แม่ชี เชอรรี่ ตอนพิเศษ




By ชุมพร | 7 ก.ค. 2557 11:37 | 90 views | View Comment


เรื่องราวฉาวโฉ่ของแม่ชีเชอรี่ หรือนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล วัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ที่ปรากฏภาพขับรถสปอร์ตปอร์เช่ ใช้กระเป๋าข้าวของเครื่องประดับยี่ห้อแบรนด์เนมราคาสุดแพง พร้อมถ่ายภาพคู่กับกองเงินจำนวนมหาศาล ใช้เครื่องประทินผิวทาให้หน้าขาว ทาปากแดง ผูกผ้าพันคอลายดอก ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมสีฉูดฉาดราคาแพง ใส่นาฬิกาข้อมือ เข้าคอร์สสปา อบหน้า นวดตัว ขัดผิว รวมทั้งปั้นเรื่องมุสาคำโตเรียนจบจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีมรดกเป็น 100 ล้าน จนชาวบ้านในพื้นที่ อ.สวี ขนานแม่ชีเชอรี่ว่า "คุณนายแม่ชีเชอรี่"

พร้อมได้รับความเมตตาไว้วางใจจากพระครูสุธรรมวีราจารย์ หรือพระอาจารย์สมใจ เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมืองรูปปัจจุบันเป็นกรณีพิเศษจนผิดสังเกต กุมอำนาจเบ็ดเสร็จทุกสิ่งทุกอย่างภายในวัด รวมทั้งการเงินจนพระสงฆ์ สามเณร ลูกศิษย์ทั้งหลาย ตลอดจนชาวบ้านที่อยู่รอบวัดต้องเกรงใจ และเอื่อมระอา หลายคนทนไม่ไหวต้องเดินออกจากวัดไปและไม่หันหลังกลับเข้ามาอีก ส่วนพระสงฆ์หลายรูปก็ไปอยู่วัดอื่น ศิษย์เก่าแก่ รวมทั้งผู้อุปถัมภ์วัดมาตั้งแต่ยุคสมัยพระครูภาวนาภิรมย์ (สรวง ปริสุทฺโธ) หรือหลวงพ่อสรวง ที่เคยร่วมกันพัฒนาวัด จนวัดถ้ำขวัญเมืองเริญรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักไปทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้

และมั่วประเทศมากับหลวงพ่อสรวง คนเหล่านี้ไม่ถูกบีบให้ออกจากวัดก็ถูกขึ้นป้ายสั่งห้ามเข้าวัดอีก โดยให้เหตุผลว่า "บุคคลเหล่านี้ขัดต่อกฎระเบียบของวัด" ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ จ.ชุมพร โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สวี เกือบจะทั้งอำเภอ รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นที่อยู่รอบๆ วัดก็ไม่สนใจที่จะเข้าไปทำบุญในวัดนี้อีก เมื่อถามถึงสาเหตุว่าเป็นเพราะเหตุใด ตำตอบสั้นๆ และเป็นคำตอบที่เหมือนกันจากปากชาวบ้านคือ "วัดนี้เป็นวัดคนรวย" ซึ่งแตกต่างจากยุคสมัยที่หลวงพ่อสรวง ยังดำรงสังขารอยู่ที่ไม่มีการแบ่งชันวรรณะ รวย จน ยึดถือคติ "วัดพึ่งบ้าน บ้านพึ่งวัด" ปัจจุบันศิษย์ทั้งหลายของวัดถ้ำขวัญเมือง รวมทั้งชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "นับแต่แม่ชีเชอรี่ ได้เข้ามากุมอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างในวัด วัดถ้ำขวัญเมืองก็เปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ"

**เปิดประวัติเชอรี่ "อ้อล้อ-ไม่ได้จบอเมริกา" จากการลงพื้นที่ตรวจสอบประวัติความเป็นมาของแม่ชีเชอรี่ ย้อนหลังกลับไปก่อนที่จะเข้ามาเป็นใหญ๋ในวัดถ้ำขวัญเมืองพบว่า บ้านของแม่ชีเชอรี่ อยู่ในบริเวณหลังสถานีรถไฟสวี ถ.สมัครใจราษฎร์ ต.นาโพธิ์ อ.สวี โดยสืบทราบว่าแม่ของเชอรี่ มีลูกทั้งหมด 8 คน เชอรี่เป็นคนสุดท้อง ปัจจุบันอายุ 42 ปี พ่อแม่ชีเคยมีสกุลว่า "แซ่ฮุน" แล้วเปลี่ยนเป็น "ฮุนนางกูล" โดยตระกูลนี้มีชื่อเสียงในด้านฐานะร่ำรวย แต่สืบทราบว่าครอบครัวและตัวของเชอรี่ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนตระกูล "ฮุนนางกูล"

ส่วนแม่ชีเชอรี่นั้น เดิมชื่อ "สุนีนาฎ ฮุนนางกุล" แต่ได้มาเปลี่ยนเป็น "สุปริญญา ฮุนนางกุล" ในภายหลังโดยพระอาจารย์สมใจ เป็นผู้เปลี่ยนชื่อใหม่ให้ ตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนฉวีวิทยา ยังไม่ทันจบ ม.3 เชอรี่ ก็โดนไล่ออกเนื่องจากมีปัญหาเรื่องชู้สาวและตบตีแย่งผู้ชาย หลังจากนั้นได้ไปเรียนต่อใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ทราบว่าเรียนไม่จบ ม.6 อีก เนื่องจากเชอรี่ เป็นคนนิสัยเกเร ชอบเที่ยว และเคยมีความรักกับชายคนหนึ่งแต่สุดท้ายก็ผิดหวังทำให้กลายเป็นเด็กติดเที่ยว ใจแตก

ทั้งการเรียนไม่จบ ม.6 พบกับชีวิตที่ล้มเหลว ไม่มีงานทำ จนชีวิตละหกละเหิน ที่สำคัญ เชอรี่ ไม่ได้ไปจบการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด ส่วนที่มีการระบุว่า เชอรี จบจากอเมริกานั้นเป็นการให้ข่าวมาจากพระรูปหนึ่งเพื่อหวังที่จะฟอกตัว เชอรี่ ให้ดูดีในสายตาของบรรดาลูกศิษย์ แต่สำหรับคนใน อ.สวี แล้วต่างรู้พฤติกรรมและนิสัยของเชอรี ดีกันทั้งตลาด นักเรียนรุ่นพี่ในชั้นมัธยมศึกษาของเชอรี่ คนหนึ่ง เผยว่า เชอรี่เรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสวีวิทยา ตนพบเห็นเชอรี่ อยู่ตามปกติที่ต้องเรียนในโรงเรียนเดียวกัน พบว่าเชอรี่มีนิสัยเป็นคนคุยเก่ง อัธยาศัยดี บางครั้งก็ก้าวร้าว ถ้าจะให้พูดภาษาบ้านๆ ก็คือ "มีนิสัยอ้อล้อ"

จากการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวและลูกศิษย์วัดถ้ำขวัญเมือง ระบุตรงกันว่า สาเหตุที่เชอรี่ เข้ามาอยู่วัดถ้ำขวัญเมือง เนื่องจากพี่สาวต้องการให้ทางวัดขัดเกลานิสัย เนื่องจากเชอรี่ เป็นคนมีนิสัยเกเรและก้าวร้าวมาก ขณะนั้นเชอรี่ มีอายุได้ประมาณ 25 ปีกำลังอยู่ในวัยเบญจเพศ ทันทีที่เข้ามาในวัด เชอรี่ ก็ได้รับการเมตตาจากพระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบันต่อจากพระครูภาวนาภิรมย์ (สรวง ปริสุทฺโธ) หรือหลวงพ่อสรวง ที่ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2538 หลังจากเชอรี่ ถูกนำตัวเข้ามาฝากไว้กับวัด บทบาทหน้าที่เริ่มแรกคือช่วยทำงานวัดทั่วไป


ส่วนสถานะของเชอรี่ ขณะนั้นก็ไม่แตกต่างจากคนไร้ที่พักอาศัย ไม่ได้มีที่พักเป็นหลักแหล่งจึงต้องมาอาศัยวัดเป็นที่พักพิง และถ้าจะกล่าวถึงวัดก็เป็นที่พักอาศัยได้แค่ในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น ดังนั้น เชอรี่ จึงตกเป็นภาระของศิษย์วัดที่มาปฏิบัติธรรมตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสรวง โดยพระอาจารย์สมใจ ที่มีความเมมตารับเชอรี่ ไว้อุปการะได้มอบหน้าที่นี้ให้แก่ศิษย์ของหลวงพ่อสรวง รับตัวเชอรี่ไปอุปการะเลี้ยงดูอยู่ในบ้านเพื่อหวังที่จะให้ช่วยอบรมนิสัย อีกแรงหนึ่ง แต่ในที่สุดคนแล้วคนเล่าที่รับเชอรี่ไปอุปการะดูแลก็ต้องเหนื่อยหน่ายทนต่อพฤติกรรมเกเร ก้าวร้าวของเชอรี่ไม่ไหว

ที่สำคัญคือ "ความไม่ซื่อสัตย์" จนทุกคนต้องจำใจผลักดันส่งเชอรี่ คืนให้กับทางวัด "ทุกคนที่รับเชอรี่ ไปอุปการะดูแลต่างก็เจอดีมาแล้วเกือบทุกคน คนแรกๆ ที่เคยช่วยเหลือเชอรี่ ปัจจุบันเป็นถึงประธานกรรมการมูลนิธิพิสูจน์กรรม และเป็นผู้ที่เขียนหนังสือธรรมมะจนมีชื่อเสียง เคยช่วยเหลือเชอรี่เอาเข้าไปทำงานด้วยก็ยังเจอเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของเชอรี่" หลังจากถูกผู้มีอุปการะทั้งหลายผลักดันออกมา เชอรี่ ก็ยังได้รับความเมตตาอย่างสูงจากพระอาจารย์สมใจ เหมือนเดิม

โดยให้มาอาศัยอยู่กับแม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมภายในวัด หลังจากนั้นก็ได้บวชเป็นชีได้ชื่อว่า "แม่ชี่เชอรี่" โดยช่วงแรกๆ ดูเหมือนพฤติกรรมต่างๆ ของแม่ชีเชอรี่จะดีขึ้น ความก้าวร้าวลดลง ดูสดใสไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดจู่ๆ ความดีของแม่ชีเชอรี่ ก็กลายเป็น "ดีแตก" นิสัยเก่าที่ก้าวร้าวก็กลับมีขึ้นอีกครั้งและดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเดิม ถึงขั้นค่าพระสงฆ์ สามเณร และผู้ที่มาปฏิบัติธรรม รวมทั้งแม่ชีในวัดด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่