เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของเราเอง
เรื่องจริงเลยนะ
เผื่ออาจจะช่วยให้น้องๆที่กำลังหมดกำลังใจ ได้มีแรงฮึดสู่ต่อ
ขนาดเราที่ผ่านช่วงเวลาที่ต้นทุนชีวิตติดลบวิ่งเข้าสู่ภพบวกในเวลาไม่กี่ปี
ก่อนอื่นขอเท้าความกลับไปเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว
เราเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาบ้านๆคนนึงที่เรียนโรงเรียนประชาบาลเล็กๆ ในปริมณฑล
ที่แสนจะโชคดี จับฉลากเข้าโรงเรียนใหญ่ได้ (ระดับชั้นนึงมี 12 ห้อง ห้องละประมาณ 45 คนได้ ใหญ่พอมั้ย)
เราอยู่ห้องกลางๆ เราชอบทำกิจกรรม แต่ที่บ้านกังวลว่าจะทำให้ผลการเรียนตกต่ำลง เลยต้องเลิกทำไป
นี่อาจเป็นจุดแรกที่ทำให้ชีวิตเราเริ่มเปลี่ยนค่ะ
เลิกเรียน เราไม่ทำกิจกรรม เราเลยหากิจกรรมอื่นแทนค่ะ คือการ "เล่นเกมส์" และการ "แชท"
เราเป็นคนที่อ่อนวิชาคณิตศาสตร์มาก มากอย่างรุนแรง และส่งผลให้ วิชาวิทยาศาสตร์มีคะแนนตกต่ำตามมา
เทอมไหนไม่ติด 0 ติด ร. ไม่ใช่เรา บอกเลย
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีพรสวรรค์ทางด้านภาษาค่ะ เราได้เป็นตัวแทนโรงเรียนออกไปแข่งภาษาทุกปี
เป็นเด็กที่ค่อนข้างขัดแย้งในตัวเองสูงค่ะ เหมือนจะดี แต่ไม่ดี เหมือนจะไม่มีปัญหา แต่มี มีมากซะด้วย
บางปัญหา เป็นไปตามจริง บางปัญหา ถูกเล่าต่อๆกันมาอีกทีโดยที่ไม่มีมูลความจริง
ถึงขั้นเชิญผู้ปกครองกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เราถูกสังคมโรงเรียนตัดสินแล้วว่าเป็น "เด็กมีปัญหา"
พอเราเริ่มโตเป็นสาว 14 15 เราก็อยากออกท่องโลกกว้างค่ะ พอจบชั้น ม.3 เราก็เลือกเรียนต่อสายอาชีวะ(โรงเรียนประจำ ไกลบ้าน)
ทั้งๆที่ได้โคต้า ม.ปลายที่เดิมอยู่แล้ว
เราเข้าไปแล้วโดดเด่นที่สุดในรุ่น เพราะเป็นคนเดียวที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ (วิทยาลัยที่เราไปเรียนเป็นวิทยาลัยที่ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้คนในชนบทค่ะ)เราเริ่มเที่ยว (เที่ยวตามสวนรถไฟ สวนลุม สวนจตุจักร ฟิวเจอร์พารค์ บลาๆๆ)
ตอนนั้นเราเริ่มมีหนุ่มๆมาคุยด้วยค่ะ ต้องขอขอบคุณพวกเค้านะคะ ที่พูดในหลายๆสิ่งที่ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า
"บางครั้งอะไรที่ทำด้วยอารมณ์มันไม่ได้ให้ผลดี" "ความสามารถก็มีทำไมถึงเลือกที่จะพอใจแค่นี้"
ในเทอมต้นผ่านไปผลการเรียนออกมา เราทำคะแนนได้ดีเพียงในรายวิชาสามัญเท่านั้น รายวิชาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะ เราเอาไม่อยู่เลยจริงๆ
เราตัดสินใจลาออกในเทอมต่อมา แต่ทางวิทยาลัยเสนอให้เรียนครบปี แล้วย้ายไปเรียนอีกที่ที่เป็นสาขาวิชาเดียวกัน
สุดท้าย เราเลือกที่จะไม่ลาออก แต่เก็บของกลับบ้านไปเลย
ในภาคการศึกษาปลายเราเลยเลือกที่จะเรียนกวดวิชา เพื่อสอบเข้าเรียนสายสามัญใหม่ (ขอขอบคุณกวดวิชา I.E.P.I ด้วยค่ะ)
เรายังคงเล่นเกมส์หนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ จนกระทั่งเราอิ่มตัว เราเบื่อ เราก็เปลี่ยนมาอ่านหนังสือแทน อ่านหลายแนวมาก อ่านตามที่มีให้อ่าน
เราเริ่มหาโรงเรียนเพื่อเตรียมเข้า ม.4 ค่ะ
แต่ด้วยอะไรสักอย่าง ตอนนั้นที่บ้านตัดสินใจย้ายมาอยู่ชลบุรีค่ะ
และการตัดสินใจครั้งนี้ของครอบครัว ก็ได้ทำให้ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
พักสักครู่เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ
จากอันดับเกือบโหล่ของห้องเกเรไร้อนาคต สู่นิสิตมหาวิทยาลัยรัฐบาล ตัวแทนเยาวชนแลกเปลี่ยน
เผื่ออาจจะช่วยให้น้องๆที่กำลังหมดกำลังใจ ได้มีแรงฮึดสู่ต่อ
ขนาดเราที่ผ่านช่วงเวลาที่ต้นทุนชีวิตติดลบวิ่งเข้าสู่ภพบวกในเวลาไม่กี่ปี
ก่อนอื่นขอเท้าความกลับไปเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว
เราเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาบ้านๆคนนึงที่เรียนโรงเรียนประชาบาลเล็กๆ ในปริมณฑล
ที่แสนจะโชคดี จับฉลากเข้าโรงเรียนใหญ่ได้ (ระดับชั้นนึงมี 12 ห้อง ห้องละประมาณ 45 คนได้ ใหญ่พอมั้ย)
เราอยู่ห้องกลางๆ เราชอบทำกิจกรรม แต่ที่บ้านกังวลว่าจะทำให้ผลการเรียนตกต่ำลง เลยต้องเลิกทำไป
นี่อาจเป็นจุดแรกที่ทำให้ชีวิตเราเริ่มเปลี่ยนค่ะ
เลิกเรียน เราไม่ทำกิจกรรม เราเลยหากิจกรรมอื่นแทนค่ะ คือการ "เล่นเกมส์" และการ "แชท"
เราเป็นคนที่อ่อนวิชาคณิตศาสตร์มาก มากอย่างรุนแรง และส่งผลให้ วิชาวิทยาศาสตร์มีคะแนนตกต่ำตามมา
เทอมไหนไม่ติด 0 ติด ร. ไม่ใช่เรา บอกเลย
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีพรสวรรค์ทางด้านภาษาค่ะ เราได้เป็นตัวแทนโรงเรียนออกไปแข่งภาษาทุกปี
เป็นเด็กที่ค่อนข้างขัดแย้งในตัวเองสูงค่ะ เหมือนจะดี แต่ไม่ดี เหมือนจะไม่มีปัญหา แต่มี มีมากซะด้วย
บางปัญหา เป็นไปตามจริง บางปัญหา ถูกเล่าต่อๆกันมาอีกทีโดยที่ไม่มีมูลความจริง
ถึงขั้นเชิญผู้ปกครองกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เราถูกสังคมโรงเรียนตัดสินแล้วว่าเป็น "เด็กมีปัญหา"
พอเราเริ่มโตเป็นสาว 14 15 เราก็อยากออกท่องโลกกว้างค่ะ พอจบชั้น ม.3 เราก็เลือกเรียนต่อสายอาชีวะ(โรงเรียนประจำ ไกลบ้าน)
ทั้งๆที่ได้โคต้า ม.ปลายที่เดิมอยู่แล้ว
เราเข้าไปแล้วโดดเด่นที่สุดในรุ่น เพราะเป็นคนเดียวที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ (วิทยาลัยที่เราไปเรียนเป็นวิทยาลัยที่ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้คนในชนบทค่ะ)เราเริ่มเที่ยว (เที่ยวตามสวนรถไฟ สวนลุม สวนจตุจักร ฟิวเจอร์พารค์ บลาๆๆ)
ตอนนั้นเราเริ่มมีหนุ่มๆมาคุยด้วยค่ะ ต้องขอขอบคุณพวกเค้านะคะ ที่พูดในหลายๆสิ่งที่ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า
"บางครั้งอะไรที่ทำด้วยอารมณ์มันไม่ได้ให้ผลดี" "ความสามารถก็มีทำไมถึงเลือกที่จะพอใจแค่นี้"
ในเทอมต้นผ่านไปผลการเรียนออกมา เราทำคะแนนได้ดีเพียงในรายวิชาสามัญเท่านั้น รายวิชาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะ เราเอาไม่อยู่เลยจริงๆ
เราตัดสินใจลาออกในเทอมต่อมา แต่ทางวิทยาลัยเสนอให้เรียนครบปี แล้วย้ายไปเรียนอีกที่ที่เป็นสาขาวิชาเดียวกัน
สุดท้าย เราเลือกที่จะไม่ลาออก แต่เก็บของกลับบ้านไปเลย
ในภาคการศึกษาปลายเราเลยเลือกที่จะเรียนกวดวิชา เพื่อสอบเข้าเรียนสายสามัญใหม่ (ขอขอบคุณกวดวิชา I.E.P.I ด้วยค่ะ)
เรายังคงเล่นเกมส์หนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ จนกระทั่งเราอิ่มตัว เราเบื่อ เราก็เปลี่ยนมาอ่านหนังสือแทน อ่านหลายแนวมาก อ่านตามที่มีให้อ่าน
เราเริ่มหาโรงเรียนเพื่อเตรียมเข้า ม.4 ค่ะ
แต่ด้วยอะไรสักอย่าง ตอนนั้นที่บ้านตัดสินใจย้ายมาอยู่ชลบุรีค่ะ
และการตัดสินใจครั้งนี้ของครอบครัว ก็ได้ทำให้ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
พักสักครู่เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ