สิ่งที่มนุษย์อยากรู้เรื่องแรกๆ . ใครเป็นคนที่เหยียบดวงจันทร์คนแรก?,ใครเป็นคนแรกที่ข้ามทะเล?-คนแรกที่เขียน? ไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์คิดว่า การเขียนยุคแรกสุดเกิดขึ้นในสุเมเรียน ในเมโสโปเตเมีย(ปัจจุบันเป็นประเทศอิรัก)แต่ชิ้นส่วนของหม้อจำนวน ๓๐๐ ชิ้น ขนาดไม่ใหญ่กว่าแสตมป์ บอกว่า การเขียนเริ่มต้นก่อนหน้านี้ในอียิปต์.
นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาขุดค้นเป็นเวลาหลายสิบปีที่อบิโดส( Abydos), สุสานของราชวงศ์โบราณ อยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำไนล์,ห่างจากกรุงไคโรไปทางทิศใต้ ๓๐๐ ไมล์. คนอียิปต์โบราณฝังศพกษัตริย์องค์แรกของพวกเขาที่อบิโดส เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า ทางเข้าหุบเขา เป็นทางไปยังโลกใหม่.ในหลุมฝังศพที่อาจจะเป็นกษัตริย์สกอเปียน,นักวิทยาศาสตร์ค้นพบชิ้นส่วนของหม้อ บางชิ้น มีการเขียนแรกที่สุดในโลก.
ถ้อยคำอะไร ที่ดลใจคนอียิปต์โบราณบางคนให้ คิดประดิษฐ์การเขียนขึ้น? เป็นคำเกี่ยวกับบทกวีหรืออะไร? คนอียิปต์ฉลาดพอที่จะคิดประดิษฐ์ไหม? พวกเขาเปิดเผยความหมายที่แท้จริงของชีวิตหรือไม่? พวกเขาบอกทางไปยังโพรงน้ำที่ใกล้ที่สุดหรือไม่? ไม่มีความหมายอะไรเลย. จารึกบนตุ่มดินเหนียวและแจกัน บันทึกการส่งน้ำมันและผ้าลินิน. ไม่มีการใช้เงิน เมื่อ ๕๓๐๐ ปีก่อน. ภาษีจ่ายกันในรูปสินค้า.บางครั้งจ่ายภาษีกันเป็นน้ำมันและผ้าลินิน การอักษรที่เขียนยุคแรกๆ นี้เป็นบันทึกเรื่องภาษี. นี่เป็นคำพูดที่ว่า ไม่มีอะไรในชีวิตที่แน่นอน -นอกจากความตายและภาษี.อาจเป็นการเหมาะสมที่การเขียนยุคแรกที่สุด เป็นการบันทึกเรื่องภาษีจะพบได้ในสุสาน.

เครื่องปั้นดินเผา จากหลุมฝังศพ ที่อาจจะเป็นของกษัตริย์สกอเปี้ยน ,อบิโดส ประมาณ 3100 กคศ.
..................................................................................
เราพูดถึงการเขียนก่อน, ตอนที่เราเข้าโรงเรียนครั้งแรก เราเรียนรู้วิธีเขียนตัวอักษรให้สวยงาม. เราออกเสียงอักษรที่เราเขียน.แต่ถ้าไม่มีใครเขียนขึ้นมาก่อน,ไม่มีครูสอนเราว่า ตัวอักษรแต่ละตัวมีรูปร่างอย่างไร,ไม่มีการออกเสียงพร้อมกับตัวอักษร. เราจะเริ่มการเขียนได้อย่างไร คนอียิปต์เริ่มด้วยรูปภาพก่อน.
ตอนแรกรูปภาพ เป็นภาพตามความเป็นจริง.ภาพดวงอาทิตย์หมายถึง “ดวงอาทิตย์” คุณคงนึกออก,แต่การเขียนเป็นเพียงรูปวัตถุมีข้อจำกัด. คำว่า “ร้อน”คุณจะเขียนยังไง? ยังไม่มีวัตถุที่บอกว่า “ร้อน” ดังนั้นภาพจึงเริ่มต้นจากความคิดที่เกี่ยวข้องกับวัตถุก่อน. ภาพของดวงอาทิตย์หมายถึงแสงสว่าง,หรือวัน.หรือ-ร้อน. ไม่นานการเขียนเริ่มมีข้อจำกัด. คุณจะเขียนภาพที่แปลว่า”เชื่อ” เป็นภาพอะไร? คุณเขียนภาพวัตถุอะไรที่เกี่ยวข้องกับคำว่าเชื่อ? แต่ถ้าวัตถุนั้นแทน “เสียง”ได้ คุณจะเขียนคำว่า “เชื่อ”ได้ เป็นภาพของผึ้ง ตามด้วยภาพของใบไม้ คนอ่านจึงจะนึกออกว่าหมายถึงอะไร (นี่เป็นตัวอย่างของคำในภาษาอังกฤษ ถ้าเป็น เชื่อในภาษาอียิปต์ จะยากแน่ๆ)
หลังจากมีภาพสัญลักษณ์จำนวนนับร้อยภาพ ได้ไม่นาน. การอ่านภาพเริ่มซับซ้อนพอๆกับการเขียน เพราะว่านักเขียนอียิปต์ ที่เรียกว่าอาลักษณ์ บางทีเขียนจากขวามาซ้าย, บางครั้งเขียนจากซ้ายมาขวา,และบางเวลาเขียนจากบนลงล่าง(แต่ไม่เคยเขียนจากล่างขึ้นบน) ทีนี้อยู่ที่คนอ่าน จะอ่านจารึกทิศทางไหน คนและสัตว์จะอ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้า.คุณก็อ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้า.
...................................................................
ขณะเดียวกันที่ปากีสถาน
ปี 1999 นักโบราณคดีขุดค้นที่ ฮารัมปา ประเทศปากีสถาน พบเครื่องหมายบนดินเผา มีอายุ 5000 ปี สัญลักษณ์จากเครื่องมือแหลมๆนี้อาจมีความเก่าแก่เท่ากับตัวอย่างการเขียนที่พบในอียิปต์และเมโสโปเตเมีย.
.............................................................................................
ยังไม่มีเครื่องหมายวรรคตอน. ไม่มีจุด(.) หรือเครื่องหมายคำถาม(?) เพื่อที่คนอ่านจะได้รู้ว่า ตรงนี้จบประโยคแล้ว และต่อไปเป็นประโยคใหม่. ไม่มี แม้แต่ช่องว่างระหว่างคำ ช่วยสร้างความหมายให้ชัดเจน.และนั่นยังไม่ซับซ้อนอีกหรือ, ทั้งๆที่ ความจริงยังไม่มีสระ. นึกถึงการเขียนที่ไม่มีสระ หรือถ้าจะเขียน จะเขียนแต่พยัญชนะ เช่น mgnntbngllwdtwrtvwl,
คนอียิปต์โบราณ คิดว่า คำที่ขีดเขียน เป็นมากกว่ารอยขีดเขียนบนแผ่นดินเหนียวเท่านั้น, การเขียนหนึ่งครั้ง, คนอียิปต์ คิดว่าคำที่เขียน มีชีวิตนิรันดร์-หมายถึงเสียงๆหนึ่ง. พวกมันอาจเป็นอันตรายได้. เพื่อป้องกันภาพของจระเข้มิให้มีชีวิตขึ้นมา จะวาดภาพหอกแทงทะลุ จระเข้ไว้ ไม่ให้จระเข้ฟื้นคืนชีพ, หรือวาดภาพงู ต้องวาดเป็นงู ที่ไม่มีหัว เดี๋ยวงูฟื้นคืนชีพขึ้นมา. ลองนึกถึงภาพความกลัวของคน ที่จะเขียนคำว่า ”สัตว์ร้าย” เพราะคุณเชื่อว่ามันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหรือทำให้คุณ-ฝันร้ายตลอดทั้งคืน.
..................................................................................
อักษรเฮียโรกลิฟฟิก ที่จารึกเป็นชื่อ,เช่นชื่อของSenworset ที่1 เขียนซ้ำในวงกลมรูปไข่ ในจารึกแผ่นนี้ ชื่อของเขามีความหมายว่า “ Ka แห่ง Ra ลงมาจุติ” อักษรเฮียโรกลิฟฟิก อื่น จารึกเพื่อแทนเสียง. เส้นยุ่งๆขยักๆ คล้ายภาพของน้ำ ใช้แทนเสียงพยัญชนะn.
......................................................................................
คนอียิปต์ เรียกการเขียนของเขาว่าmedu neter ซึ่งหมายถึง “ถ้อยคำของพระเจ้า” หลายพันปีต่อมาชาวกรีก เรียกการเขียนนี้ว่า ”เฮียโรกลิฟฟิก” ซึ่งแปลว่า”การแกะสลักศักดิ์สิทธิ์”เพราะชาวกรีก พบการเขียนนี้บริเวณวิหารและหลุมฝังศพ.
มีคนจำนวนไม่กี่คนในอียิปต์ที่อ่านออกและเขียนได้ อาจเพียง๑ % ของจำนวนประชากรทั้งหมด. ลองคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนนั้น คุณมีอำนาจที่จะให้ถ้อยคำมีชีวิต. คุณเป็นคนเก็บรักษา “ถ้อยคำของพระเจ้า” อาลักษณ์แบ่งปันทักษะลึกลับนี้กับไม้บรรทัดและgods.
จะเรียนอักษรเฮียโรกลิฟฟิค ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเครื่องหมายจำนวน ๗๐๐ เครื่องหมายให้จดจำ. นักเรียนใช้เวลาเป็นปี เพื่อจดจำได้หมด. ในขณะที่นักเรียนอื่นวิ่งเล่นกันข้างนอก, นักเรียนหลายคนใช้เวลาของพวกเขาศึกษาวิธีเขียนจารึกลงบนชิ้นส่วนของหม้อดินเผา, วาดภาพแล้ววาดภาพอีก ซ้ำๆ. นักเรียนจะลบงานของพวกเขาด้วยผ้าขี้ริ้วเปียกและเขียนใหม่,จะกระทั่งครูพอใจ.
ถ้านักเรียนเริ่มใจลอย,ครูจะเตือนความจำด้วยถ้อยคำเหมือนคำใน “Satire of the Tradesการเย้ยหยันของการค้า ” ครูจะทำให้เธอรักการเขียนมากกว่าแม่ของเธอและเธอยังจำความสวยงามของมันได้ไหม” ถ้านักเรียนยังประพฤติไม่ดีอีก, ครูจะเตือนพวกเขาเกี่ยวกับงานอาชีพอื่น เหมือนกับ ”ช่างทองแดงที่ต้องเหน็ดเหนื่อยที่เตาเผา นิ้วของเขาเหมือนหนังจระเข้ กลิ่นตัวแย่กว่าไข่ปลา” หรือเหมือนชาวสวนที่แบกเสาต้นหนึ่งไว้บนบ่า ”และมีแผลพุพองบนคอของเขา, หน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ.” นอกจากนั้น การฝึกฝนเขียนอักษรเฮียโรกลิฟฟิก ดูไม่เลว.นักเรียนอาจเห็นด้วยกับครูว่า “มันยิ่งใหญ่กว่าอาชีพอื่นใด,ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ในสามโลก”
พอเข้าเรียนในโรงเรียนอาลักษณ์จบแล้ว จะเริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กฝึกงานก่อนและเรียนแกะสลักโดยเป็นคนคอยช่วยเหลืออาลักษณ์ที่เขียนเป็นก่อน. เรารู้เรื่องนี้จากจารึกบนรูปปั้นว่า อาลักษณ์คนหนึ่ง ชื่อ Bekenkhons ใช้เวลา ๑๑ ปีเป็นเด็กฝึกงานในโรงม้าของราชวัง หลังจากเข้าโรงเรียนเป็นเวลา ๔ ปี ที่วิหารแห่งMut ที่Karnak. มีงานให้อาลักษณ์ทำจำนวนมากมาย.เริ่มจากจดหมายส่วนตัวไปจนถึงความลับทางทหาร และมนต์คาถาวิเศษ ที่อาลักษณ์จะเขียนให้. อาลักษณ์จะคำนวณว่า ต้องใช้อิฐทำกำแพงจำนวนกี่ก้อน,ใช้ขนมปังกี่ก้อนเพื่อเป็นค่าแรงคนก่ออิฐ.อาลักษณ์เขียนคำแนะนำในการรักษาให้หมอ.บันทึกวันเกิดวันตาย คนที่ต้องการหรือจำเป็นต้องจดบันทึกจะเรียกอาลักษณ์.
โลกอียิปต์โบราณ:คำขอบคุณ, หินโรเซทต้าและอักษรเฮียโรกริฟฟิค(4)
นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาขุดค้นเป็นเวลาหลายสิบปีที่อบิโดส( Abydos), สุสานของราชวงศ์โบราณ อยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำไนล์,ห่างจากกรุงไคโรไปทางทิศใต้ ๓๐๐ ไมล์. คนอียิปต์โบราณฝังศพกษัตริย์องค์แรกของพวกเขาที่อบิโดส เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า ทางเข้าหุบเขา เป็นทางไปยังโลกใหม่.ในหลุมฝังศพที่อาจจะเป็นกษัตริย์สกอเปียน,นักวิทยาศาสตร์ค้นพบชิ้นส่วนของหม้อ บางชิ้น มีการเขียนแรกที่สุดในโลก.
ถ้อยคำอะไร ที่ดลใจคนอียิปต์โบราณบางคนให้ คิดประดิษฐ์การเขียนขึ้น? เป็นคำเกี่ยวกับบทกวีหรืออะไร? คนอียิปต์ฉลาดพอที่จะคิดประดิษฐ์ไหม? พวกเขาเปิดเผยความหมายที่แท้จริงของชีวิตหรือไม่? พวกเขาบอกทางไปยังโพรงน้ำที่ใกล้ที่สุดหรือไม่? ไม่มีความหมายอะไรเลย. จารึกบนตุ่มดินเหนียวและแจกัน บันทึกการส่งน้ำมันและผ้าลินิน. ไม่มีการใช้เงิน เมื่อ ๕๓๐๐ ปีก่อน. ภาษีจ่ายกันในรูปสินค้า.บางครั้งจ่ายภาษีกันเป็นน้ำมันและผ้าลินิน การอักษรที่เขียนยุคแรกๆ นี้เป็นบันทึกเรื่องภาษี. นี่เป็นคำพูดที่ว่า ไม่มีอะไรในชีวิตที่แน่นอน -นอกจากความตายและภาษี.อาจเป็นการเหมาะสมที่การเขียนยุคแรกที่สุด เป็นการบันทึกเรื่องภาษีจะพบได้ในสุสาน.
เครื่องปั้นดินเผา จากหลุมฝังศพ ที่อาจจะเป็นของกษัตริย์สกอเปี้ยน ,อบิโดส ประมาณ 3100 กคศ.
..................................................................................
เราพูดถึงการเขียนก่อน, ตอนที่เราเข้าโรงเรียนครั้งแรก เราเรียนรู้วิธีเขียนตัวอักษรให้สวยงาม. เราออกเสียงอักษรที่เราเขียน.แต่ถ้าไม่มีใครเขียนขึ้นมาก่อน,ไม่มีครูสอนเราว่า ตัวอักษรแต่ละตัวมีรูปร่างอย่างไร,ไม่มีการออกเสียงพร้อมกับตัวอักษร. เราจะเริ่มการเขียนได้อย่างไร คนอียิปต์เริ่มด้วยรูปภาพก่อน.
ตอนแรกรูปภาพ เป็นภาพตามความเป็นจริง.ภาพดวงอาทิตย์หมายถึง “ดวงอาทิตย์” คุณคงนึกออก,แต่การเขียนเป็นเพียงรูปวัตถุมีข้อจำกัด. คำว่า “ร้อน”คุณจะเขียนยังไง? ยังไม่มีวัตถุที่บอกว่า “ร้อน” ดังนั้นภาพจึงเริ่มต้นจากความคิดที่เกี่ยวข้องกับวัตถุก่อน. ภาพของดวงอาทิตย์หมายถึงแสงสว่าง,หรือวัน.หรือ-ร้อน. ไม่นานการเขียนเริ่มมีข้อจำกัด. คุณจะเขียนภาพที่แปลว่า”เชื่อ” เป็นภาพอะไร? คุณเขียนภาพวัตถุอะไรที่เกี่ยวข้องกับคำว่าเชื่อ? แต่ถ้าวัตถุนั้นแทน “เสียง”ได้ คุณจะเขียนคำว่า “เชื่อ”ได้ เป็นภาพของผึ้ง ตามด้วยภาพของใบไม้ คนอ่านจึงจะนึกออกว่าหมายถึงอะไร (นี่เป็นตัวอย่างของคำในภาษาอังกฤษ ถ้าเป็น เชื่อในภาษาอียิปต์ จะยากแน่ๆ)
หลังจากมีภาพสัญลักษณ์จำนวนนับร้อยภาพ ได้ไม่นาน. การอ่านภาพเริ่มซับซ้อนพอๆกับการเขียน เพราะว่านักเขียนอียิปต์ ที่เรียกว่าอาลักษณ์ บางทีเขียนจากขวามาซ้าย, บางครั้งเขียนจากซ้ายมาขวา,และบางเวลาเขียนจากบนลงล่าง(แต่ไม่เคยเขียนจากล่างขึ้นบน) ทีนี้อยู่ที่คนอ่าน จะอ่านจารึกทิศทางไหน คนและสัตว์จะอ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้า.คุณก็อ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้า.
...................................................................
ขณะเดียวกันที่ปากีสถาน
ปี 1999 นักโบราณคดีขุดค้นที่ ฮารัมปา ประเทศปากีสถาน พบเครื่องหมายบนดินเผา มีอายุ 5000 ปี สัญลักษณ์จากเครื่องมือแหลมๆนี้อาจมีความเก่าแก่เท่ากับตัวอย่างการเขียนที่พบในอียิปต์และเมโสโปเตเมีย.
.............................................................................................
ยังไม่มีเครื่องหมายวรรคตอน. ไม่มีจุด(.) หรือเครื่องหมายคำถาม(?) เพื่อที่คนอ่านจะได้รู้ว่า ตรงนี้จบประโยคแล้ว และต่อไปเป็นประโยคใหม่. ไม่มี แม้แต่ช่องว่างระหว่างคำ ช่วยสร้างความหมายให้ชัดเจน.และนั่นยังไม่ซับซ้อนอีกหรือ, ทั้งๆที่ ความจริงยังไม่มีสระ. นึกถึงการเขียนที่ไม่มีสระ หรือถ้าจะเขียน จะเขียนแต่พยัญชนะ เช่น mgnntbngllwdtwrtvwl,
คนอียิปต์โบราณ คิดว่า คำที่ขีดเขียน เป็นมากกว่ารอยขีดเขียนบนแผ่นดินเหนียวเท่านั้น, การเขียนหนึ่งครั้ง, คนอียิปต์ คิดว่าคำที่เขียน มีชีวิตนิรันดร์-หมายถึงเสียงๆหนึ่ง. พวกมันอาจเป็นอันตรายได้. เพื่อป้องกันภาพของจระเข้มิให้มีชีวิตขึ้นมา จะวาดภาพหอกแทงทะลุ จระเข้ไว้ ไม่ให้จระเข้ฟื้นคืนชีพ, หรือวาดภาพงู ต้องวาดเป็นงู ที่ไม่มีหัว เดี๋ยวงูฟื้นคืนชีพขึ้นมา. ลองนึกถึงภาพความกลัวของคน ที่จะเขียนคำว่า ”สัตว์ร้าย” เพราะคุณเชื่อว่ามันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหรือทำให้คุณ-ฝันร้ายตลอดทั้งคืน.
..................................................................................
อักษรเฮียโรกลิฟฟิก ที่จารึกเป็นชื่อ,เช่นชื่อของSenworset ที่1 เขียนซ้ำในวงกลมรูปไข่ ในจารึกแผ่นนี้ ชื่อของเขามีความหมายว่า “ Ka แห่ง Ra ลงมาจุติ” อักษรเฮียโรกลิฟฟิก อื่น จารึกเพื่อแทนเสียง. เส้นยุ่งๆขยักๆ คล้ายภาพของน้ำ ใช้แทนเสียงพยัญชนะn.
......................................................................................
คนอียิปต์ เรียกการเขียนของเขาว่าmedu neter ซึ่งหมายถึง “ถ้อยคำของพระเจ้า” หลายพันปีต่อมาชาวกรีก เรียกการเขียนนี้ว่า ”เฮียโรกลิฟฟิก” ซึ่งแปลว่า”การแกะสลักศักดิ์สิทธิ์”เพราะชาวกรีก พบการเขียนนี้บริเวณวิหารและหลุมฝังศพ.
มีคนจำนวนไม่กี่คนในอียิปต์ที่อ่านออกและเขียนได้ อาจเพียง๑ % ของจำนวนประชากรทั้งหมด. ลองคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนนั้น คุณมีอำนาจที่จะให้ถ้อยคำมีชีวิต. คุณเป็นคนเก็บรักษา “ถ้อยคำของพระเจ้า” อาลักษณ์แบ่งปันทักษะลึกลับนี้กับไม้บรรทัดและgods.
จะเรียนอักษรเฮียโรกลิฟฟิค ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเครื่องหมายจำนวน ๗๐๐ เครื่องหมายให้จดจำ. นักเรียนใช้เวลาเป็นปี เพื่อจดจำได้หมด. ในขณะที่นักเรียนอื่นวิ่งเล่นกันข้างนอก, นักเรียนหลายคนใช้เวลาของพวกเขาศึกษาวิธีเขียนจารึกลงบนชิ้นส่วนของหม้อดินเผา, วาดภาพแล้ววาดภาพอีก ซ้ำๆ. นักเรียนจะลบงานของพวกเขาด้วยผ้าขี้ริ้วเปียกและเขียนใหม่,จะกระทั่งครูพอใจ.
ถ้านักเรียนเริ่มใจลอย,ครูจะเตือนความจำด้วยถ้อยคำเหมือนคำใน “Satire of the Tradesการเย้ยหยันของการค้า ” ครูจะทำให้เธอรักการเขียนมากกว่าแม่ของเธอและเธอยังจำความสวยงามของมันได้ไหม” ถ้านักเรียนยังประพฤติไม่ดีอีก, ครูจะเตือนพวกเขาเกี่ยวกับงานอาชีพอื่น เหมือนกับ ”ช่างทองแดงที่ต้องเหน็ดเหนื่อยที่เตาเผา นิ้วของเขาเหมือนหนังจระเข้ กลิ่นตัวแย่กว่าไข่ปลา” หรือเหมือนชาวสวนที่แบกเสาต้นหนึ่งไว้บนบ่า ”และมีแผลพุพองบนคอของเขา, หน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ.” นอกจากนั้น การฝึกฝนเขียนอักษรเฮียโรกลิฟฟิก ดูไม่เลว.นักเรียนอาจเห็นด้วยกับครูว่า “มันยิ่งใหญ่กว่าอาชีพอื่นใด,ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ในสามโลก”
พอเข้าเรียนในโรงเรียนอาลักษณ์จบแล้ว จะเริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กฝึกงานก่อนและเรียนแกะสลักโดยเป็นคนคอยช่วยเหลืออาลักษณ์ที่เขียนเป็นก่อน. เรารู้เรื่องนี้จากจารึกบนรูปปั้นว่า อาลักษณ์คนหนึ่ง ชื่อ Bekenkhons ใช้เวลา ๑๑ ปีเป็นเด็กฝึกงานในโรงม้าของราชวัง หลังจากเข้าโรงเรียนเป็นเวลา ๔ ปี ที่วิหารแห่งMut ที่Karnak. มีงานให้อาลักษณ์ทำจำนวนมากมาย.เริ่มจากจดหมายส่วนตัวไปจนถึงความลับทางทหาร และมนต์คาถาวิเศษ ที่อาลักษณ์จะเขียนให้. อาลักษณ์จะคำนวณว่า ต้องใช้อิฐทำกำแพงจำนวนกี่ก้อน,ใช้ขนมปังกี่ก้อนเพื่อเป็นค่าแรงคนก่ออิฐ.อาลักษณ์เขียนคำแนะนำในการรักษาให้หมอ.บันทึกวันเกิดวันตาย คนที่ต้องการหรือจำเป็นต้องจดบันทึกจะเรียกอาลักษณ์.