แน่นอนว่า การแสวงหาโอกาสในการดําเนินชีวิตของแต่ละคน จะให้เท่ากันมันคงเป็นไปไม่ได้ อันนี้ผมยอมรับครับ
ก็เหมือนอย่างที่พูดกัน ก็แล้วแต่บุญทํา กรรมแต่ง
โอกาสแต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากัน บางคนเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะรํ่ารวย สิ่งแวดล้อมดี
ย่อมเอื้อให้ประสบความสําเร็จในชีวิตมากกว่า
เมื่อเรียนจบ บางคนก็ไปเป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นทนายความ เป็นทหาร ตํารวจ
ประกอบอาชีพส่วนตัว หรือ กลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวตัวเอง
ฉนั้น โดยหลัก จะให้เท่ากันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ
เหล่านี้ หากมองลึกๆ มันก็มาจาก สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ในการดํารงชีวิตนั่นเอง
เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะเลือก
ทุกคนมีสิทธิ ที่จะแสวงหาโอกาส เลือกทางเดิน ในอาชีพ หน้าที่การงานให้แก่ตัวเอง
ไม่มีใครมาบังคับว่า คุณต้องเป็นยังงั้น ยังงี้
หรือ คุณอาจเสียภาษีให้รัฐมากกว่า แต่คุณอย่าลืม คุณก็ได้กอบโกยทรัพย์พยากรจากรัฐ ไปมากกว่าคนอื่นเช่นกัน
ซึ่งมันก็ยุติธรรมแล้ว บนหลักการความเท่าเทียม
มันไม่ได้หมายความว่า คุณเสียภาษีให้รัฐมากกว่า แล้วจะนํามาเป็นข้ออ้าง ถึงการมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
และ รัฐควรมาดูแลคุณมากกว่าคนอื่น แต่อย่างใด
สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย จึงไม่ใช่การแสวงหาโอกาส หรือ การฉกฉวยโอกาส
จากคนที่ด้อยโอกาสกว่า ไปเสียทุกเรื่องน่ะครับ
ผมยอมรับได้ หากคนเราเกิดมา อาจไม่เท่าเทียมกันในโชควาสนา
แต่ในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นคนที่ไม่เท่ากัน เพราะความแตกต่างกันด้วยฐานะ ชาติพันธุ์ หรือ การศึกษา
อันนี้ผมยอมรับไม่ได้เด็ดขาด


----------------------
ทําไม แม้แต่อาจารย์ในมหาลัย(บางคน) ยังแยกกันไม่ออก ระหว่าง สิทธิขั้นพื้นฐาน กับ การแสวงหาโอกาสในการดําเนินชีวิต
ก็เหมือนอย่างที่พูดกัน ก็แล้วแต่บุญทํา กรรมแต่ง
โอกาสแต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากัน บางคนเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะรํ่ารวย สิ่งแวดล้อมดี
ย่อมเอื้อให้ประสบความสําเร็จในชีวิตมากกว่า
เมื่อเรียนจบ บางคนก็ไปเป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นทนายความ เป็นทหาร ตํารวจ
ประกอบอาชีพส่วนตัว หรือ กลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวตัวเอง
ฉนั้น โดยหลัก จะให้เท่ากันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ
เหล่านี้ หากมองลึกๆ มันก็มาจาก สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ในการดํารงชีวิตนั่นเอง
เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะเลือก
ทุกคนมีสิทธิ ที่จะแสวงหาโอกาส เลือกทางเดิน ในอาชีพ หน้าที่การงานให้แก่ตัวเอง
ไม่มีใครมาบังคับว่า คุณต้องเป็นยังงั้น ยังงี้
หรือ คุณอาจเสียภาษีให้รัฐมากกว่า แต่คุณอย่าลืม คุณก็ได้กอบโกยทรัพย์พยากรจากรัฐ ไปมากกว่าคนอื่นเช่นกัน
ซึ่งมันก็ยุติธรรมแล้ว บนหลักการความเท่าเทียม
มันไม่ได้หมายความว่า คุณเสียภาษีให้รัฐมากกว่า แล้วจะนํามาเป็นข้ออ้าง ถึงการมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
และ รัฐควรมาดูแลคุณมากกว่าคนอื่น แต่อย่างใด
สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย จึงไม่ใช่การแสวงหาโอกาส หรือ การฉกฉวยโอกาส
จากคนที่ด้อยโอกาสกว่า ไปเสียทุกเรื่องน่ะครับ
ผมยอมรับได้ หากคนเราเกิดมา อาจไม่เท่าเทียมกันในโชควาสนา
แต่ในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นคนที่ไม่เท่ากัน เพราะความแตกต่างกันด้วยฐานะ ชาติพันธุ์ หรือ การศึกษา
อันนี้ผมยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
----------------------