(มองมุมต่างกลับมุมมอง)บางทีเราโฟกัสผิดจุดกันไปรึเปล่ากับโทษคดีข่มขืน

ขอออกตัวไว้ ก่อนผมเป็นคนๆหนึ่งที่เกลียดเรื่อง อาชญากรมาก ไม่ชอบพวกนี้เหมือนกัน (น่ากลัว เมืองไทยนี่ไปไหนต้องระวังให้มาก)

เอาละเข้าเรื่อง อย่างที่ทราบปัจจุบันมีกระแสเรื่อง คดีฆ่าข่มขืนในรถไฟ ทำให้เกิดกระแสเรื่อง โทษคดีข่มขืนขึ้นมา อย่างที่ทราบกันดีตอนนี้ ในการถกเถียงเรื่องนี้ จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ
1. กลุ่มที่ต้องการปรับโทษของการข่มขืนเป็นประหาร (หรือพูดง่ายๆ ปรับโทษให้แรงขึ้นมีค่าเท่ากับการฆาตกรรม)
อย่างเช่น กระทู้นี้ http://pantip.com/topic/32296849
2.กลุ่มที่ไม่ต้องการปรับโทษขึ้นเป็นโทษประหาร

ซึ่งแต่ละกลุ่มต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองซึ่งจริงๆแล้วไม่มีใครถูกใครผิดหรอกเรื่องแบบนี้นะ แต่ละกลุ่มต่างก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน
ต่อไปนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผมเองที่มีต่อเรื่องนี้

โทษประหารทำให้อาชญากรลดลงจริงหรือ?
เอาตามจริงผมเห็นด้วยกับเหตุผลของฝั่งที่ต้องการเพิ่มเป็นโทษประหาร คือ การข่มขืนก็เหมือนกับการฆ่าทางอ้อม หรือพูดง่ายๆก็คือ ทำให้เหยื่อ(ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง) ลองคิดดูสิ เราถูกบังคับ ลวนลาม กระทำชำเรา โดยที่ไม่ยินยอม จะสร้างบาดแผลเราได้มากแค่ไหน ถ้าเราเป็นเหยื่อไม่รู้ว่าเราจะรับมือกับมันได้ๆไหม ฆาตกรต่อเนื่องที่ดังๆและไม่ดังส่วนใหญ่ล้วนเคยถูก ข่มขืนมาทั้งนั้น หรือ แม้แต่การฆ่าตัวตายก็มีหลายกรณีที่เกิดจากการถูกข่มขืน แต่ปัญหาคือการปรับเป็นโทษประหารเนี่ยสามารถลดอัตราการข่มขืนลดลงจริงเหรอ
และข่างล่างนี่คือกราฟเปรียบเทียบการเกิดคดีฆาตกรรมในรัฐต่างของอเมริกา ระหว่างรัฐที่มีโทษประหาร กับ ไม่มีโทษประหาร





ที่มา:http://www.deathpenaltyinfo.org/deterrence-states-without-death-penalty-have-had-consistently-lower-murder-rates
(ผ่านทาง Drama-Addict )

จะเห็นได้ชัดว่า อัตราการเกิดคดีฆาตกรรมในรัฐที่มีโทษประหารมากกว่า รัฐที่ไม่มีโทษประหาร ซึ่งนั่นก็คือสิ่งทึ่คนที่ต่อต้านการเปลี่ยนโทษข่มขืนเป็นโทษประหารกลัวนั่นเอง คนกลุ่มนี้กลัวอะไร ก็ง่ายๆคือ กลัวว่าถ้าทำให้โทษของการฆาตกรรมทำให้ อัตราการรอดชีวิตของเหยื่อลดลง คร่าวนี้ลองคิดดูสิ ถ้าเราเป็น คนร้าย ถ้าโทษเท่ากันแล้วปล่อยให้เหยื่อเพื่อกลับมาเอาผิดตัวเองทำไมในเมื่อถ้าโดนจับได้ก็ต้องตายอยู่ งั้นก็ฆ่าปิดปาก เพราะ คนตายไม่ได้พูด อยู่แล้ว นอกจากว่ามีคนมาเจอแล้วแจ้งตำรวจเท่านั้นเอง ซึ่งตัวคนร้ายเองก็จะคิดว่าอย่างหลังมีสิทธิ์รอดมากกว่า คราวนี้คดีข่มขื่นธรรมดาก็หมดไป กลายเป็นข่มขืนแล้วฆ่าแทน นั่นคือสิ่งที่คนกลุ่มนี้กลัวนั่นเอง รวมถึงยังกลัวการจับแพะด้วย เพราะ คนที่ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน ไปจนถึง ผู้พิพากษา เขาก็เป็นคนเหมือนกัน บางครั้งการทำงานก็ไม่เพอร์เฟ็ค 100% ซึ่งบางครั้งอาจจะมีการจับคนผิด ซึ่งถ้าหากได้รับโทษประหารแล้ว ประหารไปแล้ว มารู้ทีหลังว่าเขาไม่ใช่อาชญากร ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนที่โดนจับผิดเพียงเพราะหลักฐานบางอย่างชี้ไปที่คุณแต่คุณไม่ได้ทำ คุณจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งการทำงานก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเพราะถ้าติดคุกยังมีโอกาสให้พิสูจน์ตัวเอง ซึ่ง คนที่ตายไปแล้วทำไม่ได้

ปัญหาคือ ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างคดีข่มขืนก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน เรามาดูอัตราโทษเช่นกัน
โทษในคดีข่มขืน อยู่ที่ จำคุก 4 - 20 ปี และถ้าฆ่าด้วยจะรวมกับฆาตกรรมเป็น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
ซึ่งในโทษข่มขืนเฉยๆนั้นผมว่าน้อยเกินไปน่าจะปรับให้ใกล้เคียงกับโทษของการฆาตกรรมมากขึ้นเป็น ต้องระวางจำคุกตั้งแต่ 10 ปี จนถึงจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งแน่นอนพอปรับแล้ว ตัวปัญหาจริงๆมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหาจริงๆ คือ การอภัยโทษ ที่มากเกินไป และไม่ควรมี สำหรับคดีหลายๆคดีด้วยซ้ำ พอถึงงานเทศกาลสำคัญทีก็ลดหย่อนโทษให้ที พอออกมาจากคุกก็ก่อเหตุซ้ำอีก บางครั้งคนที่ไม่ควรปล่อย ในหลายๆคดี ก็ปล่อยออกมาเช่น คนที่เป็นโรคจิตแน่ๆ หรือคนที่ไมสำนึก หรือทำผิดซ้ำซากอะไรแบบนี้

ในการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตามมุมมองผมว่าว่าทุกคนโฟกัสไปผิดจุด จริงๆแล้วจุดที่ควรโฟกัสคือ การอภัยโทษต่างหากละ ต่อให้กฏหมายแรงแค่ไหนแต่ถ้ามีการอภัยโทษแบบนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาต่อไป ควรอภัยโทษคนที่ควรจริงๆ ถ้าจะลงชื่อเปลี่ยนแปลงอะไรผมว่าเริ่มจาก การอภัยโทษ นี่ก่อนเถอะ นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆเช่น อำนาจมืดต่างที่อยู่เหนือกฏหมาย สื่อ อะไรพวกนี้อีกนะ แต่ผมคิดว่าเราควรแก้ไปทีละอย่างแล้วดีขึ้นเอง

สำหรับผมแล้ว ไม่ควรมีใครซักคนเดียวในประเทศนี้อยู่เหนือกฏหมายแต่มันก็แค่ความเพ้อฝันสินะ....

เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ถกเถียงกันนะครับ ผมว่าเราไม่ควรเลิกถกเถียงกันเรื่องนี้แม้เรื่องจบไปแล้ว เพราะผลลัพธ์ที่ได้มาจากการถกเถียงกันเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง รวมถึงความปลอดภัยของเราด้วย แต่ต้องมีเหตุและผลนะครับ

และสุดท้ายผมของฝากไว้อย่างหนึ่งว่า "อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล" ผมรู้ว่าทุกคนโกรธ ผมก็โกรธเพราะผมตามข่าวนี้มาตั้งแต่แรกเหมือนกัน เราควรจะสงบอารมณ์และมาคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น  เพราะฉะนั้น ทำใจร่มๆ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่