หนามหัวใจ ตอนที่ ๑
พรีม นั่งมองแหวนเพชรน้ำงามห้ากะรัตจากประเทศเบลเยี่ยมบนนิ้วนางข้างซ้าย ยิ่งเมื่อมันกระทบแสงไฟรัศมีเปล่งประกายสะท้อนในดวงตาเธอ หญิงสาวถอนหายใจ คำขอร้องครั้งสุดท้ายจากผู้เป็นพ่อคือการรับหมั้นและแต่งงานกับทายาทคนโตผู้สืบทอดธุรกิจรุ่นที่สี่ ซึ่งพ่อเธอเป็นผู้จัดการมรดกประจำตระกูล ตามความต้องการของคุณภูมิศักดิ์ ศิลาพักตร์ เจ้านายของพ่อเธอ
ภูวดล คู่หมั้นของเธอเป็นประธานกลุ่มบริษัท ศิลา อินดัสเตรียล ซึ่งดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ รวมถึงวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะอายุ ๓๖ ปี เป็นที่หมายปองของสตรีในวงสังคมชั้นสูงทั้งในและต่างประเทศ หากชายหนุ่มครองตัวเป็นโสดมานานหลายปี และแทบไม่เคยมีข่าวคราวเรื่องชู้สาว ดังนั้นเมื่อมีข่าวประกาศหมั้นระหว่างเขากับลูกสาวของผู้จัดการมรดกและทนายความประจำตระกูล จึงเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมชั้นสูงอยู่พักหนึ่ง มีข่าวลือออกมามากมาย บ้างก็ว่าเป็นแผนของพ่อเธอที่กล่อมคุณภูมิศักดิ์ จนยอมเขียนคำสั่งในพินัยกรรมก่อนเสียชีวิต บ้างก็ว่าพ่อของเธอปลอมพินัยกรรม และข่าวลือต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่คนพูดปั้นแต่งเองขึ้นทั้งสิ้น
พรีม รู้ดีกว่าใครว่าเหตุใดคุณภูมิศักดิ์จึงต้องเขียนคำสั่งเช่นว่านั้นลงในพินัยกรรม และเธอเองก็ไม่สามารปฏิเสธได้ อีกทั้งเธอเองก็อายุ ๓๓ ปีแล้ว ที่ผ่านมาใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดทุ่มเทกับการเรียนและทำงานด้านกฎหมาย หญิงสาวเกือบจะได้เป็นนักกฎหมายระหว่างประเทศขององค์การการค้าโลก ประจำกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้วพ่อของเธอล้มป่วย หญิงสาวจึงต้องละทิ้งความฝันเพื่อกลับมาดูแลบิดา ญาติเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่
เสียงเคาะประตูดังสามครั้ง เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ นิสา เลขานุการิณีของเธอจึงเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา หญิงสาวเห็นเจ้านายตกอยู่ในภวังค์จึงกระแอมเบาๆ พรีมรู้สึกตัว เงยหน้ายิ้มให้เลขาฯ
“มีอะไรหรือนิสา”
“สัญญาที่คุณภูวดลจะต้องเซ็นวันพรุ่งนี้ค่ะ ทางฝ่ายกฎหมายอยากให้คุณพรีมตรวจดูก่อน”
“ขอบใจจ้ะ” พรีมเลื่อนเอกสารมาวางตรงหน้า นิสาคิดว่าเจ้านายคงไม่เรียกใช้อะไรอีกจึงออกจากห้อง
หลังจากหมั้นหมายกันไม่นาน ภูวดลก็ขอให้เธอมาช่วยงานด้านกฎหมายของบริษัทในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ นี่ก็เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วที่เธอทำงานที่นี่ในฐานที่ปรึกษากฎหมาย
พรีมตรวจดูรายละเอียดของสัญญาทุกตัวอักษรตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย เมื่อเห็นว่าสัญญาถูกต้องและรัดกุมไม่มีทางที่บริษัทจะเสียผลประโยชน์ เธอจึงประทับตราและเซ็นชื่อกำกับ
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดัง หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบจากที่วางโทรศัพท์รูปปลาฉลาม
“ค่ะ คุณภู”
“งานยุ่งหรือเปล่าครับ”
“ไม่ยุ่งค่ะ” พรีมตอบ เธอเองก็ยังทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนที่เขามีแฟนหรือคู่หมั้นต้องทำตัวอย่างไร
“เย็นนี้ผมต้องไปงานเลี้ยงกะทันหัน พรีมทานข้าวคนเดียวได้นะครับ” ภูวดลถามอย่างเกรงใจ
“ได้ค่ะ” นับตั้งแต่หมั้นกัน พรีมจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านภูวดลทุกวัน และออกงานกับเขาบ้าง แต่ต้องเป็นงานที่สำคัญจริงๆ
“อย่าโหมงานหนักนะครับ ผมอยากไปหาจัง แต่ต้องเข้าประชุมแล้ว”
“ค่ะ”
พรีม วางโทรศัพท์มือถือกลับที่เดิม หญิงสาวนั่งทำงานต่อ จนถึงเวลาเลิกงาน เลขาฯ เดินเข้ามาวางเอกสารที่เธอต้องตรวจพรุ่งนี้บนถาดใส่เอกสาร พรีมเงยหน้ามองเลขาฯ
“ถึงเวลาเลิกงานแล้วหรือ”
“ค่ะ คุณพรีมจะกลับหรือยังคะ นิสาจะได้โทร.เรียกคนขับรถให้”
“ค่ะ อีกสักสิบนาที พรีมจะลงไป”
นิสาออกจากห้อง พรีมบิดขี้เกียจ หญิงสาวไม่ชอบขับรถ ภูวดลจึงจัดรถส่วนตัวพร้อมคนขับคอยไปรับไปส่งเธอทุกวัน ใครจะคิดว่านักกฎหมายอนาคตไกลอย่างเธอต้องกลายมาเป็นนกน้อยในกรงทอง
พรีมนั่งอ่านหนังสือแก้เบื่อระหว่างนั่งรถ การจราจรเริ่มติดขัดหญิงสาวพักสายตา มองออกไปนอกรถ ไม่มีอะไรให้ดูนอกจากรถและรถเต็มท้องถนน คนขับรถพารถออกสู่ทางลัดที่จะไปคอนโดมิเนียมที่เธอพัก
รพีพัฒน์ ลากกระเป๋าเสื้อผ้าไปตามพื้นหินอ่อน ระหว่างทางมีผู้หญิงส่งสายตาและยิ้มทักทายชายหนุ่มตลอดทาง รพีพัฒน์ยิ้มตอบ เขาคิดไม่ถึงว่าผิวที่คล้ำลง กล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้นเพราะทำงานใช้แรง ไม่ได้บั่นทอนเสน่ห์ของเขาให้ลงลดเลย ชายหนุ่มยืนรอลิฟท์ไม่นานลิฟท์ก็มาจอด
คอนโดมิเนียมแห่งนี้ชายหนุ่มซื้อต่อจากเพื่อนที่ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ปกติเวลาเขากลับมากรุงเทพฯ มักจะแวะพักตามโรงแรมหรือบ้านเพื่อน แต่ตอนนี้มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาต้องพักอยู่ในกรุงเทพฯ นานกว่าปกติ
ประตูลิฟท์กำลังจะเลื่อนปิด เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นหินอ่อน พร้อมกับเสียงหวานๆ ของผู้หญิงดังลอยเข้ามา
“รอด้วยค่ะ”
รพีพัฒน์ได้ยิน จึงรีบกดปุ่มเปิดประตูลิฟท์ หญิงสาวร่างสูงระหงในชุดเดรสสีเทา ผมตัดสั้นได้รับการเซ็ทอย่างดี เธอถือกระเป๋าแบรนด์เนมใบ
ใหญ่สีเดียวกับชุด รองเท้าส้นสูงสามนิ้ว รพีพัฒน์ยิ้มให้เธอ แต่เธอไม่ได้ยิ้มตอบ แค่กล่าวขอบคุณเขาเบาๆ เท่านั้น
ชายหนุ่มหน้าเจื่อนเล็กน้อย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เขายิ้มให้แล้วจะไม่ยิ้มตอบ หญิงสาวยื่นมือมากดชั้นที่ต้องการ รพีพัฒน์เพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่กดปุ่มเลือกชั้น เขาแปลกใจที่เห็นว่าเธอก็พักอยู่ชั้นเดียวกับเขา ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นห้า หญิงสาวเดินออกไปก่อน รพีพัฒน์เดินตามออกมา คอนโดมิเนียมแห่งนี้มีแปดชั้น ชั้นละแปดห้อง มีทางเดินตรงกลางยาวตลอดสุดบันไดหนีไฟทั้งสองด้าน ห้องพักหันหน้าชนกัน มีทางยกระดับแยกห้องพักแต่ละห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย หญิงสาวเดินไปจนสุดทาง ก่อนก้าวขึ้นบันไดสามขั้น รพีพัฒน์หยุดยืนหน้าบันได
“พักอยู่ห้องตรงข้ามเราซะด้วย”ชายหนุ่มพูดกับตัวเองในใจ
พรีมเห็นจากหางตาว่าผู้ชายที่ขึ้นลิฟท์มาพร้อมกันเดินตามเธอออกมา เสียงฝีเท้าเขาดังตามเธอจนมาหยุดที่ขั้นบันได พรีมเข้าห้องแล้วก็รีบล็อคประตูลงกลอน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เธอยังไม่มีเพื่อนบ้านที่สนิทสักคนเดียว หญิงสาวสงสัยว่าห้องตรงข้ามคงเปลี่ยนเจ้าของ หวังว่าคงไม่ทำเสียงดังหนวกหูเหมือนเจ้าของห้งอคนก่อนหรอกนะ
หญิงสาววางกุญแจห้องลงบนจานกระเบื้องรูปเปลือกหอย วางกระเป๋าบนเก้าอี้เท้าแขน ก่อนจะเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็น ในนั้นไม่มีอะไรอื่นนอกจากน้ำดื่มบรรจุขวด หญิงสาวปิดตู้เย็น ถึงเวลาที่เธอต้องไปซื้อของแล้ว
รพีพัฒน์ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บในห้อง ชายหนุ่มไม่ได้ตกแต่งห้องหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เขาแค่อาศัยอยู่แค่ชั่วคราว อีกอย่างเจ้าของห้องคนเก่ามีรสนิยมใกล้เคียงกับเขา
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ชายหนุ่มกดรับ
“เป็นไงบ้างเพื่อน” กำพูเจ้าของห้องคนเก่าถาม
“ก็ดี นี่นายยังอยู่เมืองไทยหรือ”
“ใช่ ฉันเลื่อนเที่ยวบินออกไปอีกสองวัน” กำพูต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศหลายปี จึงตัดสินใจขายคอนโดมิเนียมให้กับเพื่อนเก่า “นายย้ายเข้าไปหรือยัง”
“ขนของมาวันนี้แหละ”
“มีอะไรติดขัดหรือขาดเหลือก็โทร.ไปหาน้องสาวฉันได้เลยนะ ฉันสั่งไว้แล้ว”
“ขอบใจ อ้อ ถามอะไรสักอย่างสิ”
“ว่ามา” กำพูกระแอมเป็นสัญญาณพร้อมฟัง
“ยายเจ๊ที่อยู่ห้องตรงข้ามเป็นยังไงวะ”
“เจ๊”กำพูทวนคำ “อ้อ ผู้หญิงคนนั้นเอง เพิ่งย้ายมาอยู่ได้หกเจ็ดเดือน ไม่ค่อยพูดหรอก ยิ้มก็ไม่ค่อยยิ้ม ฉันก็เลยไม่ได้สนใจ”
“ท่าทางเหมือนสาวแก่”
“ไม่มั้ง เขาก็ยังดูไม่แก่เท่าไหร่ อาจจะอายุมากกว่าพวกเราปีสองปี”
“อยู่คนเดียว”
“ใคร” กำพูถามกลับอย่างงงๆ
“ก็ยายเจ๊คนนั้นไง” รพีพัฒน์เริ่มหงุดหงิดที่เพื่อนตามไม่ทัน
“นายนี่สนใจจริง อยากจีบเลอะ”
“ไอ้บ้า ฉันแค่อยากผูกสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้าน”
“ท่าจะยากว่ะ ดูเขาไม่ค่อยอยากยุ่งกับใครซะด้วย ฉันเห็นพักอยู่คนเดียวนะ แต่มีรถมารับมาส่งทุกวัน”
รพีพัฒน์คุยกับเพื่อนสักพักก็วางสาย ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาเก็บในตู้เสื้อผ้า จากนั้นจึงเดินออกไปที่ระเบียงห้องพัก ห้องของชายหนุ่มหันไปทางสวนสาธารณะหลังคอนโดฯ ชายหนุ่มมองวิวทิวทัศน์ยามเย็นแล้วก็พลันคิดถึงสวนกุหลาบของเขา หวังว่าคนงานและผู้ช่วยจะดูแลสวนเป็นอย่างดี เพราะครั้งนี้เขาจะอยู่กรุงเทพฯอย่างไม่มีกำหนด
************************************************************************************************
หนามหัวใจ โดย กัณฐมาศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[เพลิงสุมทรวง โดย กัณฐมาศ ตีพิมพ์แล้วกับสำนักพิมพ์ทัช]
หนามหัวใจ ตอนที่ ๑
พรีม นั่งมองแหวนเพชรน้ำงามห้ากะรัตจากประเทศเบลเยี่ยมบนนิ้วนางข้างซ้าย ยิ่งเมื่อมันกระทบแสงไฟรัศมีเปล่งประกายสะท้อนในดวงตาเธอ หญิงสาวถอนหายใจ คำขอร้องครั้งสุดท้ายจากผู้เป็นพ่อคือการรับหมั้นและแต่งงานกับทายาทคนโตผู้สืบทอดธุรกิจรุ่นที่สี่ ซึ่งพ่อเธอเป็นผู้จัดการมรดกประจำตระกูล ตามความต้องการของคุณภูมิศักดิ์ ศิลาพักตร์ เจ้านายของพ่อเธอ
ภูวดล คู่หมั้นของเธอเป็นประธานกลุ่มบริษัท ศิลา อินดัสเตรียล ซึ่งดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ รวมถึงวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะอายุ ๓๖ ปี เป็นที่หมายปองของสตรีในวงสังคมชั้นสูงทั้งในและต่างประเทศ หากชายหนุ่มครองตัวเป็นโสดมานานหลายปี และแทบไม่เคยมีข่าวคราวเรื่องชู้สาว ดังนั้นเมื่อมีข่าวประกาศหมั้นระหว่างเขากับลูกสาวของผู้จัดการมรดกและทนายความประจำตระกูล จึงเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมชั้นสูงอยู่พักหนึ่ง มีข่าวลือออกมามากมาย บ้างก็ว่าเป็นแผนของพ่อเธอที่กล่อมคุณภูมิศักดิ์ จนยอมเขียนคำสั่งในพินัยกรรมก่อนเสียชีวิต บ้างก็ว่าพ่อของเธอปลอมพินัยกรรม และข่าวลือต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่คนพูดปั้นแต่งเองขึ้นทั้งสิ้น
พรีม รู้ดีกว่าใครว่าเหตุใดคุณภูมิศักดิ์จึงต้องเขียนคำสั่งเช่นว่านั้นลงในพินัยกรรม และเธอเองก็ไม่สามารปฏิเสธได้ อีกทั้งเธอเองก็อายุ ๓๓ ปีแล้ว ที่ผ่านมาใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดทุ่มเทกับการเรียนและทำงานด้านกฎหมาย หญิงสาวเกือบจะได้เป็นนักกฎหมายระหว่างประเทศขององค์การการค้าโลก ประจำกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้วพ่อของเธอล้มป่วย หญิงสาวจึงต้องละทิ้งความฝันเพื่อกลับมาดูแลบิดา ญาติเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่
เสียงเคาะประตูดังสามครั้ง เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ นิสา เลขานุการิณีของเธอจึงเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา หญิงสาวเห็นเจ้านายตกอยู่ในภวังค์จึงกระแอมเบาๆ พรีมรู้สึกตัว เงยหน้ายิ้มให้เลขาฯ
“มีอะไรหรือนิสา”
“สัญญาที่คุณภูวดลจะต้องเซ็นวันพรุ่งนี้ค่ะ ทางฝ่ายกฎหมายอยากให้คุณพรีมตรวจดูก่อน”
“ขอบใจจ้ะ” พรีมเลื่อนเอกสารมาวางตรงหน้า นิสาคิดว่าเจ้านายคงไม่เรียกใช้อะไรอีกจึงออกจากห้อง
หลังจากหมั้นหมายกันไม่นาน ภูวดลก็ขอให้เธอมาช่วยงานด้านกฎหมายของบริษัทในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ นี่ก็เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วที่เธอทำงานที่นี่ในฐานที่ปรึกษากฎหมาย
พรีมตรวจดูรายละเอียดของสัญญาทุกตัวอักษรตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย เมื่อเห็นว่าสัญญาถูกต้องและรัดกุมไม่มีทางที่บริษัทจะเสียผลประโยชน์ เธอจึงประทับตราและเซ็นชื่อกำกับ
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดัง หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบจากที่วางโทรศัพท์รูปปลาฉลาม
“ค่ะ คุณภู”
“งานยุ่งหรือเปล่าครับ”
“ไม่ยุ่งค่ะ” พรีมตอบ เธอเองก็ยังทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนที่เขามีแฟนหรือคู่หมั้นต้องทำตัวอย่างไร
“เย็นนี้ผมต้องไปงานเลี้ยงกะทันหัน พรีมทานข้าวคนเดียวได้นะครับ” ภูวดลถามอย่างเกรงใจ
“ได้ค่ะ” นับตั้งแต่หมั้นกัน พรีมจะไปทานข้าวเย็นที่บ้านภูวดลทุกวัน และออกงานกับเขาบ้าง แต่ต้องเป็นงานที่สำคัญจริงๆ
“อย่าโหมงานหนักนะครับ ผมอยากไปหาจัง แต่ต้องเข้าประชุมแล้ว”
“ค่ะ”
พรีม วางโทรศัพท์มือถือกลับที่เดิม หญิงสาวนั่งทำงานต่อ จนถึงเวลาเลิกงาน เลขาฯ เดินเข้ามาวางเอกสารที่เธอต้องตรวจพรุ่งนี้บนถาดใส่เอกสาร พรีมเงยหน้ามองเลขาฯ
“ถึงเวลาเลิกงานแล้วหรือ”
“ค่ะ คุณพรีมจะกลับหรือยังคะ นิสาจะได้โทร.เรียกคนขับรถให้”
“ค่ะ อีกสักสิบนาที พรีมจะลงไป”
นิสาออกจากห้อง พรีมบิดขี้เกียจ หญิงสาวไม่ชอบขับรถ ภูวดลจึงจัดรถส่วนตัวพร้อมคนขับคอยไปรับไปส่งเธอทุกวัน ใครจะคิดว่านักกฎหมายอนาคตไกลอย่างเธอต้องกลายมาเป็นนกน้อยในกรงทอง
พรีมนั่งอ่านหนังสือแก้เบื่อระหว่างนั่งรถ การจราจรเริ่มติดขัดหญิงสาวพักสายตา มองออกไปนอกรถ ไม่มีอะไรให้ดูนอกจากรถและรถเต็มท้องถนน คนขับรถพารถออกสู่ทางลัดที่จะไปคอนโดมิเนียมที่เธอพัก
รพีพัฒน์ ลากกระเป๋าเสื้อผ้าไปตามพื้นหินอ่อน ระหว่างทางมีผู้หญิงส่งสายตาและยิ้มทักทายชายหนุ่มตลอดทาง รพีพัฒน์ยิ้มตอบ เขาคิดไม่ถึงว่าผิวที่คล้ำลง กล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้นเพราะทำงานใช้แรง ไม่ได้บั่นทอนเสน่ห์ของเขาให้ลงลดเลย ชายหนุ่มยืนรอลิฟท์ไม่นานลิฟท์ก็มาจอด
คอนโดมิเนียมแห่งนี้ชายหนุ่มซื้อต่อจากเพื่อนที่ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ปกติเวลาเขากลับมากรุงเทพฯ มักจะแวะพักตามโรงแรมหรือบ้านเพื่อน แต่ตอนนี้มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาต้องพักอยู่ในกรุงเทพฯ นานกว่าปกติ
ประตูลิฟท์กำลังจะเลื่อนปิด เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นหินอ่อน พร้อมกับเสียงหวานๆ ของผู้หญิงดังลอยเข้ามา
“รอด้วยค่ะ”
รพีพัฒน์ได้ยิน จึงรีบกดปุ่มเปิดประตูลิฟท์ หญิงสาวร่างสูงระหงในชุดเดรสสีเทา ผมตัดสั้นได้รับการเซ็ทอย่างดี เธอถือกระเป๋าแบรนด์เนมใบ
ใหญ่สีเดียวกับชุด รองเท้าส้นสูงสามนิ้ว รพีพัฒน์ยิ้มให้เธอ แต่เธอไม่ได้ยิ้มตอบ แค่กล่าวขอบคุณเขาเบาๆ เท่านั้น
ชายหนุ่มหน้าเจื่อนเล็กน้อย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เขายิ้มให้แล้วจะไม่ยิ้มตอบ หญิงสาวยื่นมือมากดชั้นที่ต้องการ รพีพัฒน์เพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่กดปุ่มเลือกชั้น เขาแปลกใจที่เห็นว่าเธอก็พักอยู่ชั้นเดียวกับเขา ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นห้า หญิงสาวเดินออกไปก่อน รพีพัฒน์เดินตามออกมา คอนโดมิเนียมแห่งนี้มีแปดชั้น ชั้นละแปดห้อง มีทางเดินตรงกลางยาวตลอดสุดบันไดหนีไฟทั้งสองด้าน ห้องพักหันหน้าชนกัน มีทางยกระดับแยกห้องพักแต่ละห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย หญิงสาวเดินไปจนสุดทาง ก่อนก้าวขึ้นบันไดสามขั้น รพีพัฒน์หยุดยืนหน้าบันได
“พักอยู่ห้องตรงข้ามเราซะด้วย”ชายหนุ่มพูดกับตัวเองในใจ
พรีมเห็นจากหางตาว่าผู้ชายที่ขึ้นลิฟท์มาพร้อมกันเดินตามเธอออกมา เสียงฝีเท้าเขาดังตามเธอจนมาหยุดที่ขั้นบันได พรีมเข้าห้องแล้วก็รีบล็อคประตูลงกลอน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เธอยังไม่มีเพื่อนบ้านที่สนิทสักคนเดียว หญิงสาวสงสัยว่าห้องตรงข้ามคงเปลี่ยนเจ้าของ หวังว่าคงไม่ทำเสียงดังหนวกหูเหมือนเจ้าของห้งอคนก่อนหรอกนะ
หญิงสาววางกุญแจห้องลงบนจานกระเบื้องรูปเปลือกหอย วางกระเป๋าบนเก้าอี้เท้าแขน ก่อนจะเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็น ในนั้นไม่มีอะไรอื่นนอกจากน้ำดื่มบรรจุขวด หญิงสาวปิดตู้เย็น ถึงเวลาที่เธอต้องไปซื้อของแล้ว
รพีพัฒน์ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บในห้อง ชายหนุ่มไม่ได้ตกแต่งห้องหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เขาแค่อาศัยอยู่แค่ชั่วคราว อีกอย่างเจ้าของห้องคนเก่ามีรสนิยมใกล้เคียงกับเขา
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ชายหนุ่มกดรับ
“เป็นไงบ้างเพื่อน” กำพูเจ้าของห้องคนเก่าถาม
“ก็ดี นี่นายยังอยู่เมืองไทยหรือ”
“ใช่ ฉันเลื่อนเที่ยวบินออกไปอีกสองวัน” กำพูต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศหลายปี จึงตัดสินใจขายคอนโดมิเนียมให้กับเพื่อนเก่า “นายย้ายเข้าไปหรือยัง”
“ขนของมาวันนี้แหละ”
“มีอะไรติดขัดหรือขาดเหลือก็โทร.ไปหาน้องสาวฉันได้เลยนะ ฉันสั่งไว้แล้ว”
“ขอบใจ อ้อ ถามอะไรสักอย่างสิ”
“ว่ามา” กำพูกระแอมเป็นสัญญาณพร้อมฟัง
“ยายเจ๊ที่อยู่ห้องตรงข้ามเป็นยังไงวะ”
“เจ๊”กำพูทวนคำ “อ้อ ผู้หญิงคนนั้นเอง เพิ่งย้ายมาอยู่ได้หกเจ็ดเดือน ไม่ค่อยพูดหรอก ยิ้มก็ไม่ค่อยยิ้ม ฉันก็เลยไม่ได้สนใจ”
“ท่าทางเหมือนสาวแก่”
“ไม่มั้ง เขาก็ยังดูไม่แก่เท่าไหร่ อาจจะอายุมากกว่าพวกเราปีสองปี”
“อยู่คนเดียว”
“ใคร” กำพูถามกลับอย่างงงๆ
“ก็ยายเจ๊คนนั้นไง” รพีพัฒน์เริ่มหงุดหงิดที่เพื่อนตามไม่ทัน
“นายนี่สนใจจริง อยากจีบเลอะ”
“ไอ้บ้า ฉันแค่อยากผูกสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้าน”
“ท่าจะยากว่ะ ดูเขาไม่ค่อยอยากยุ่งกับใครซะด้วย ฉันเห็นพักอยู่คนเดียวนะ แต่มีรถมารับมาส่งทุกวัน”
รพีพัฒน์คุยกับเพื่อนสักพักก็วางสาย ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาเก็บในตู้เสื้อผ้า จากนั้นจึงเดินออกไปที่ระเบียงห้องพัก ห้องของชายหนุ่มหันไปทางสวนสาธารณะหลังคอนโดฯ ชายหนุ่มมองวิวทิวทัศน์ยามเย็นแล้วก็พลันคิดถึงสวนกุหลาบของเขา หวังว่าคนงานและผู้ช่วยจะดูแลสวนเป็นอย่างดี เพราะครั้งนี้เขาจะอยู่กรุงเทพฯอย่างไม่มีกำหนด
************************************************************************************************
หนามหัวใจ โดย กัณฐมาศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้