ผมเป็นนิสิตจากคณะที่ต้องใช้ PAT3 ในการยื่นคะแนน ซึ่งช่วงนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอมยาวๆๆๆๆของนิสิตนักศึกษาในหลายสถาบัน ผมจึงยึดงานติวเตอร์สอนพิเศษที่รับงานจากเพจต่างๆ ซึ่งตัวนั้นรับงานสอนมาก็หลายงาน สอนมาก็ปีกว่าๆละ เจอนักเรียนหลายประเภท เจอผู้ปกครองหลายรูปแบบ แต่ให้ตายเถอะ จนผมได้มาเจอผู้ปกครองงานสอนครั้งนี้ บอกได้คำเดียวว่า ปากกาในมือของผมมันสั่นไปหมดแล้วววว
เรื่องมันเริ่มจากเพื่อนผมมาถามผมว่ามีงานสอนเลขเป็นกลุ่มสนมั้ย? แถวๆบ้านผมเลย ซึ่งงานกลุ่มสำหรับติวเตอร์ทั้งหลายจะรู้ว่าเป็นงานรายได้สูงเมื่อคิดเป็นรายชั่วโมง แต่รายหัวของเด็กนักเรียนจะถูกลง ซึ่งถือเป็นรูปแบบการสอนที่วินๆทั้งคู่ สำหรับงานนี้เป็นงานสอน 4 คน ตามเรททั่วไปแล้วจะตกคนละ 175-200 บาท/คน/ชม. แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมื่อติดต่อไปทางผู้ปกครองของเด็กปรากฎว่าป้าแกขอ 4 คน 500/ชม.
เท่ากับว่าตกหัวละ 125 /คน/ชม.
แม่จ้าวว!!!! ถูกมว้ากกก
แต่ผมก็รับเพราะใกล้บ้านและถือว่าเป็นการช่วยเด็กๆ ประกอบกับเมื่อมองในมุมรายรับถือว่าโอเค สำหรับ 1000/2ชม. แต่เรื่องราวมันยังไม่จบเท่านั้นเมื่อปลายสายที่คุยกับผมถามว่า
ถ้ามีห้องแอร์ให้เรียนด้วยนี่จะคิดค่าแอร์กับติวเตอร์ได้มั้ย?
ผมสตันท์ไป 2 วิแล้วตอกกลับไปว่าผมถ่อไปสอนถึงที่ ค่าแอร์ไม่ใช่ต้นทุนของผม ไม่งั้นผมคิดค่ารถของผมด้วยนะ จึงจบบทสนทนาด้วยเสียงอ่อยๆของปลายสาย หลังจากนั้นก็ตกลงนัดเวลากัน
วันแรกที่ผมไปสอน น้อง 4 คนเราทำการสอนกันที่โต๊ะอาหารในบ้านของน้องคนหนึ่งในนั้น ผมก็มองหาห้องแอร์ แล้วผมก็เจอห้องแอร์ที่คิดว่าใช่ เป็นห้องเล็กๆที่มีแอร์เก่าๆ มีโต๊ะที่พอสำหรับ 5 คน แล้วการสอนวันแรกก็จบลง
อ่อ ผมลืมบอกไปว่า คุณนังผู้ปกครองป้าที่อยู่ในเรื่องราวมี 2 คน คือเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านที่ลูกแกก็เรียนกับผมด้วย
หลังจากวันนั้น เพื่อนที่ชวนผมทำงานนี้ซึ่งสอนภาษาอังกฤษอยู่ได้ไลน์มาบอกผมว่า
" กูโดนแล้วว่ะ โดนหักค่าแอร์ไป 100 บาท นังแม่ 2 คนมารุมเลยบอกว่ามาใช้สถานที่เค้า ใช้แอร์ เค้าขอค่าไฟค่าสถานที่แล้วกัน"
เพื่อนผมใบ้-เลยทีนี้ ผมจึงเตรียมประเด็นโต้แย้งกับมนุษย์ผู้ปกครองนี้ เผื่อการสอนครั้งหน้าผมต้องเจอเหตุการณ์แบบเพื่อผม ดังนี้
1.ถ้าคิดค่าที่กับผม งั้นผมนัดน้องไปสอนห้างนะ ที่ฟรี แอร์ฟรี แฟร์ๆทั้งคู่
2.ผมเปิดดูการคำนวณค่าแอร์ต่อชั่วโมงพบว่าแต่ละแหล่งบอกว่าค่าแอร์ตก ชั่วโมงละ 7-15 บาท คงไม่แพงถึงชั้น ชั่วโมงละ 50 บาทหรอก
แต่สุดท้ายผมใช้วิธีที่เลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยการ

ว่า เป็นภูมิแพ้ที่แพ้แอร์ในห้องอับๆห้องปิด
ในการสอนวันที่สอง ปรากฎว่าเมื่อไปถึงบ้านคุณผู้ปกครองได้บอกผมว่า
"เข้าไปข้างในสิเปิดแอร์รอแล้ว จะได้เย็นๆ" เอาละไง โดนเข้าแล้ววว ผมจึงงัดแผนที่เตรียมไว้แล้วบอกไปว่า
"ผมเป็นภูมิแพ้แอร์ครับ ขอโทษด้วย ที่บ้านผมก็ไม่ใช้แอร์" นับว่าเป็นแผนที่ได้เพราะคุณผู้ปกครองเข้าใจแล้วบอกว่าไม่เป็นไรและเดินไปปิดแอร์ แต่เท่านั้นยังไม่พอเมื่อคุณผู้ปกครองคนที่สองตามมาสมทบพร้อมบอกว่า
"เนี่ยว่าจะมาคุยพอดีว่าจะให้เรียนในห้อ..." ผมจึงตอบแบบทันควันว่าผมแพ้แอร์ ทำให้คุณป้าแกใบ้-พร้อมพยักหน้ารับความจริง
ผมชนะ!!! การสอนในวันนั้นจึงต้องเรียนในห้องที่ไม่เปิดแอร์ ผมแสดงออกถึงร่อยรอยการเปิดแอร์ด้วยการเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำมูก ทำเอาเชื่อกันทั้งบ้าน 5555555
แต่กระนั้นเมื่อการสอนครั้งที่สามมาถึงและเป็นครั้งสุดท้าย คุณผู้ปกครองเจ้าของบ้านได้รบเร้าให้เปิดแอร์ด้วยการให้ผมไปนั่งใต้แอร์และบอกกับผมว่าไม่คิดค่าแอร์หรอก ผมคิดในใจว่าลองคิดกรูสิ กูป่วยขนาดนี้ คิคิ
ตลอดเวลาการสอนผมจามและคัดจมูกตลอด เพราะคุณป้าแกเล่นเดินผ่านมาดูตลอด(ห้องเรียนเป็นห้องกระจก)
หลังจากนั้นเพื่อนผมก็คุยกะผมว่าผู้ปกครองเด็กโทรมาบ่นว่าผมไม่ยอมให้เปิดแอร์และพูดเหมือนว่าไม่เรียนต่อแล้ว
ผมจึงรอวันที่จะถูกยกเลิกคลาส
จนกระทั่งถึงวันที่ควรจะเป็นการสอนครั้งที่สี่ น้องคนนึงที่เรียนได้ไลน์มาบอกผมว่าไม่เรียนกับพี่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าทางผู้ใหญ่เค้าว่ายังไง เป็นอันจบคลาสมหาประลัยนี้
สิ่งที่ผมจะพูดคือ ผมไม่รู้ว่าคุณป้า 2 คนนั้นเค้าจะคิดยังไง แต่สิ้งที่เค้าทำคือการหากินบนการศึกษาของลูกตัวเอง ทำให้ตัวผมเกิดอคติกับตัวน้องซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างติวเตอร์กับผู้เรียน ค่าเรียนก็ถูกแล้วยังมาหากินง่ายๆแบบหัวหมออย่างงี้อีก
ผมได้แต่คิดในใจว่าถ้าป้าแกหักตังผมจริงผมก็ควจะบอกกับป้าแกไปว่า "เก็บเงินค่าแอร์นี้ไว้นะครับ เก็บไว้เป็นค่าเทอมมหาลัยเอกชนของลูกป้านะครับ ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยลุ้นให้ลูกป้าสอบเข้ามหาลัยรัฐ" แต่ผมก็ได้แต่คิด
ปล.การตั้งกระทู้นี้เป็นเพียงการเล่าประสบการณ์อันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ไม่ได้มีเจตนาดูถูกใคร หรือที่ไหนๆทั้งสิ้นนะครับ
ปล.2 ผมเป็นภูมิแพ้จริงๆ แต่ไม่ไดัแพ้แอร์หนักขนาดนั้น แค่มีอาการบ้างตามถาษาคนเป็นภูมิแพ้
ปล.3 ติวเตอร์คนไหนประสพพบเจอประการณ์เกี่ยวกับการสอนที่แปลกๆมาแชร์กันได้ครับ
เล่าประสบการณ์การสอนพิเศษเมื่อมนุษย์ป้าหากินบนการศึกษาลูก
เรื่องมันเริ่มจากเพื่อนผมมาถามผมว่ามีงานสอนเลขเป็นกลุ่มสนมั้ย? แถวๆบ้านผมเลย ซึ่งงานกลุ่มสำหรับติวเตอร์ทั้งหลายจะรู้ว่าเป็นงานรายได้สูงเมื่อคิดเป็นรายชั่วโมง แต่รายหัวของเด็กนักเรียนจะถูกลง ซึ่งถือเป็นรูปแบบการสอนที่วินๆทั้งคู่ สำหรับงานนี้เป็นงานสอน 4 คน ตามเรททั่วไปแล้วจะตกคนละ 175-200 บาท/คน/ชม. แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมื่อติดต่อไปทางผู้ปกครองของเด็กปรากฎว่าป้าแกขอ 4 คน 500/ชม.
เท่ากับว่าตกหัวละ 125 /คน/ชม.
แม่จ้าวว!!!! ถูกมว้ากกก
แต่ผมก็รับเพราะใกล้บ้านและถือว่าเป็นการช่วยเด็กๆ ประกอบกับเมื่อมองในมุมรายรับถือว่าโอเค สำหรับ 1000/2ชม. แต่เรื่องราวมันยังไม่จบเท่านั้นเมื่อปลายสายที่คุยกับผมถามว่า
ถ้ามีห้องแอร์ให้เรียนด้วยนี่จะคิดค่าแอร์กับติวเตอร์ได้มั้ย?
ผมสตันท์ไป 2 วิแล้วตอกกลับไปว่าผมถ่อไปสอนถึงที่ ค่าแอร์ไม่ใช่ต้นทุนของผม ไม่งั้นผมคิดค่ารถของผมด้วยนะ จึงจบบทสนทนาด้วยเสียงอ่อยๆของปลายสาย หลังจากนั้นก็ตกลงนัดเวลากัน
วันแรกที่ผมไปสอน น้อง 4 คนเราทำการสอนกันที่โต๊ะอาหารในบ้านของน้องคนหนึ่งในนั้น ผมก็มองหาห้องแอร์ แล้วผมก็เจอห้องแอร์ที่คิดว่าใช่ เป็นห้องเล็กๆที่มีแอร์เก่าๆ มีโต๊ะที่พอสำหรับ 5 คน แล้วการสอนวันแรกก็จบลง
อ่อ ผมลืมบอกไปว่า คุณนังผู้ปกครองป้าที่อยู่ในเรื่องราวมี 2 คน คือเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านที่ลูกแกก็เรียนกับผมด้วย
หลังจากวันนั้น เพื่อนที่ชวนผมทำงานนี้ซึ่งสอนภาษาอังกฤษอยู่ได้ไลน์มาบอกผมว่า
" กูโดนแล้วว่ะ โดนหักค่าแอร์ไป 100 บาท นังแม่ 2 คนมารุมเลยบอกว่ามาใช้สถานที่เค้า ใช้แอร์ เค้าขอค่าไฟค่าสถานที่แล้วกัน"
เพื่อนผมใบ้-เลยทีนี้ ผมจึงเตรียมประเด็นโต้แย้งกับมนุษย์ผู้ปกครองนี้ เผื่อการสอนครั้งหน้าผมต้องเจอเหตุการณ์แบบเพื่อผม ดังนี้
1.ถ้าคิดค่าที่กับผม งั้นผมนัดน้องไปสอนห้างนะ ที่ฟรี แอร์ฟรี แฟร์ๆทั้งคู่
2.ผมเปิดดูการคำนวณค่าแอร์ต่อชั่วโมงพบว่าแต่ละแหล่งบอกว่าค่าแอร์ตก ชั่วโมงละ 7-15 บาท คงไม่แพงถึงชั้น ชั่วโมงละ 50 บาทหรอก
แต่สุดท้ายผมใช้วิธีที่เลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยการ
ในการสอนวันที่สอง ปรากฎว่าเมื่อไปถึงบ้านคุณผู้ปกครองได้บอกผมว่า
"เข้าไปข้างในสิเปิดแอร์รอแล้ว จะได้เย็นๆ" เอาละไง โดนเข้าแล้ววว ผมจึงงัดแผนที่เตรียมไว้แล้วบอกไปว่า
"ผมเป็นภูมิแพ้แอร์ครับ ขอโทษด้วย ที่บ้านผมก็ไม่ใช้แอร์" นับว่าเป็นแผนที่ได้เพราะคุณผู้ปกครองเข้าใจแล้วบอกว่าไม่เป็นไรและเดินไปปิดแอร์ แต่เท่านั้นยังไม่พอเมื่อคุณผู้ปกครองคนที่สองตามมาสมทบพร้อมบอกว่า
"เนี่ยว่าจะมาคุยพอดีว่าจะให้เรียนในห้อ..." ผมจึงตอบแบบทันควันว่าผมแพ้แอร์ ทำให้คุณป้าแกใบ้-พร้อมพยักหน้ารับความจริง
ผมชนะ!!! การสอนในวันนั้นจึงต้องเรียนในห้องที่ไม่เปิดแอร์ ผมแสดงออกถึงร่อยรอยการเปิดแอร์ด้วยการเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำมูก ทำเอาเชื่อกันทั้งบ้าน 5555555
แต่กระนั้นเมื่อการสอนครั้งที่สามมาถึงและเป็นครั้งสุดท้าย คุณผู้ปกครองเจ้าของบ้านได้รบเร้าให้เปิดแอร์ด้วยการให้ผมไปนั่งใต้แอร์และบอกกับผมว่าไม่คิดค่าแอร์หรอก ผมคิดในใจว่าลองคิดกรูสิ กูป่วยขนาดนี้ คิคิ
ตลอดเวลาการสอนผมจามและคัดจมูกตลอด เพราะคุณป้าแกเล่นเดินผ่านมาดูตลอด(ห้องเรียนเป็นห้องกระจก)
หลังจากนั้นเพื่อนผมก็คุยกะผมว่าผู้ปกครองเด็กโทรมาบ่นว่าผมไม่ยอมให้เปิดแอร์และพูดเหมือนว่าไม่เรียนต่อแล้ว
ผมจึงรอวันที่จะถูกยกเลิกคลาส
จนกระทั่งถึงวันที่ควรจะเป็นการสอนครั้งที่สี่ น้องคนนึงที่เรียนได้ไลน์มาบอกผมว่าไม่เรียนกับพี่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าทางผู้ใหญ่เค้าว่ายังไง เป็นอันจบคลาสมหาประลัยนี้
สิ่งที่ผมจะพูดคือ ผมไม่รู้ว่าคุณป้า 2 คนนั้นเค้าจะคิดยังไง แต่สิ้งที่เค้าทำคือการหากินบนการศึกษาของลูกตัวเอง ทำให้ตัวผมเกิดอคติกับตัวน้องซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างติวเตอร์กับผู้เรียน ค่าเรียนก็ถูกแล้วยังมาหากินง่ายๆแบบหัวหมออย่างงี้อีก
ผมได้แต่คิดในใจว่าถ้าป้าแกหักตังผมจริงผมก็ควจะบอกกับป้าแกไปว่า "เก็บเงินค่าแอร์นี้ไว้นะครับ เก็บไว้เป็นค่าเทอมมหาลัยเอกชนของลูกป้านะครับ ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยลุ้นให้ลูกป้าสอบเข้ามหาลัยรัฐ" แต่ผมก็ได้แต่คิด
ปล.การตั้งกระทู้นี้เป็นเพียงการเล่าประสบการณ์อันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ไม่ได้มีเจตนาดูถูกใคร หรือที่ไหนๆทั้งสิ้นนะครับ
ปล.2 ผมเป็นภูมิแพ้จริงๆ แต่ไม่ไดัแพ้แอร์หนักขนาดนั้น แค่มีอาการบ้างตามถาษาคนเป็นภูมิแพ้
ปล.3 ติวเตอร์คนไหนประสพพบเจอประการณ์เกี่ยวกับการสอนที่แปลกๆมาแชร์กันได้ครับ