เราหมกมุ่นกับข่าวทีมบราซิล อินทรีเหล็ก และการเจ็บของเนมาร์มาได้พักใหญ่ๆ ตอนนี้เริ่มเบื่อค่ะ
ปกติแล้วเราจะโหลดรายการ Match of The Day ของช่อง BBC มาดูทุกวัน เหมือนเป็นช็อตเด็ด
รีวิวเกมของแต่ละวันน่ะค่ะ เขาทำได้ดีแล้วก็เป็นกลาง จะไฮไลท์เยอะหน่อยช่วงแรกๆสมัยที่อังกฤษ
ยังไม่ตกรอบ (ฮา) ทุกวันก็จะมีแขกรับเชิญแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เป็นระดับตำนานทั้งนั้น
ทั้งอลัน เชียร์เรอร์, แกรี่ ลินิเกอร์, เธียรี่ อองรี แล้วก็รอบบี้ ซาเวจ โอ๊ย เยอะค่ะ ดูเพลินมากๆ ชอบ
วันนี้เราเลยเข้าไปอ่านข่าวในเวปของ BBC เลยไปเจอคอลั่มฮาๆที่ซาเวจแกเขียนไว้ถึงการเดินทาง
มาอัดรายการกับสถานีไกลถึงบราซิล คือน่ารักอ่ะค่ะ 555 เลยเอามาแบ่งให้เพื่อนๆอ่านด้วย
พี่จะทุลักทุเลขนาดไหน มาลองดูกันโลดดด
＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊
ผมได้เดินทางไปทั่วประเทศบราซิลเพื่อเสาะหาสิ่งดีๆมาทำข่าวให้กับทุกคนกับช่อง BBC Sport และผมก็
มีความสุขมากๆในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดเลยด้วย ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะ
ราบรื่นไปเสียหมดสำหรับผม แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่สนุกมากๆ และบางครั้งสิ่งเดียวที่คุณ
สามารถทำได้คือยิ้มรับ และหัวเราะไปพร้อมๆกับมันเวลามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
และนี่คือ ช่วงเวลาที่ผมประทับใจที่สุด 10 เรื่องจากฟุตบอลโลกนัดชิงรอบแรก ซึ่งผมก็หวังว่าจะมีอีก
หลายๆเรื่องเกิดขึ้นอีกนับจากนี้เป็นต้นไป
1. ช่วงเวลาของคนหัวทอง - พาสปอร์ตผิดเล่ม
ผมเกือบจะไม่ได้ออกไปไหนจากแมนเชสเตอร์แล้ว ตอนที่ทริปบราซิลของเราเริ่มต้นขึ้น
เจ้าหน้าที่สาวหลังเคาเตอร์เช็คอินเอาพาสปอร์ตผมไปดู แล้วเงยขึ้นมองหน้าผมอย่างช็อค
แล้วก็ยื่นมันให้ผมดู เวร ผมดันหยิบผิดเอาพาสปอร์ตของซาร่า ภรรยาผมมาซะได้
หลายคนบอกผมว่าเราสองคนหน้าตาเหมือนกันเพราะเราหัวทองทั้งคู่ เอาจริงๆเธอต้องรู้จักโกน
หนวดซะบ้างนะผมว่า ผมคงต้องบอกให้เธอไปตัดผมแล้วเพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เรื่องแบบนี้
เกิดขึ้น แต่สุดท้าย ซาร่าก็ช่วยชีวิตผมเอาไว้ได้ เธอรีบบึ่งมาสนามบินพร้อมกับพาสปอร์ตถูกเล่ม
และผมก็รอดตัวขึ้นเครื่องไปได้อย่างหวุดหวิดทีเดียว
ร๊อบบี้ ซาเวจ (ซ้าย) กับซาร่า ภรรยาของเขา (ขวา) 555555
2. การนั่งเครื่องทำผมจะเป็นบ้าตาย
หลังจากทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายสดในแมตช์ กาน่าพบสหรัฐอเมริกาให้กับสถานี BBC Radio 5
ที่นาทาล ตอนเหนือของบราซิล ผมต้องรีบเดินทางกว่า 2,000ไมล์มายังเมืองปอร์โต้ อเลเกรที่อยู่ทางใต้
สำหรับเกมที่เนเธอแลนด์ พบกับออสเตรเลีย ในอีกสองวันต่อมา
เครื่องของเราออกจากนาทาลตอนตีสี่ ผมก็กะอยู่ว่าจะนอนบนเครื่องซะหน่อย เวร คนนั่งข้างผมดันกลาย
เป็นหมาพันธุ์ แจ็ค รัสเซีย ไปได้ นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่ได้นั่งข้างน้องหมาบนเครื่องบิน เอาจริงๆ
มันอาจจะเห็นผมแล้วคิดในใจก็ได้ว่า "เวร คนนั่งข้างฉันเป็นหมาพันธุ์อาฟกัน ฮาวนด์ขนยาวสลวยหรือเนี่ย"
มิน่าล่ะเขาถึงจับเราสองคนมานั่งข้างกัน
ซาเวจในสายตาของเจ้าแจ็ค รัสเซลตัวนั้น
3. จากหมาสู่หมอก
ผมเกลียดการนั่งเครื่องบิน แต่ผมต้องทำสิ่งนั้นหลายต่อหลายครั้งที่บราซิล ผมสะสมไมล์ได้ประมาณเกือบๆ
20,000ไมล์แล้วตั้งแต่มาที่นี่ นับจาก 13ไฟลท์ไปยังห้าเมืองหลักเพื่อร่วมบรรยายรวมทั้งหมดห้าแมตช์ด้วยกัน
วันที่ผมใช้เวลาบนอากาศนานที่สุดคือวันที่ผมมีน้องหมานั่งเป็นเพื่อน ความจริงเราต้องไปถึงริโอตอนเจ็ดโมงเช้า
เพื่อต่อเครื่อง แต่ทุกอย่สงมันไม่เป้นไปตามแผน ผมเผลอหลับไปทั้งที่เจ้าหมาน้อยยังงับแขนเสื้ออยู่ไม่ปล่อย แต่
ก็สะดุ้งขึ้นมาเพราะเสียงประกาศของกัปตันบอกว่าเครื่องไม่สามารถลงจอดได้เพราะหมอกหนามาก หลังจากใช้
เวลากว่าสองชั่วโมงไปการบินเป็นวงกลมเหนือท้องฟ้าเหนือเมืองริโอ พวกเราจำเป้นต้องย้ายไปลงจอดที่เมือง
เบโล ฮอริซอนเต้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200ไมล์
จากจุดนั้น ผมจำเป้นต้องนั่งเครื่องอีกครั้งไปยังเมืองเซา เปาโล ก่อนที่จะจับไฟลท์ไปถึงเมืองปอร์โต้ อเลเกร ได้
ในที่สุด ผมเหนื่อยแทบร่างสลาย แต่วันอันยาวนานยังไม่มีวันจบง่ายๆหรอกเพราะ
4. ... รถที่ถูกขโมย
เรามาถึงเมืองปอร์โต้ อเลเกร ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง ซึ่งถือว่าสายไปเกือบๆหกชั่วโมง มันเป็น12ชั่วโมงที่
ทรหดมากๆ ผมจึงตั้งหน้าตั้งตารอจิบไวน์สักแก้ว นั่งดูบราซิลปะทะแข้งกับเม๊กซิโก ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่
กี่นาทีข้างหน้า แต่ที่คิดไว้ไม่กลายเป็นความจริงสักเรื่อง ผมได้พบกับเจฟเฟอร์สัน คนขับรถของเรา ที่สนามบิน
และได้บอกเขาไว้ว่าเขาต้องเหยียบให้มิดคันเร่ง เพราะผมจะได้ไม่พลาดช่วงนาทีคิกออฟ
เขาบอกว่า "ส.บ.ม.ย.ห เลย ร๊อบบี้"
เราเดินไปที่รถด้วยกัน ทันใดนั้นเจฟเฟอร์สันก็เริ่มดูรอบๆ ผมถามเขาว่าเขาทำอะไรของเขา
เขาบอกว่า "ร๊อบบี้ ร.ผ.ห รถผมหาย"
ผมต้องจำใจเรียกแท๊กซี่แทน แต่ก็พลาดไปเกือบจะทั้งเกม
ซึ่งนั้นมันก็เป็นบทสรุปของวันของผมได้ดีทีเดียว
5. เหล่าซุปตาร์ผู้ทรงคุณวุฒิ กับผมเอง
โซเชียลมีเดียเป็นสถานที่ที่ฮาดีทีเดียวในบางครั้ง แต่บางอารมณ์ก็ร้ายกาจน่าดูเลย!
ในเกมที่ฝรั่งเศสพบกับฮอนดูรัส ตอนที่ผมอยู่บนเวทีในฐานะคอมเม้นเตเตอร์ผู้ทรงคุณวุฒิของทาง BBC
กับเธียรี่ อองรี และคลาเร้นซ์ ซีดอร์ฟ มันมีภาพปลิวว่อนเนทเลยเกี่ยวกับรายการรางวัลที่ทั้งสองคนเคย
ได้รับจนยาวเป็นหางว่าว ซึ่งเยอะมากจนลิสต์กันแทบไม่หมด เทียบกับถ้วย เวิร์ธธิงตัน คัพ ถ้วยเดียวของผม
ผมเห็นก็ขำนะ แต่จำไว้เลย ซีดอร์ฟไม่เคยชนะถ้วย เวิร์ธธิงตัน คัพ หรอกจะบอกให้!
5555555555555555 น่าสงสารพี่ซาเวจ
＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊
เดี๋ยวมาต่อค่ะ รอแพรพ
ร๊อบบี้ ซาเวจ: หมาบิน รถที่ถูกขโมย และคลาสเต้นแซมบ้า เส้นทางสุดฮาสู่ฟุตบอลโลก 2014
ปกติแล้วเราจะโหลดรายการ Match of The Day ของช่อง BBC มาดูทุกวัน เหมือนเป็นช็อตเด็ด
รีวิวเกมของแต่ละวันน่ะค่ะ เขาทำได้ดีแล้วก็เป็นกลาง จะไฮไลท์เยอะหน่อยช่วงแรกๆสมัยที่อังกฤษ
ยังไม่ตกรอบ (ฮา) ทุกวันก็จะมีแขกรับเชิญแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เป็นระดับตำนานทั้งนั้น
ทั้งอลัน เชียร์เรอร์, แกรี่ ลินิเกอร์, เธียรี่ อองรี แล้วก็รอบบี้ ซาเวจ โอ๊ย เยอะค่ะ ดูเพลินมากๆ ชอบ
วันนี้เราเลยเข้าไปอ่านข่าวในเวปของ BBC เลยไปเจอคอลั่มฮาๆที่ซาเวจแกเขียนไว้ถึงการเดินทาง
มาอัดรายการกับสถานีไกลถึงบราซิล คือน่ารักอ่ะค่ะ 555 เลยเอามาแบ่งให้เพื่อนๆอ่านด้วย
พี่จะทุลักทุเลขนาดไหน มาลองดูกันโลดดด
＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊
ผมได้เดินทางไปทั่วประเทศบราซิลเพื่อเสาะหาสิ่งดีๆมาทำข่าวให้กับทุกคนกับช่อง BBC Sport และผมก็
มีความสุขมากๆในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดเลยด้วย ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะ
ราบรื่นไปเสียหมดสำหรับผม แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่สนุกมากๆ และบางครั้งสิ่งเดียวที่คุณ
สามารถทำได้คือยิ้มรับ และหัวเราะไปพร้อมๆกับมันเวลามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
และนี่คือ ช่วงเวลาที่ผมประทับใจที่สุด 10 เรื่องจากฟุตบอลโลกนัดชิงรอบแรก ซึ่งผมก็หวังว่าจะมีอีก
หลายๆเรื่องเกิดขึ้นอีกนับจากนี้เป็นต้นไป
1. ช่วงเวลาของคนหัวทอง - พาสปอร์ตผิดเล่ม
ผมเกือบจะไม่ได้ออกไปไหนจากแมนเชสเตอร์แล้ว ตอนที่ทริปบราซิลของเราเริ่มต้นขึ้น
เจ้าหน้าที่สาวหลังเคาเตอร์เช็คอินเอาพาสปอร์ตผมไปดู แล้วเงยขึ้นมองหน้าผมอย่างช็อค
แล้วก็ยื่นมันให้ผมดู เวร ผมดันหยิบผิดเอาพาสปอร์ตของซาร่า ภรรยาผมมาซะได้
หลายคนบอกผมว่าเราสองคนหน้าตาเหมือนกันเพราะเราหัวทองทั้งคู่ เอาจริงๆเธอต้องรู้จักโกน
หนวดซะบ้างนะผมว่า ผมคงต้องบอกให้เธอไปตัดผมแล้วเพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เรื่องแบบนี้
เกิดขึ้น แต่สุดท้าย ซาร่าก็ช่วยชีวิตผมเอาไว้ได้ เธอรีบบึ่งมาสนามบินพร้อมกับพาสปอร์ตถูกเล่ม
และผมก็รอดตัวขึ้นเครื่องไปได้อย่างหวุดหวิดทีเดียว
ร๊อบบี้ ซาเวจ (ซ้าย) กับซาร่า ภรรยาของเขา (ขวา) 555555
2. การนั่งเครื่องทำผมจะเป็นบ้าตาย
หลังจากทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายสดในแมตช์ กาน่าพบสหรัฐอเมริกาให้กับสถานี BBC Radio 5
ที่นาทาล ตอนเหนือของบราซิล ผมต้องรีบเดินทางกว่า 2,000ไมล์มายังเมืองปอร์โต้ อเลเกรที่อยู่ทางใต้
สำหรับเกมที่เนเธอแลนด์ พบกับออสเตรเลีย ในอีกสองวันต่อมา
เครื่องของเราออกจากนาทาลตอนตีสี่ ผมก็กะอยู่ว่าจะนอนบนเครื่องซะหน่อย เวร คนนั่งข้างผมดันกลาย
เป็นหมาพันธุ์ แจ็ค รัสเซีย ไปได้ นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่ได้นั่งข้างน้องหมาบนเครื่องบิน เอาจริงๆ
มันอาจจะเห็นผมแล้วคิดในใจก็ได้ว่า "เวร คนนั่งข้างฉันเป็นหมาพันธุ์อาฟกัน ฮาวนด์ขนยาวสลวยหรือเนี่ย"
มิน่าล่ะเขาถึงจับเราสองคนมานั่งข้างกัน
ซาเวจในสายตาของเจ้าแจ็ค รัสเซลตัวนั้น
3. จากหมาสู่หมอก
ผมเกลียดการนั่งเครื่องบิน แต่ผมต้องทำสิ่งนั้นหลายต่อหลายครั้งที่บราซิล ผมสะสมไมล์ได้ประมาณเกือบๆ
20,000ไมล์แล้วตั้งแต่มาที่นี่ นับจาก 13ไฟลท์ไปยังห้าเมืองหลักเพื่อร่วมบรรยายรวมทั้งหมดห้าแมตช์ด้วยกัน
วันที่ผมใช้เวลาบนอากาศนานที่สุดคือวันที่ผมมีน้องหมานั่งเป็นเพื่อน ความจริงเราต้องไปถึงริโอตอนเจ็ดโมงเช้า
เพื่อต่อเครื่อง แต่ทุกอย่สงมันไม่เป้นไปตามแผน ผมเผลอหลับไปทั้งที่เจ้าหมาน้อยยังงับแขนเสื้ออยู่ไม่ปล่อย แต่
ก็สะดุ้งขึ้นมาเพราะเสียงประกาศของกัปตันบอกว่าเครื่องไม่สามารถลงจอดได้เพราะหมอกหนามาก หลังจากใช้
เวลากว่าสองชั่วโมงไปการบินเป็นวงกลมเหนือท้องฟ้าเหนือเมืองริโอ พวกเราจำเป้นต้องย้ายไปลงจอดที่เมือง
เบโล ฮอริซอนเต้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200ไมล์
จากจุดนั้น ผมจำเป้นต้องนั่งเครื่องอีกครั้งไปยังเมืองเซา เปาโล ก่อนที่จะจับไฟลท์ไปถึงเมืองปอร์โต้ อเลเกร ได้
ในที่สุด ผมเหนื่อยแทบร่างสลาย แต่วันอันยาวนานยังไม่มีวันจบง่ายๆหรอกเพราะ
4. ... รถที่ถูกขโมย
เรามาถึงเมืองปอร์โต้ อเลเกร ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง ซึ่งถือว่าสายไปเกือบๆหกชั่วโมง มันเป็น12ชั่วโมงที่
ทรหดมากๆ ผมจึงตั้งหน้าตั้งตารอจิบไวน์สักแก้ว นั่งดูบราซิลปะทะแข้งกับเม๊กซิโก ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่
กี่นาทีข้างหน้า แต่ที่คิดไว้ไม่กลายเป็นความจริงสักเรื่อง ผมได้พบกับเจฟเฟอร์สัน คนขับรถของเรา ที่สนามบิน
และได้บอกเขาไว้ว่าเขาต้องเหยียบให้มิดคันเร่ง เพราะผมจะได้ไม่พลาดช่วงนาทีคิกออฟ
เขาบอกว่า "ส.บ.ม.ย.ห เลย ร๊อบบี้"
เราเดินไปที่รถด้วยกัน ทันใดนั้นเจฟเฟอร์สันก็เริ่มดูรอบๆ ผมถามเขาว่าเขาทำอะไรของเขา
เขาบอกว่า "ร๊อบบี้ ร.ผ.ห รถผมหาย"
ผมต้องจำใจเรียกแท๊กซี่แทน แต่ก็พลาดไปเกือบจะทั้งเกม
ซึ่งนั้นมันก็เป็นบทสรุปของวันของผมได้ดีทีเดียว
5. เหล่าซุปตาร์ผู้ทรงคุณวุฒิ กับผมเอง
โซเชียลมีเดียเป็นสถานที่ที่ฮาดีทีเดียวในบางครั้ง แต่บางอารมณ์ก็ร้ายกาจน่าดูเลย!
ในเกมที่ฝรั่งเศสพบกับฮอนดูรัส ตอนที่ผมอยู่บนเวทีในฐานะคอมเม้นเตเตอร์ผู้ทรงคุณวุฒิของทาง BBC
กับเธียรี่ อองรี และคลาเร้นซ์ ซีดอร์ฟ มันมีภาพปลิวว่อนเนทเลยเกี่ยวกับรายการรางวัลที่ทั้งสองคนเคย
ได้รับจนยาวเป็นหางว่าว ซึ่งเยอะมากจนลิสต์กันแทบไม่หมด เทียบกับถ้วย เวิร์ธธิงตัน คัพ ถ้วยเดียวของผม
ผมเห็นก็ขำนะ แต่จำไว้เลย ซีดอร์ฟไม่เคยชนะถ้วย เวิร์ธธิงตัน คัพ หรอกจะบอกให้!
5555555555555555 น่าสงสารพี่ซาเวจ
＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊＊
เดี๋ยวมาต่อค่ะ รอแพรพ