ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันนี้ หลายคนคงมีความสุขหลัง “คุณสมชาย” เข้ามายึดอำนาจการปกครองของประเทศ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา “คุณสมชาย” ได้สร้างผลงานอันน่าประทับใจและ “คืนความสุข” ให้คนไทยหลายต่อหลายเรื่องจนยากที่จาระไนออกมาได้หมด
แต่สำหรับ “สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV” แล้ว ดูเหมือนว่า นอกจากพวกเขาจะไม่ได้รับการเฉลี่ยความสุขให้กลับคืนมาจากคุณสมชายแล้ว ยังต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้าย โดยเฉพาะกับ “พนักงาน” นับร้อยชีวิต เพราะจนกระทั่งถึงวันนี้ ASTV ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้สามารถออกอากาศได้ ด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ว่า “เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง”
ที่สำคัญคือยังไม่มีกำหนดว่า เมื่อไหร่ที่จะได้ออกอากาศ ทั้งๆ ที่ทาง ASTV ได้ยื่นแผนผังรายการใหม่โดย “ปลอดการเมือง” ให้ กสทช.และ คสช.ตรวจสอบโดยยอมรับทุกเงื่อนไขที่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนแล้วก็ตาม
เหตุผลหรือคำตอบที่ ASTV ได้รับการตอกย้ำอันได้รับการเปิดเผยจากการ ที่ คสช.เชิญผู้บริหารสื่อสำนักต่างๆ ไปพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือ ASTVเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง
ไม่มีเหตุผลอะไรที่มากไปกว่านั้น ซึ่งนั่นเป็น “ตรรกะ” ที่คน ASTV และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ให้การสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ของประชาชนแห่งนี้ไม่เข้าใจ
ยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอย่าง “ทีนิวส์” ของ “เสี่ยต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ด้วยแล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงตรรกะอันสับสน
ยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เพิ่งแปลงร่างไปสู่ทีวีดิจิตอลอย่าง “VOICE TV” ซึ่งเป็นที่รับรู้ของสังคมโดยทั่วไปว่ามี เสี่ยโอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตรเป็นเจ้าของ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงตรรกะอันสับสนไม่แพ้กัน
วันนี้ ทีนิวส์ของเสี่ยต้อยได้รับการออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ วอยซ์ทีวีของเสี่ยโอ๊คได้รับอนุญาตให้ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถามว่า ทีนิวส์มิใช่สัญลักษณ์ของความขัดแย้งดอกหรือ
คำตอบก็คือใช่ เพราะทีนิวส์มีจุดยืนชัดเจนว่า เลือกยืนอยู่ข้างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แถมตัวผู้อำนวยการสถานีที่สร้างภาพชักเข้าชักออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้ถูกติฉินนินทาก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกายนายสุเทพตลอดเวลา
คงไม่ต้องแสวงหาคำตอบกระมังว่าทำไมทีนิวส์ถึงได้รับอนุญาตให้ออกอากาศได้ เพราะในแวดวงรู้ดีว่ามี “คนที่รู้ว่าใคร” รับหน้าที่เป็นคนเจรจาและสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ
เช่นเดียวกับวอยซ์ทีวี ก็เป็นที่ชัดเจนว่า จุดยืนของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้คืออะไร และใครเป็นเจ้าของ แถมที่ต้องสงสัยหนักเข้าไปอีกก็คือ สถานีแห่งนี้มี “หม่อมปลื้ม-มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล” ลูกชายของ “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” รองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของคุณสมชายนั่งเป็นพิธีกรคนสำคัญอีกต่างหาก
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมวอยซ์ทีวีถึงไม่ได้เป็นสัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง
ทั้งสองสถานีคือทีนิวส์และวอยซ์ทีวีได้เข้าสู่โหมดของการปรองดองเพื่อความสมานฉันท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ ASTV ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศ และถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอย่าง “บลูสกาย” ซึ่งถ่ายทอดการชุมนุมของ กปปส.ตลอด 24 ชั่วโมง และ “DNN” หรือ “เอเชียอัพเดท” ซึ่งก็ชัดเจนว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของคนเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุมของ กปปส.นั้น แม้ ASTV จะมีการถ่ายทอดสดการชุมนุมบ้าง แต่ก็มิได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีเพียงถ่ายทอดการชุมนุมของกลุ่ม คปท.บ้าง การชุมนุมของหลวงปู่พุทธะอิสระบ้างเป็นระยะๆ และรายการส่วนใหญ่ก็เป็นรายการข่าวสลับกับรายการประเภทวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง
ที่สำคัญคือ ASTV มิใช่คู่ขัดแย้งในสมรภูมิครั้งนี้โดยตรงถ้าหากเทียบกับทีนิวส์หรือวอยซ์ทีวี
ทว่า การพิจารณาเพื่อให้สื่ออย่างASTV กลับมาทำหน้าที่ของตนเอง มีเพียงคำตอบที่คล้ายเดิมตั้งแต่ต้นจนจบคือ ขอให้รออีกสักระยะหนึ่ง รอจนกว่าทุกอย่างที่เป็นความขัดแย้งจะสลายไป ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะใช่ระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน พล.อ อุดมเดช บอกในตอนท้ายว่า ความสำคัญของสื่อ ถ้าแม้มีเพียงสื่อเดียวโจมตีให้ร้ายคสช.ทหารก็คงอยู่ไม่ได้ ทว่า การพิจารณาเพื่อให้สื่ออย่างASTV กลับมาทำหน้าที่ของตนเอง มีเพียงคำตอบที่คล้ายเดิม คือ ขอให้รออีกสักระยะหนึ่ง รอจนกว่าทุกอย่างที่เป็นความขัดแย้งจะสลายไป
ความร่วมมือของสื่อต่อการพาประเทศไปสู่จุดที่ควรจะเป็น เป็นความหวังของคสช. แต่ผมฟังความหวังของASTV ดูจะยืดเยื้อออกไปอีกนาน อย่างน้อยตามโรดแมปที่ว่าไว้ระยะแรกที่ทำเรื่องปรองดองคือ3เดือน อย่างยาวก็ 1 ปีกว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่คสช.ตั้งเป้าหมาย
ที่สำคัญคือ เมื่อพิจารณาจากเหตุผลข้างต้นแล้ว ก็ไม่มีตรรกะอันใดอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นอกเสียจากเหตุผลเรื่อง 2 มาตรฐาน
http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000075714
.......................................................
ก็ได้ยินเสี่ยลิ้มบอกว่า
ถ้าเปิดแล้ว ต้องยอมคสช. ก็จะไม่เปิดนี่นา
แล้วมาคร่ำครวญทำไม ??
เสียงครวญอันโหยหวน จากผู้จัดการ "ASTV-ทีนิวส์-วอยซ์ทีวี ตรรกะคืนความสุข 2 มาตรฐาน"
แต่สำหรับ “สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV” แล้ว ดูเหมือนว่า นอกจากพวกเขาจะไม่ได้รับการเฉลี่ยความสุขให้กลับคืนมาจากคุณสมชายแล้ว ยังต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้าย โดยเฉพาะกับ “พนักงาน” นับร้อยชีวิต เพราะจนกระทั่งถึงวันนี้ ASTV ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้สามารถออกอากาศได้ ด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ว่า “เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง”
ที่สำคัญคือยังไม่มีกำหนดว่า เมื่อไหร่ที่จะได้ออกอากาศ ทั้งๆ ที่ทาง ASTV ได้ยื่นแผนผังรายการใหม่โดย “ปลอดการเมือง” ให้ กสทช.และ คสช.ตรวจสอบโดยยอมรับทุกเงื่อนไขที่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนแล้วก็ตาม
เหตุผลหรือคำตอบที่ ASTV ได้รับการตอกย้ำอันได้รับการเปิดเผยจากการ ที่ คสช.เชิญผู้บริหารสื่อสำนักต่างๆ ไปพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือ ASTVเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง
ไม่มีเหตุผลอะไรที่มากไปกว่านั้น ซึ่งนั่นเป็น “ตรรกะ” ที่คน ASTV และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ให้การสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ของประชาชนแห่งนี้ไม่เข้าใจ
ยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอย่าง “ทีนิวส์” ของ “เสี่ยต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ด้วยแล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงตรรกะอันสับสน
ยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เพิ่งแปลงร่างไปสู่ทีวีดิจิตอลอย่าง “VOICE TV” ซึ่งเป็นที่รับรู้ของสังคมโดยทั่วไปว่ามี เสี่ยโอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตรเป็นเจ้าของ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงตรรกะอันสับสนไม่แพ้กัน
วันนี้ ทีนิวส์ของเสี่ยต้อยได้รับการออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ วอยซ์ทีวีของเสี่ยโอ๊คได้รับอนุญาตให้ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถามว่า ทีนิวส์มิใช่สัญลักษณ์ของความขัดแย้งดอกหรือ
คำตอบก็คือใช่ เพราะทีนิวส์มีจุดยืนชัดเจนว่า เลือกยืนอยู่ข้างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แถมตัวผู้อำนวยการสถานีที่สร้างภาพชักเข้าชักออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้ถูกติฉินนินทาก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกายนายสุเทพตลอดเวลา
คงไม่ต้องแสวงหาคำตอบกระมังว่าทำไมทีนิวส์ถึงได้รับอนุญาตให้ออกอากาศได้ เพราะในแวดวงรู้ดีว่ามี “คนที่รู้ว่าใคร” รับหน้าที่เป็นคนเจรจาและสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ
เช่นเดียวกับวอยซ์ทีวี ก็เป็นที่ชัดเจนว่า จุดยืนของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้คืออะไร และใครเป็นเจ้าของ แถมที่ต้องสงสัยหนักเข้าไปอีกก็คือ สถานีแห่งนี้มี “หม่อมปลื้ม-มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล” ลูกชายของ “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” รองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของคุณสมชายนั่งเป็นพิธีกรคนสำคัญอีกต่างหาก
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมวอยซ์ทีวีถึงไม่ได้เป็นสัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง
ทั้งสองสถานีคือทีนิวส์และวอยซ์ทีวีได้เข้าสู่โหมดของการปรองดองเพื่อความสมานฉันท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ ASTV ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศ และถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอย่าง “บลูสกาย” ซึ่งถ่ายทอดการชุมนุมของ กปปส.ตลอด 24 ชั่วโมง และ “DNN” หรือ “เอเชียอัพเดท” ซึ่งก็ชัดเจนว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของคนเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุมของ กปปส.นั้น แม้ ASTV จะมีการถ่ายทอดสดการชุมนุมบ้าง แต่ก็มิได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีเพียงถ่ายทอดการชุมนุมของกลุ่ม คปท.บ้าง การชุมนุมของหลวงปู่พุทธะอิสระบ้างเป็นระยะๆ และรายการส่วนใหญ่ก็เป็นรายการข่าวสลับกับรายการประเภทวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง
ที่สำคัญคือ ASTV มิใช่คู่ขัดแย้งในสมรภูมิครั้งนี้โดยตรงถ้าหากเทียบกับทีนิวส์หรือวอยซ์ทีวี
ทว่า การพิจารณาเพื่อให้สื่ออย่างASTV กลับมาทำหน้าที่ของตนเอง มีเพียงคำตอบที่คล้ายเดิมตั้งแต่ต้นจนจบคือ ขอให้รออีกสักระยะหนึ่ง รอจนกว่าทุกอย่างที่เป็นความขัดแย้งจะสลายไป ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะใช่ระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน พล.อ อุดมเดช บอกในตอนท้ายว่า ความสำคัญของสื่อ ถ้าแม้มีเพียงสื่อเดียวโจมตีให้ร้ายคสช.ทหารก็คงอยู่ไม่ได้ ทว่า การพิจารณาเพื่อให้สื่ออย่างASTV กลับมาทำหน้าที่ของตนเอง มีเพียงคำตอบที่คล้ายเดิม คือ ขอให้รออีกสักระยะหนึ่ง รอจนกว่าทุกอย่างที่เป็นความขัดแย้งจะสลายไป
ความร่วมมือของสื่อต่อการพาประเทศไปสู่จุดที่ควรจะเป็น เป็นความหวังของคสช. แต่ผมฟังความหวังของASTV ดูจะยืดเยื้อออกไปอีกนาน อย่างน้อยตามโรดแมปที่ว่าไว้ระยะแรกที่ทำเรื่องปรองดองคือ3เดือน อย่างยาวก็ 1 ปีกว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่คสช.ตั้งเป้าหมาย
ที่สำคัญคือ เมื่อพิจารณาจากเหตุผลข้างต้นแล้ว ก็ไม่มีตรรกะอันใดอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นอกเสียจากเหตุผลเรื่อง 2 มาตรฐาน
http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000075714
.......................................................
ก็ได้ยินเสี่ยลิ้มบอกว่า
ถ้าเปิดแล้ว ต้องยอมคสช. ก็จะไม่เปิดนี่นา
แล้วมาคร่ำครวญทำไม ??