแยะ ผลประโยขน์เยอะ การรถไฟเนี้ย ขุมทรัพย์เลย....จะออกทำไม ต้องสร้างภาพสักหน่อยว่าไปช่วยเหลือครอบครัวทั้งๆที่ตอนแรกเอ็งนั่นแหละให้ข่าว น้องหนีไปกับผู้ชายและบอกว่าเจอในร้านอาหารมากับผู้ชาย สุดท้ายก็โบ้ยยยผิดให้ลูกน้องว่า ไม่ใช่พนักงานการรถไฟ เป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราววว นี่แหละ ผู้ว่าการรถไฟ คนนี้....ตัวจริงเสียงจริง
ความคิดเห็นที่ 12
เห็นกรณีน้องแก้มแล้วอยากจะแชร์
แก้ไข
เมื่อก่อนต้องคอยพาลูกสาวไปกรุงเทพ ๆ บ่อย ๆ เพราะสอบตรง แต่ปัจจุบันเรียนจบแล้ว แต่มีครั้งหนึ่งเคยนั่งรถไฟจากหัวลำโพงตู้นอนปรับอากาศ ปรากฎว่าวันนั้นมีพ่อลูก ชาวญี่ปุ่นคู่นึงขึ้นรถไฟมา ลูกสาวคงประมาณสิบสี่สิบห้า มาถึงก็มาบอกว่าตู้ที่ผมนอนอยู่เป็นของเขาพร้อมเอา ตั๋วโดยสารมาให้ผมดูซึ่งก็ตรงกัน แต่วันที่เป็นของพรุ่งนี้ พนักงานรถไฟที่แต่งเครื่องแบบก็ใจดีพาคุณพ่อญี่ปุ่นคนนี้ไปเปลี่ยนตั๋วส่วนลูกสาวก็ยืนในตู้โดยสาร แต่มีพนักงานเหมือนพนักงาน ปูที่นอนยืนอยู่ แต่มือไขว้หลัง แต่ผมสังเกตุเห็นว่ามันเอามือไปลูบขาเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นคนนั้น อายุพนักงานคนนี้ดูแล้วก็น่าจะเกินห้าสิบทำไมทำอย่างนี้ ผมก็มากับลูกสาว เลยมองหน้ามัน มันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหลีกไป ผมกับลูกสาวจึงบอกเขาว่าให้มานั่งตรงนี้ก่อนรอพ่อมาแล้วค่อยไป บอกตรง ๆ ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยนั่งรถไฟอีกเลย เพราะเห็นพฤติกรรมแบบนี้ของพนักงานอายุก็แก่คราวพ่อแล้ว ทำไมทำอย่างนี้ เลวจริง ๆ แล้วอยากจะเตือนอีกกรณีนึงคือ ถ้าใครเดินทางมาจากต่างจังหวัดก่อนจะเข้ากรุงเทพ จะมีบางสถานีให้ผู้โดยสารระยะสั้นที่ต้องมาทำงานในกรุงเทพ ขึ้นรถมา แต่เคยถามแล้วบอกว่าต้องขึ้น่ในขบวนที่เป็นชั้นสาม แต่คนพวกนี้ชอบมานั่งในตู้นอนที่มันมีเครื่องปรับอากาศประมาณว่าเย็นสบายดี แต่ก็ไม่ว่าอะไร แต่เห็นผู้ชายบางคนชอบไปนั่งเบียดเด็กผู้หญิงที่เดินทางมาคนเดียว ที่นั่งก็มีสองฝั่งทำไมมันต้องไปนั่งเบียดเด็กก็ไม่รู้
อีกเรื่องคือก่อนออกจากสถานีหัวลำโพง มันจะมีโซนสำหรับผู้โดยสาร แต่ปรากฎว่าบางครั้งเจอเหมือนคนจรจัดเดินขึ้นไปตามตู้ขบวน ซึ่งดูแล้วอย่าว่าดูถูกเขาคงไม่มีปัญญาซื้อตั๋วราคาเจ็ดแปดร้อยได้ แต่ก็เดินไปดูกระเป๋าคนโน่นคนนี้โดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สนใจ เหมือนไม่ใช่หน้าที่ จนบางครั้งเราอดรนทนไม่ได้ต้องทำหน้าเครียด ๆ ถามว่าขึ้นมาทำไม(ตัวผู้เขียนเอง ลักษณะท่าทางเหมือนตำรวจมันเลยดูเกรง ๆ ) แล้วจะรีบลงจากตู้ขบวนไปเลย ขอบคุณที่อ่านเพื่อจะได้เอาไว้ป้องกันภัยที่มาจากคนที่เราคิดว่าน่าจะไว้ใจได้
แก้ไข
เมื่อก่อนต้องคอยพาลูกสาวไปกรุงเทพ ๆ บ่อย ๆ เพราะสอบตรง แต่ปัจจุบันเรียนจบแล้ว แต่มีครั้งหนึ่งเคยนั่งรถไฟจากหัวลำโพงตู้นอนปรับอากาศ ปรากฎว่าวันนั้นมีพ่อลูก ชาวญี่ปุ่นคู่นึงขึ้นรถไฟมา ลูกสาวคงประมาณสิบสี่สิบห้า มาถึงก็มาบอกว่าตู้ที่ผมนอนอยู่เป็นของเขาพร้อมเอา ตั๋วโดยสารมาให้ผมดูซึ่งก็ตรงกัน แต่วันที่เป็นของพรุ่งนี้ พนักงานรถไฟที่แต่งเครื่องแบบก็ใจดีพาคุณพ่อญี่ปุ่นคนนี้ไปเปลี่ยนตั๋วส่วนลูกสาวก็ยืนในตู้โดยสาร แต่มีพนักงานเหมือนพนักงาน ปูที่นอนยืนอยู่ แต่มือไขว้หลัง แต่ผมสังเกตุเห็นว่ามันเอามือไปลูบขาเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นคนนั้น อายุพนักงานคนนี้ดูแล้วก็น่าจะเกินห้าสิบทำไมทำอย่างนี้ ผมก็มากับลูกสาว เลยมองหน้ามัน มันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหลีกไป ผมกับลูกสาวจึงบอกเขาว่าให้มานั่งตรงนี้ก่อนรอพ่อมาแล้วค่อยไป บอกตรง ๆ ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยนั่งรถไฟอีกเลย เพราะเห็นพฤติกรรมแบบนี้ของพนักงานอายุก็แก่คราวพ่อแล้ว ทำไมทำอย่างนี้ เลวจริง ๆ แล้วอยากจะเตือนอีกกรณีนึงคือ ถ้าใครเดินทางมาจากต่างจังหวัดก่อนจะเข้ากรุงเทพ จะมีบางสถานีให้ผู้โดยสารระยะสั้นที่ต้องมาทำงานในกรุงเทพ ขึ้นรถมา แต่เคยถามแล้วบอกว่าต้องขึ้น่ในขบวนที่เป็นชั้นสาม แต่คนพวกนี้ชอบมานั่งในตู้นอนที่มันมีเครื่องปรับอากาศประมาณว่าเย็นสบายดี แต่ก็ไม่ว่าอะไร แต่เห็นผู้ชายบางคนชอบไปนั่งเบียดเด็กผู้หญิงที่เดินทางมาคนเดียว ที่นั่งก็มีสองฝั่งทำไมมันต้องไปนั่งเบียดเด็กก็ไม่รู้
อีกเรื่องคือก่อนออกจากสถานีหัวลำโพง มันจะมีโซนสำหรับผู้โดยสาร แต่ปรากฎว่าบางครั้งเจอเหมือนคนจรจัดเดินขึ้นไปตามตู้ขบวน ซึ่งดูแล้วอย่าว่าดูถูกเขาคงไม่มีปัญญาซื้อตั๋วราคาเจ็ดแปดร้อยได้ แต่ก็เดินไปดูกระเป๋าคนโน่นคนนี้โดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สนใจ เหมือนไม่ใช่หน้าที่ จนบางครั้งเราอดรนทนไม่ได้ต้องทำหน้าเครียด ๆ ถามว่าขึ้นมาทำไม(ตัวผู้เขียนเอง ลักษณะท่าทางเหมือนตำรวจมันเลยดูเกรง ๆ ) แล้วจะรีบลงจากตู้ขบวนไปเลย ขอบคุณที่อ่านเพื่อจะได้เอาไว้ป้องกันภัยที่มาจากคนที่เราคิดว่าน่าจะไว้ใจได้
ความคิดเห็นที่ 35
...หนายิ่งกว่าส้นเท้าชาวนาอะ
คดีนี้มีแค่ความหดหู่ที่เกิดจากพวกเหลือบไรของสังคมที่อยู่ในระบบ ซึ่งมีอีกมากมาย ไม่ใช่แค่นายวันชัยที่ก่อคดีค่ะ
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077550
ญาติโวย! ตำรวจลากแม่ “น้องแก้ม” จัดฉากแถลงข่าวขอบคุณตำรวจ
ฉาวอีกแล้ววงการสีกากี หลังญาติ "น้องแก้ม" โวยตำรวจลากแม่ "น้องแก้ม" จัดฉากแถลงข่าวขอบคุณตำรวจช่วยคลี่คลายคดีออกสื่อ ชี้ตั้งแต่เกิดเหตุตำรวจไม่ได้ช่วยติดตามหา "น้องแก้ม"หลังหายไปครบ 24 ชั่วโมง แต่เป็นมูลนิธิสว่างฯ ปราณบุรีที่ช่วยติดตามค้นหาจนพบร่าง "น้องแก้ม" ภายใน 4 ชั่วโมง
วันนี้(9 ก.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางลักขณา ทองพัฒน์ อายุ 48 ปี มารดาพร้อม พ.ต.อ.คึกฤทธิ์ พิทักษ์จำนงค์ ผกก.ฝ่ายอำนวยการ กองอุทธรณ์ สำนักงานข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา พร้อมครอบครัวของ"น้องแก้ม" เด็กหญิงวัย 13 ปี ที่ถูกนายวันชัย แสงขาว ลูกจ้างการรถไฟข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตบนรถไฟขบวนที่ 174 นครศรีธรรมราช-กทม.แล้วโยนร่างทิ้งลงมาข้างทางรถไฟ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ามอบดอกไม้ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจรถไฟ ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจกก.ดส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้โดยเร็ว โดยมีพล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นตัวแทนรับมอบ จากนั้น พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นตัวแทนของศูนย์เยียวยาเหยื่ออาชญากรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับมารดาของน้องแก้ม ซึ่งการมอบในครั้งนี้ เป็นไปตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544
พล.ต.อ. เอก กล่าวว่า ตนยืนยันว่าหลังเกิดเหตุดังกล่าวตำรวจได้รับแจ้ง และดำเนินการช่วยเหลือการค้นหาร่างของน้องแก้มอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมปรับแก้ข้อกำหนดในการรับแจ้งความคนหาย ที่จากเดิมจะต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงนั้น ถึงจะสามารถแจ้งความได้ โดยจะเร่งปรับเปลี่ยนให้แจ้งความได้ทันที และกำชับพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ส่วนการปรับแก้อัตราโทษ ในคดีข่มขืนกระทำชำเราให้สูงขึ้นนั้น รองผบ.ตร. กล่าวว่า จำเป็นต้องให้ผู้มีที่ส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งตำรวจเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย และรวบรวมพยานหลักฐานในการส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศขณะที่มอบดอกไม้แสดงความขอบคุณตำรวจนั้น ญาติส่วนหนึ่งได้แสดงความไม่พอใจ และเดินออกจากห้องรับรองตั้งแต่แรก ซึ่งขณะที่ญาติได้มีการกล่าวขอบคุณตำรวจนั้น พี่สาวคนหนึ่ง ได้แสดงสีหน้าอย่างชัดเจน ในการรับมอบเงิน โดยก่อนหน้านี้ได้มีกระแสข่าวจากกลุ่มญาติของน้องแก้ม ที่ได้แสดงความรู้สึกไม่พอใจผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ถึงการทำงานของตำรวจที่ไม่ช่วยดำเนินการในการค้นหาร่างน้องแก้มอย่างเต็มที่ ซึ่งคืนวันที่พบร่างของน้องแก้มเป็นเพียงญาติ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เป็นผู้ช่วยกันค้นหาเท่านั้น โดยพี่สาวของน้องแก้มได้เดินร้องไห้ออกมาจากห้องรับรอง และโผเข้ากอดญาติ พร้อมกับพูดว่า “นั่นน้องสาวหนูทั้งคน ตำรวจพูดโกหกทั้งหมดเลย และไม่ได้ช่วยอะไรเลย พี่ชายหนูเป็นคนไปตามหาจนเจอ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการแชร์ข้อความการให้สัมภาษณ์ของญาติน้องแก้มต่อสื่อมวลชนรายการทีวีช่องหนึ่งว่า "การเดินทางมาครั้งนี้คุณแม่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นการมาเพื่อกล่าวขอบคุณตำรวจ เพราะทีแรกได้รับแจ้งว่าให้มารับเงินเยียวยาจากกรมคุ้มครองสิทธิฯ เท่านั้น แต่พอมาถึงที่นี่กลับถูกทางตำรวจให้ท่องสคริปต์เพื่อที่จะกล่าวขอบคุณตำรวจหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งจริงๆแล้วคุณแม่ไม่ต้องการท่อง เพราะในช่วง2วันแรกของการติดตามหาน้องแก้มตำรวจไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือมากนัก ทำให้ทางญาติต้องติดต่อมูลนิธิสว่างฯปราณบุรี ให้มาช่วยติดตามหาน้องแก้มพร้อมกับญาติๆ จนเจอร่างน้องแก้มภายในเวลา 4 ชั่วโมง
"วันนี้จริงๆแล้วแม่ควรจะต้องได้พักผ่อน เพราะไม่ได้หลับได้นอนกันมา 3 วันแล้ว น้องอยู่ที่วัด แม่ก็อยากไปนั่งเฝ้าน้อง สวดมนต์ให้น้อง แต่ทางตำรวจต้องการไปรับตัวแม่มา เพียงเพื่อให้มาขอบคุณที่นี่ แค่นี้หรือครับ ตำรวจต้องการแค่นี้ใช่มั้ย.."ญาติคนดังกล่าวระบุ และว่า ตั้งแต่การแถลงข่าวครั้งแรกที่ปราณบุรี ยังไม่เห็นใครได้แสดงความขอบคุณกลุ่มคนที่สมควรได้รับคำขอบคุณจริงๆก็คือเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างฯปราณบุรี ที่ลงพื้นที่ตามหาร่างน้องแก้มอย่างเหน็ดเหนื่อย โดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ตำรวจจัดฉากให้ครอบครัวมาขอบคุณได้เก่งมาก
คดีนี้มีแค่ความหดหู่ที่เกิดจากพวกเหลือบไรของสังคมที่อยู่ในระบบ ซึ่งมีอีกมากมาย ไม่ใช่แค่นายวันชัยที่ก่อคดีค่ะ
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077550
ญาติโวย! ตำรวจลากแม่ “น้องแก้ม” จัดฉากแถลงข่าวขอบคุณตำรวจ
ฉาวอีกแล้ววงการสีกากี หลังญาติ "น้องแก้ม" โวยตำรวจลากแม่ "น้องแก้ม" จัดฉากแถลงข่าวขอบคุณตำรวจช่วยคลี่คลายคดีออกสื่อ ชี้ตั้งแต่เกิดเหตุตำรวจไม่ได้ช่วยติดตามหา "น้องแก้ม"หลังหายไปครบ 24 ชั่วโมง แต่เป็นมูลนิธิสว่างฯ ปราณบุรีที่ช่วยติดตามค้นหาจนพบร่าง "น้องแก้ม" ภายใน 4 ชั่วโมง
วันนี้(9 ก.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางลักขณา ทองพัฒน์ อายุ 48 ปี มารดาพร้อม พ.ต.อ.คึกฤทธิ์ พิทักษ์จำนงค์ ผกก.ฝ่ายอำนวยการ กองอุทธรณ์ สำนักงานข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา พร้อมครอบครัวของ"น้องแก้ม" เด็กหญิงวัย 13 ปี ที่ถูกนายวันชัย แสงขาว ลูกจ้างการรถไฟข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตบนรถไฟขบวนที่ 174 นครศรีธรรมราช-กทม.แล้วโยนร่างทิ้งลงมาข้างทางรถไฟ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ามอบดอกไม้ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจรถไฟ ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจกก.ดส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้โดยเร็ว โดยมีพล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นตัวแทนรับมอบ จากนั้น พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นตัวแทนของศูนย์เยียวยาเหยื่ออาชญากรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับมารดาของน้องแก้ม ซึ่งการมอบในครั้งนี้ เป็นไปตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544
พล.ต.อ. เอก กล่าวว่า ตนยืนยันว่าหลังเกิดเหตุดังกล่าวตำรวจได้รับแจ้ง และดำเนินการช่วยเหลือการค้นหาร่างของน้องแก้มอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมปรับแก้ข้อกำหนดในการรับแจ้งความคนหาย ที่จากเดิมจะต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงนั้น ถึงจะสามารถแจ้งความได้ โดยจะเร่งปรับเปลี่ยนให้แจ้งความได้ทันที และกำชับพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ส่วนการปรับแก้อัตราโทษ ในคดีข่มขืนกระทำชำเราให้สูงขึ้นนั้น รองผบ.ตร. กล่าวว่า จำเป็นต้องให้ผู้มีที่ส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งตำรวจเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย และรวบรวมพยานหลักฐานในการส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศขณะที่มอบดอกไม้แสดงความขอบคุณตำรวจนั้น ญาติส่วนหนึ่งได้แสดงความไม่พอใจ และเดินออกจากห้องรับรองตั้งแต่แรก ซึ่งขณะที่ญาติได้มีการกล่าวขอบคุณตำรวจนั้น พี่สาวคนหนึ่ง ได้แสดงสีหน้าอย่างชัดเจน ในการรับมอบเงิน โดยก่อนหน้านี้ได้มีกระแสข่าวจากกลุ่มญาติของน้องแก้ม ที่ได้แสดงความรู้สึกไม่พอใจผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ถึงการทำงานของตำรวจที่ไม่ช่วยดำเนินการในการค้นหาร่างน้องแก้มอย่างเต็มที่ ซึ่งคืนวันที่พบร่างของน้องแก้มเป็นเพียงญาติ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เป็นผู้ช่วยกันค้นหาเท่านั้น โดยพี่สาวของน้องแก้มได้เดินร้องไห้ออกมาจากห้องรับรอง และโผเข้ากอดญาติ พร้อมกับพูดว่า “นั่นน้องสาวหนูทั้งคน ตำรวจพูดโกหกทั้งหมดเลย และไม่ได้ช่วยอะไรเลย พี่ชายหนูเป็นคนไปตามหาจนเจอ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการแชร์ข้อความการให้สัมภาษณ์ของญาติน้องแก้มต่อสื่อมวลชนรายการทีวีช่องหนึ่งว่า "การเดินทางมาครั้งนี้คุณแม่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นการมาเพื่อกล่าวขอบคุณตำรวจ เพราะทีแรกได้รับแจ้งว่าให้มารับเงินเยียวยาจากกรมคุ้มครองสิทธิฯ เท่านั้น แต่พอมาถึงที่นี่กลับถูกทางตำรวจให้ท่องสคริปต์เพื่อที่จะกล่าวขอบคุณตำรวจหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งจริงๆแล้วคุณแม่ไม่ต้องการท่อง เพราะในช่วง2วันแรกของการติดตามหาน้องแก้มตำรวจไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือมากนัก ทำให้ทางญาติต้องติดต่อมูลนิธิสว่างฯปราณบุรี ให้มาช่วยติดตามหาน้องแก้มพร้อมกับญาติๆ จนเจอร่างน้องแก้มภายในเวลา 4 ชั่วโมง
"วันนี้จริงๆแล้วแม่ควรจะต้องได้พักผ่อน เพราะไม่ได้หลับได้นอนกันมา 3 วันแล้ว น้องอยู่ที่วัด แม่ก็อยากไปนั่งเฝ้าน้อง สวดมนต์ให้น้อง แต่ทางตำรวจต้องการไปรับตัวแม่มา เพียงเพื่อให้มาขอบคุณที่นี่ แค่นี้หรือครับ ตำรวจต้องการแค่นี้ใช่มั้ย.."ญาติคนดังกล่าวระบุ และว่า ตั้งแต่การแถลงข่าวครั้งแรกที่ปราณบุรี ยังไม่เห็นใครได้แสดงความขอบคุณกลุ่มคนที่สมควรได้รับคำขอบคุณจริงๆก็คือเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างฯปราณบุรี ที่ลงพื้นที่ตามหาร่างน้องแก้มอย่างเหน็ดเหนื่อย โดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ตำรวจจัดฉากให้ครอบครัวมาขอบคุณได้เก่งมาก
แสดงความคิดเห็น
จี้ ผู้ว่า รฟท. ลาออก !!!! คุณจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรอ บิดเบือนข้อมูลหลายอย่างเพื่ออะไร ถ้าเกิดกับลูกสาวคุณบ้างจะทำยังไง
เนื่องจากได้ให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือให้ข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง 2 ประการดังนี้
จากข่าวนี้ http://hilight.kapook.com/view/104775 พบว่า
1. ประภัสร์ ได้แถลงข่าวยืนยันว่า ไอ้ วันชัย ไม่ใช่พนง.ของการรถไฟ แต่เป็น พนง.ของบริษัทที่เป็น outsource อีกที แต่หลังจากนั้นก็มีข้อมูลจากผู้หวังดีมาเผยแพร่ว่า ไอ้วันชัย ที่แท้คือ พนง.ของ รฟท. จริงๆ ตามลิ้งค์นี้เลยคะ http://www.oknation.net/blog/Tip2/2014/07/08/entry-4
2. ประภัสร์ ได้แถลงข่าวว่า เหตุการณ์นี้ถือว่าตั้งแต่ก่อตั้งรถไฟมา 117 ปี เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงสะเทือนขวัญที่สุด ทว่า เมื่ออ่าน http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077185 หลายคนคงพอจำได้ว่า 13 ปีที่แล้ว เกิดคดีที่ พนง. รฟท. ข่มขืนผู้โดยสารมาแล้ว ประภัสร์คิดว่าไม่ร้ายแรงหรอย่ะ พวกแกทำให้คนๆนึงต้องตายทั้งเป็น ไม่คิดที่จะรับผิดชอบใดๆเลยหรอ
คืองงว่า มันจะมาแถลงข่าวบิดเบือนเพื่ออะไร ทำให้ รฟท.ดูดีหรือ ไม่ผิดหรือ ไม่รับผิดชอบหรือ ใครเป็นคนให้ข้อมูลต่างๆกับประภัสร์ ทำไมไม่กรองข้อมูลก่อน สุดท้ายคนรู้ความจริงแล้ว เมิงยังจะหน้าด้านอยู่อีกหรอคะ
งงคะ ทำงาน เป็นแค่พนง.ธรรมดาๆ ทำข้อมูลให้หัวหน้า ถ้าผิด ยังโดนว่าเลย แล้วนี่นะ เป็นถึงผู้ว่า รฟท. มาให้ข้อมูลมั่วๆได้ยังไง
ลาออกเถอะคะ คุณประภัสร์ สงสารผู้หญิงทุกคนด้วยเถิดที่ต้องเดินทางโดยรถไฟ นี่ไม่ใช่เคสแรกแล้วคะ หลายเคสแล้ว ต่อให้คุณออกมาตรการอะไรในอนาคต คุณรับประกันได้ไหมว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
แล้วฟังข่าวเก็บตกเนชั่นเมื่อเช้า ไอ้วันชัย มันสารภาพด้วยว่าเคยก่อเหตุข่มขืนพนง. รฟท. มาก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง
มันคืออัลไลยังไงคะ
อยากถามนิดนิด ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกสาวของคุณหรือญาติของคุณ คุณจะจัดการยังไงคะ