.
ขอเกริ่นสักเล็กน้อยครับ ก่อนเข้าบทความ
ก็เพราะไอ้คำว่า
"ทัศนคติ" นี่แหละครับมันเป็นที่มาแห่งปัญหาทั้งปวง เหมือนที่ปราชญ์โนเนมทั่นว่า
" ที่ไหนมีมนุษย์ ที่นั่นก็มีปัญหา "..เพราะปัญหา มันเกิดจากคนที่มีความเชื่อ มีมุมมองต่อปัญหาที่ต่างกัน
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่เรื่องปรับความเห็นที่ต่างกันให้ออกมาเหมือนกัน.. แต่ควรจะต้องหาวิธ๊ปรับจะจูนอย่างไรให้ทุกๆฝ่ายเห็นความสำคัญ และยอมรับความเห็นต่าง ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันตินั่นซิครับ คือเรื่องสำคัญกว่า..ท่านหัวหน้าว่าจริงมั้ยครับ..?
ยุกติ มุกดาวิจิตร: ทัศนคติ
6 กรกฎาคม, 2014 - 19:23 .. โดย yukti mukdawijitra
เมื่อวัยเยาว์ ผมเริ่มสงสัยง่าย ๆ ว่า ในหัวของแต่ละคนคิดอะไรอยู่ จึงได้ทำให้คนแตกต่างกันหรือเหมือนกัน ผมพยายามค้นหาว่าความรู้ชนิดใดกันที่จะทำให้เข้าใจความคิดในหัวคนได้ แรก ๆ ก็เข้าใจว่าศาสนาจะช่วยให้เข้าใจได้ ต่อมาก็คือจิตวิทยา แต่ผมเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ แล้วมาสนใจประวัติศาสตร์และปรัชญา ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ถูกใจ สุดท้ายผมได้เจอกับวิชาที่น่าสนใจว่าน่าจะช่วยให้เข้าใจทัศนคติได้ดี นั่นก็คือวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
ในสาขาวิชาที่เป็นพี่น้องกันทั้งสองนี้ คำว่าทัศนคติมีที่ทางน้อยมาก เพราะสาขาทั้งสองสนใจสังคมมากกว่าปัจเจกบุคคล อย่างไรก็ดี สิ่งที่สาขาวิชาทั้งสองสอนก็คือ การบอกว่าทัศนคติของคนถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากกระบวนการทางสังคม ไม่ใช่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากความนึกคิดของปัจเจกบุคคลเพียงเท่านั้น ดังนั้น แทนที่จะเข้าใจทัศนคติของแต่ละคน วิชาทั้งสองจึงสอนให้เข้าใจทัศนคติของสังคมมากกว่า
แต่ทว่า สังคมไม่ได้หยุดนิ่ง และสังคมไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอไป ในปัจจุบันนี้ แทบจะไม่มีบุคคลในสังคมใดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกันหมดเลยด้วยซ้ำ ทัศนคติของแต่ละบุคคลในสังคมจึงมีความแตกต่างกันมาก ตามแต่สภาพแวดล้อมทางสังคม ตามแต่การหล่อหลอมทางประวัติศาสตร์ ตามแต่การคัดเลือกตกแต่งความคิดของแต่ละคน
ทัศนคติจึงมีส่วนก่อให้เกิดความขัดแย้งกันได้ ทัศนคติจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมให้เหมือนกันไปหมดได้ ไม่มีสังคมไหนสามารถทำให้ทุกคนคิดเหมือนกัน ชอบเหมือนกัน รักคนคนเดียวกัน แสดงออกอย่างเดียวกัน มีความฝันต่ออนาคตเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกัน ประสงค์ดีต่อสังคมในแบบเดียวกันได้
ที่ยิ่งไปกว่านั้น นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยารุ่นหลัง ๆ ยังสนใจอีกว่า มีทัศนคติบางอย่างที่ฝังติดแน่นอยู่กับตัวตนของแต่ละคน ทัศนคติไม่เพียงฝังอยู่ในใจ แต่ฝังอยู่ในเนื้อตัวร่างกาย ได้แก่ ทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับรสนิยม เช่น การติดรสชาติความอร่อย อันเป็นทัศนคติปลายลิ้นสัมผัสที่แยกไม่ออกจากเนื้อตัวและประสาทรับรู้ นอกจากนั้นยังมีการปฏิบัติการในชีวิตประจำวันต่างๆ ที่แทบจะทำไปโดยอัตโนมัติอย่างการยืน เดิน นั่ง ก็ฝังทัศนคติเกี่ยวกับชนชั้น เพศสภาพ
ทุกวันนี้หากมีใครทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ว่าด้วย "ทัศนคติต่อ..." ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ผมก็จะไม่รับพิจารณา ไม่ใช่เพราะไม่ถนัด แต่เพราะเห็นว่า การเข้าใจคนผ่านมโนทัศน์ว่า "ทัศนคติ" เป็นการเข้าใจคนที่ผิดพลาด เพราะคนไม่ได้มีแค่ทัศนคติ หรือเพราะทัศนคติไม่ใช่ก้อนความคิดก้อนหนึ่ง มันประกอบขึ้นมาจากการหล่อหลอม การตัดต่อตกแต่ง การต่อรองกันของทัศนคติต่าง ๆ ตลอดจนตัวความคิดที่แฝงอยู่ในการกระทำปกติประจำวัน อันไม่สามารถกระเทาะออกมาเป็นก้อนทัศนคติได้
ดังนั้น เราจึงต้องแยกย่อยและวิเคราะห์ทัศนคติให้ละเอียดลงไปอีก ต้องเข้าใจมิติทางสังคมที่ซับซ้อนของทัศนคติ และเลิกคิดเสียทีว่าทัศนคติเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ เพราะมีปัจจัยมากมายที่ใครก็ตามไม่สามารถจะควบคุมได้และใครก็ตามก็จึงไม่สามารถควบคุมทัศนคติได้ นอกจากกักขังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ในกรงเงียบ ๆ ไม่ให้ทัศนคติแสดงตัวออกมา..
บล็อกของ yukti mukdawijitra
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พรุ่งนี้ คนมีรถยนต์ส่วนตัวขับไปทำงาน ให้จอดรถทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วลองใช้บริการรถสาธารณะซิครับ
พรุ่งนี้ คุณผู้หญิงทั้งหลายลองไม่แต่งหน้าไปทำงาน ส่วนคุณผู้ชายก็ลองหิ้วปิ่นโตเอาอาหารไปทานที่ทำงานซิครับ
พรุ่งนี้ คุณทั้งหลายประกาศว่าต่อไปนี้จะเลิกใช้สินค้าจากประเทศตะวันตก จะหันมาใช้สินค้าไทย และสินค้าเพื่อนบ้านในอาเซียน
พรุ่งนี้ แรงงานต่างด้าว ทั้ง พม่า กัมพูชา ลาว หรือเขมร ที่อพยพเหมือน Exodus ออกไปก็ต้องกลับมาซบอกพี่ไทย เพราะไปไหนไม่รอด
พรุ่งนี้ หรือวันไหน มีเลือกตั้งทั่วไปเมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยก็ชนะอยู่ดี
เอาง่ายๆแค่นี้ ไม่อยากยุ่งกับแซนด์วิช หรือ ข้าวหลามแต่อย่างใด แต่ถ้าใครคิดว่าการปรับเปลี่ยนทัศนคติ เป็นเรื่องง่าย..ก็ลองเปลี่ยนดูน่ะครับ..แต่ผมเห็นด้วยกับคุณ ยุก...
..ยากส์..
.......
Billy Joel - Just The Way You Are......
.
เห็นด้วยกับคุณ ยุกติ มุกดาวิจิตร..ถ้าทัศนคติเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ..โลกนี้ก็ไม่มีสงครามแล้วล่ะครับ
ขอเกริ่นสักเล็กน้อยครับ ก่อนเข้าบทความ
ก็เพราะไอ้คำว่า "ทัศนคติ" นี่แหละครับมันเป็นที่มาแห่งปัญหาทั้งปวง เหมือนที่ปราชญ์โนเนมทั่นว่า " ที่ไหนมีมนุษย์ ที่นั่นก็มีปัญหา "..เพราะปัญหา มันเกิดจากคนที่มีความเชื่อ มีมุมมองต่อปัญหาที่ต่างกัน
ประเด็นจึงไม่ใช่แค่เรื่องปรับความเห็นที่ต่างกันให้ออกมาเหมือนกัน.. แต่ควรจะต้องหาวิธ๊ปรับจะจูนอย่างไรให้ทุกๆฝ่ายเห็นความสำคัญ และยอมรับความเห็นต่าง ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันตินั่นซิครับ คือเรื่องสำคัญกว่า..ท่านหัวหน้าว่าจริงมั้ยครับ..?
ยุกติ มุกดาวิจิตร: ทัศนคติ
6 กรกฎาคม, 2014 - 19:23 .. โดย yukti mukdawijitra
เมื่อวัยเยาว์ ผมเริ่มสงสัยง่าย ๆ ว่า ในหัวของแต่ละคนคิดอะไรอยู่ จึงได้ทำให้คนแตกต่างกันหรือเหมือนกัน ผมพยายามค้นหาว่าความรู้ชนิดใดกันที่จะทำให้เข้าใจความคิดในหัวคนได้ แรก ๆ ก็เข้าใจว่าศาสนาจะช่วยให้เข้าใจได้ ต่อมาก็คือจิตวิทยา แต่ผมเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ แล้วมาสนใจประวัติศาสตร์และปรัชญา ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ถูกใจ สุดท้ายผมได้เจอกับวิชาที่น่าสนใจว่าน่าจะช่วยให้เข้าใจทัศนคติได้ดี นั่นก็คือวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
ในสาขาวิชาที่เป็นพี่น้องกันทั้งสองนี้ คำว่าทัศนคติมีที่ทางน้อยมาก เพราะสาขาทั้งสองสนใจสังคมมากกว่าปัจเจกบุคคล อย่างไรก็ดี สิ่งที่สาขาวิชาทั้งสองสอนก็คือ การบอกว่าทัศนคติของคนถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากกระบวนการทางสังคม ไม่ใช่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากความนึกคิดของปัจเจกบุคคลเพียงเท่านั้น ดังนั้น แทนที่จะเข้าใจทัศนคติของแต่ละคน วิชาทั้งสองจึงสอนให้เข้าใจทัศนคติของสังคมมากกว่า
แต่ทว่า สังคมไม่ได้หยุดนิ่ง และสังคมไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอไป ในปัจจุบันนี้ แทบจะไม่มีบุคคลในสังคมใดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกันหมดเลยด้วยซ้ำ ทัศนคติของแต่ละบุคคลในสังคมจึงมีความแตกต่างกันมาก ตามแต่สภาพแวดล้อมทางสังคม ตามแต่การหล่อหลอมทางประวัติศาสตร์ ตามแต่การคัดเลือกตกแต่งความคิดของแต่ละคน
ทัศนคติจึงมีส่วนก่อให้เกิดความขัดแย้งกันได้ ทัศนคติจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมให้เหมือนกันไปหมดได้ ไม่มีสังคมไหนสามารถทำให้ทุกคนคิดเหมือนกัน ชอบเหมือนกัน รักคนคนเดียวกัน แสดงออกอย่างเดียวกัน มีความฝันต่ออนาคตเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกัน ประสงค์ดีต่อสังคมในแบบเดียวกันได้
ที่ยิ่งไปกว่านั้น นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยารุ่นหลัง ๆ ยังสนใจอีกว่า มีทัศนคติบางอย่างที่ฝังติดแน่นอยู่กับตัวตนของแต่ละคน ทัศนคติไม่เพียงฝังอยู่ในใจ แต่ฝังอยู่ในเนื้อตัวร่างกาย ได้แก่ ทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับรสนิยม เช่น การติดรสชาติความอร่อย อันเป็นทัศนคติปลายลิ้นสัมผัสที่แยกไม่ออกจากเนื้อตัวและประสาทรับรู้ นอกจากนั้นยังมีการปฏิบัติการในชีวิตประจำวันต่างๆ ที่แทบจะทำไปโดยอัตโนมัติอย่างการยืน เดิน นั่ง ก็ฝังทัศนคติเกี่ยวกับชนชั้น เพศสภาพ
ทุกวันนี้หากมีใครทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ว่าด้วย "ทัศนคติต่อ..." ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ผมก็จะไม่รับพิจารณา ไม่ใช่เพราะไม่ถนัด แต่เพราะเห็นว่า การเข้าใจคนผ่านมโนทัศน์ว่า "ทัศนคติ" เป็นการเข้าใจคนที่ผิดพลาด เพราะคนไม่ได้มีแค่ทัศนคติ หรือเพราะทัศนคติไม่ใช่ก้อนความคิดก้อนหนึ่ง มันประกอบขึ้นมาจากการหล่อหลอม การตัดต่อตกแต่ง การต่อรองกันของทัศนคติต่าง ๆ ตลอดจนตัวความคิดที่แฝงอยู่ในการกระทำปกติประจำวัน อันไม่สามารถกระเทาะออกมาเป็นก้อนทัศนคติได้
ดังนั้น เราจึงต้องแยกย่อยและวิเคราะห์ทัศนคติให้ละเอียดลงไปอีก ต้องเข้าใจมิติทางสังคมที่ซับซ้อนของทัศนคติ และเลิกคิดเสียทีว่าทัศนคติเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ เพราะมีปัจจัยมากมายที่ใครก็ตามไม่สามารถจะควบคุมได้และใครก็ตามก็จึงไม่สามารถควบคุมทัศนคติได้ นอกจากกักขังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ในกรงเงียบ ๆ ไม่ให้ทัศนคติแสดงตัวออกมา..
บล็อกของ yukti mukdawijitra
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พรุ่งนี้ คนมีรถยนต์ส่วนตัวขับไปทำงาน ให้จอดรถทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วลองใช้บริการรถสาธารณะซิครับ
พรุ่งนี้ คุณผู้หญิงทั้งหลายลองไม่แต่งหน้าไปทำงาน ส่วนคุณผู้ชายก็ลองหิ้วปิ่นโตเอาอาหารไปทานที่ทำงานซิครับ
พรุ่งนี้ คุณทั้งหลายประกาศว่าต่อไปนี้จะเลิกใช้สินค้าจากประเทศตะวันตก จะหันมาใช้สินค้าไทย และสินค้าเพื่อนบ้านในอาเซียน
พรุ่งนี้ แรงงานต่างด้าว ทั้ง พม่า กัมพูชา ลาว หรือเขมร ที่อพยพเหมือน Exodus ออกไปก็ต้องกลับมาซบอกพี่ไทย เพราะไปไหนไม่รอด
พรุ่งนี้ หรือวันไหน มีเลือกตั้งทั่วไปเมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยก็ชนะอยู่ดี
เอาง่ายๆแค่นี้ ไม่อยากยุ่งกับแซนด์วิช หรือ ข้าวหลามแต่อย่างใด แต่ถ้าใครคิดว่าการปรับเปลี่ยนทัศนคติ เป็นเรื่องง่าย..ก็ลองเปลี่ยนดูน่ะครับ..แต่ผมเห็นด้วยกับคุณ ยุก...
..ยากส์..
.......Billy Joel - Just The Way You Are......
.