ไม่นานมานี้เอง ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมครั้งหนึ่ง ครั้งแรก โดยส่วนตัวไม่ค่อยจะเชื่อหรือศรัทราอะไรกับเรื่องพวกนี้มากนัก รู้สึกเฉยๆมากกว่า
ช่วงนี้เป้นช่วงมรสุมชีวิตเลยก็ว่าได้ ทั้งอาการของโรคที่เป็นก็เริ่มหนักขึ้น ไม่ได้เรียนต่อในมหาลัยที่ตัวเองชอบ
เครียดและแคร์กับคำพูดและสังคมคนรอบข้าง แม่จึงให้ฉันไปคอร์สปฏิบัติธรรม8วัน7คืน ดิฉันพยายามหาข้ออ้างทุกอย่าง
แต่ก็ได้คำตอบมาแค่ว่าต้องไป เชื่อไหมค่ะ กระเป๋าแม่เป็นคนจัดให้ทุกอย่าง ฉันนั่งเฉยๆ พ่อมาถามว่าทำไมไม่ไปจัดของ ก็ตอบไปว่าไม่อยากไป
ตอนนั้นไม่ว่าใครจะทำอะไรในบ้าน ก็จะอารมณ์เสียฮึดฮัดใส่ตลอด บ่นๆๆๆๆตลอด จนทะเลาะกับน้อง
วันแรกของการปฏิบัติ ก็ไม่วายทะเลาะกับแม่ นั่งกินโจ๊กก่อนเข้าคอร์ส ก็ชวนแม่ทะเลาะทำแม่เสียใจ พอเข้าปฏิบัติเชื่อไหมค่ะ ตลอดเวลาดิฉันว่าและบ่นแม่ตลอด ในใจนี่รุ่มร้อนตลอดเวลา ก็บ่นอยู่ว่าให้หนูมาคงได้บุญหรอกมีแต่กรรม อากาศที่นี่ร้อนมาก แต่ไม่ใช่ตากแดดนะค่ะ อยู่ในที่ร่มแต่อากาศร้อนมาก ยิ่งตอนเดินจงกลม เขาให้ลุกก็ต้องมีจังหวะและท่าทางต่างๆ จะทำทุกอย่างช้ามาก เอาง่ายๆเวลาแค่การก้มกราบพระ3ครั้ง กระบวนท่าและวิธีการต่างๆ กว่าจะเสร็จใช้เวลาประมาณ5นาที และระหว่างทำต้องพูดด้วย และลงท้ายด้วยหนอ มันมีช่วงที่เขาให้ลุก ปรากฏว่าดิฉันล้ม ก้นและฝ่ามือกระแทกพื้นดังตึก ทุกคนหันมามอง ดิฉันจุก พูดอะไรไม่ออก ขยับแทบไม่ได้ แต่ในหัวตอนนั้นมีแต่ความเขิล และความโกรธ(แม่)อย่างมาก การปฏิบัติต่อจากนั้นในหัวนี่มีแต่ความโกรธและความอคติที่มีต่อแม่ จนจบวัน
วันที่2 ก็ตื่น4.30 ง่วงมาก การปฎิบัติช่วงเช้าดิฉันหลับค่ะ บ่อยมาก แต่ก็ไม่ได้มีใครเข้ามาทัก พอเริ่มมีสติก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าแม่ แต่แปลกนะค่ะ พอเริ่มปฏิบัติเรื่อยๆ ความโกรธก็เริ่มลดลง อาการตอนนี้เหมือนน้อยใจในโชคชะตาตัวเองมากกว่าที่ต้องมาป่วยและก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะโรคนี้ ในวันนี้เขาบอกว่าพน.จะมีการพูดคุยกัน ดิฉันดีใจมากได้พูดซักที สิ่งแรกที่คิดคือ ถ้าได้พูดจะระบายเรื่องแม่ให้หมดทุกอย่างฮ่าฮ่าฮ่า (โคตรเลวมาก) และแล้ววันนี้ก็ผ่านไป ปล.เขาให้เข้านอนตอน20.30
วันที่3 วันนี้รู้สึก มันดูสงบแปลกๆ อารมณ์ที่คิดฟุ้งซ่านเริ่มหายไป เรื่องที่วันนี้จะมีการพูดก็หายไปสิ้น รู้ตัวอีกทีก็จะได้พูดแล้ว อารมณ์ที่ว่าจะพูดเรื่องแม่ตอนแรกก็เริ่มหาย แต่ก็ยังไม่หายไปหมด ก็พูดแต่ไม่ได้เชิงเคียดแค้น คนที่ฟังเขาก็อึ้งแหละ พยายามบอกว่ามันบาป หาเหตุผลมาอธิบาย และบ่งบอกผลที่จะได้รับ ดิฉันก็รับฟัง แต่ก็เหมือนไม่ได้สนใจไรมาก เพราะตอนนั้นเราไม่ได้โกรธแล้วนี่หว่า และพอดีว่าวันนี้ดิฉันต้องไปหาหมอ แม่จะมารับช่วงบ่าย คนที่ฟังก็พยายามให้ดิฉันอยู่ในวันรุ่งขึ้น เพราะวันต่อจากนี้จะแสดงให้เราเห็นถึงบุญคุณของพ่อและแม่ แต่ในใจไม่รู้ดิอยากนอนบ้าน พน.เช้ามาได้ไหม เขาก็ว่าได้ แต่ควรก่อน7โมง จนบ่ายแม่มารับดิฉันก็กลับ ยังไม่วายชวนแม่ทะเลาะระหว่างนั่งรถ สังเกตเห็นได้ว่าแม่ร้องไห้ ดิฉันรู้สึกผิดไหม บอกเลยอารมณ์ ณ ตอนนั้นไม่ แต่พอหลังจากนั้นสักพักก็เริ่มสำนึก เรื่องที่ทะเลาะตอนนั้นเป็นเรื่องที่ประมาณว่าทำไมแม่เป็นแบบนี้ฟังหนูบ้างซิ
หลังจากสำนึก ดิฉันก็พยายามเปลี่ยนเรื่องชวนแม่คุยเรื่องอื่น แปลกดีนะ ทำไมแม่หายโกรธเราง่ายจัง เรายังโกรธแม่ได้ทั้งวันเลย แม่เสียใจจนจะร้องไห้ ทำไมยังพยายามหันมาพูดคุยและยิ้มให้อยู่เลย หาหมอเสร็จก็กลับบ้าน และก็ได้รู้ความจริงว่า
"ทุกวันตอน4โมงเย็นแม่จะต้องแวะไปหาเรา ไปถามคนดูแลว่าเราเป็นอยู่อย่างไร หารู้ไม่ว่าเรา ณ ตอนนั้น ในใจกำลังว่าแม่อยู่ตลอดเวลาเลย"
เรายังว่าตอนเราบอกความจริงกับแม่ว่าหนูเล่าอะไรให้เขาฟังบ้าง แม่ทำท่าจะร้องไห้ ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดแม่ แม่ลางานพาเราหาหมอ ช่วงนี้แม่ลางานบ่อยมาก เพราะต้องคอยวิ่งรับส่งดิฉัน พาดิฉันไปหาหมอ พ่อยังบอกอีกว่าทุกวันแม่จะบ่นถึงดิฉัน ว่าเราทำบาปลูกรึป่าว ทรมานลูกรึป่าว ลูกจะอยู่สบายรึป่าว
ตอนนี้รู้สึกแย่มาก บาปครั้งนี้ไม่รู้ต้องกลายเป็นอะไร โชคดีหน่อยก็เกิดเป็นคน ที่มีพ่อแม่ไม่รัก พ่อแม่ทำร้าย หรือเป็นเด็กกำพร้าไม่มีแม่ อาจจะเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ถูกกินถูกฆ่า สิ่งที่คิดว่าตัวเองโชคร้าย ที่จริงโชคดีมากๆ มากถึงมากที่สุด ก็อยากจะเล่าให้ทุกคนให้ฟังในครั้งนี้ บาปบุญมันแก้กันไม่ได้ ทำได้แค่ อย่าสร้างบาปเพิ่ม สร้างบุญมาชลอให้บาปมันตามมาถึงตัวช้าลงเท่านั้นเอง อยากเตือนสติทุกคนไว้ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะค่ะ
แม่ทำซึ้ง
ช่วงนี้เป้นช่วงมรสุมชีวิตเลยก็ว่าได้ ทั้งอาการของโรคที่เป็นก็เริ่มหนักขึ้น ไม่ได้เรียนต่อในมหาลัยที่ตัวเองชอบ
เครียดและแคร์กับคำพูดและสังคมคนรอบข้าง แม่จึงให้ฉันไปคอร์สปฏิบัติธรรม8วัน7คืน ดิฉันพยายามหาข้ออ้างทุกอย่าง
แต่ก็ได้คำตอบมาแค่ว่าต้องไป เชื่อไหมค่ะ กระเป๋าแม่เป็นคนจัดให้ทุกอย่าง ฉันนั่งเฉยๆ พ่อมาถามว่าทำไมไม่ไปจัดของ ก็ตอบไปว่าไม่อยากไป
ตอนนั้นไม่ว่าใครจะทำอะไรในบ้าน ก็จะอารมณ์เสียฮึดฮัดใส่ตลอด บ่นๆๆๆๆตลอด จนทะเลาะกับน้อง
วันแรกของการปฏิบัติ ก็ไม่วายทะเลาะกับแม่ นั่งกินโจ๊กก่อนเข้าคอร์ส ก็ชวนแม่ทะเลาะทำแม่เสียใจ พอเข้าปฏิบัติเชื่อไหมค่ะ ตลอดเวลาดิฉันว่าและบ่นแม่ตลอด ในใจนี่รุ่มร้อนตลอดเวลา ก็บ่นอยู่ว่าให้หนูมาคงได้บุญหรอกมีแต่กรรม อากาศที่นี่ร้อนมาก แต่ไม่ใช่ตากแดดนะค่ะ อยู่ในที่ร่มแต่อากาศร้อนมาก ยิ่งตอนเดินจงกลม เขาให้ลุกก็ต้องมีจังหวะและท่าทางต่างๆ จะทำทุกอย่างช้ามาก เอาง่ายๆเวลาแค่การก้มกราบพระ3ครั้ง กระบวนท่าและวิธีการต่างๆ กว่าจะเสร็จใช้เวลาประมาณ5นาที และระหว่างทำต้องพูดด้วย และลงท้ายด้วยหนอ มันมีช่วงที่เขาให้ลุก ปรากฏว่าดิฉันล้ม ก้นและฝ่ามือกระแทกพื้นดังตึก ทุกคนหันมามอง ดิฉันจุก พูดอะไรไม่ออก ขยับแทบไม่ได้ แต่ในหัวตอนนั้นมีแต่ความเขิล และความโกรธ(แม่)อย่างมาก การปฏิบัติต่อจากนั้นในหัวนี่มีแต่ความโกรธและความอคติที่มีต่อแม่ จนจบวัน
วันที่2 ก็ตื่น4.30 ง่วงมาก การปฎิบัติช่วงเช้าดิฉันหลับค่ะ บ่อยมาก แต่ก็ไม่ได้มีใครเข้ามาทัก พอเริ่มมีสติก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าแม่ แต่แปลกนะค่ะ พอเริ่มปฏิบัติเรื่อยๆ ความโกรธก็เริ่มลดลง อาการตอนนี้เหมือนน้อยใจในโชคชะตาตัวเองมากกว่าที่ต้องมาป่วยและก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะโรคนี้ ในวันนี้เขาบอกว่าพน.จะมีการพูดคุยกัน ดิฉันดีใจมากได้พูดซักที สิ่งแรกที่คิดคือ ถ้าได้พูดจะระบายเรื่องแม่ให้หมดทุกอย่างฮ่าฮ่าฮ่า (โคตรเลวมาก) และแล้ววันนี้ก็ผ่านไป ปล.เขาให้เข้านอนตอน20.30
วันที่3 วันนี้รู้สึก มันดูสงบแปลกๆ อารมณ์ที่คิดฟุ้งซ่านเริ่มหายไป เรื่องที่วันนี้จะมีการพูดก็หายไปสิ้น รู้ตัวอีกทีก็จะได้พูดแล้ว อารมณ์ที่ว่าจะพูดเรื่องแม่ตอนแรกก็เริ่มหาย แต่ก็ยังไม่หายไปหมด ก็พูดแต่ไม่ได้เชิงเคียดแค้น คนที่ฟังเขาก็อึ้งแหละ พยายามบอกว่ามันบาป หาเหตุผลมาอธิบาย และบ่งบอกผลที่จะได้รับ ดิฉันก็รับฟัง แต่ก็เหมือนไม่ได้สนใจไรมาก เพราะตอนนั้นเราไม่ได้โกรธแล้วนี่หว่า และพอดีว่าวันนี้ดิฉันต้องไปหาหมอ แม่จะมารับช่วงบ่าย คนที่ฟังก็พยายามให้ดิฉันอยู่ในวันรุ่งขึ้น เพราะวันต่อจากนี้จะแสดงให้เราเห็นถึงบุญคุณของพ่อและแม่ แต่ในใจไม่รู้ดิอยากนอนบ้าน พน.เช้ามาได้ไหม เขาก็ว่าได้ แต่ควรก่อน7โมง จนบ่ายแม่มารับดิฉันก็กลับ ยังไม่วายชวนแม่ทะเลาะระหว่างนั่งรถ สังเกตเห็นได้ว่าแม่ร้องไห้ ดิฉันรู้สึกผิดไหม บอกเลยอารมณ์ ณ ตอนนั้นไม่ แต่พอหลังจากนั้นสักพักก็เริ่มสำนึก เรื่องที่ทะเลาะตอนนั้นเป็นเรื่องที่ประมาณว่าทำไมแม่เป็นแบบนี้ฟังหนูบ้างซิ
หลังจากสำนึก ดิฉันก็พยายามเปลี่ยนเรื่องชวนแม่คุยเรื่องอื่น แปลกดีนะ ทำไมแม่หายโกรธเราง่ายจัง เรายังโกรธแม่ได้ทั้งวันเลย แม่เสียใจจนจะร้องไห้ ทำไมยังพยายามหันมาพูดคุยและยิ้มให้อยู่เลย หาหมอเสร็จก็กลับบ้าน และก็ได้รู้ความจริงว่า
"ทุกวันตอน4โมงเย็นแม่จะต้องแวะไปหาเรา ไปถามคนดูแลว่าเราเป็นอยู่อย่างไร หารู้ไม่ว่าเรา ณ ตอนนั้น ในใจกำลังว่าแม่อยู่ตลอดเวลาเลย"
เรายังว่าตอนเราบอกความจริงกับแม่ว่าหนูเล่าอะไรให้เขาฟังบ้าง แม่ทำท่าจะร้องไห้ ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดแม่ แม่ลางานพาเราหาหมอ ช่วงนี้แม่ลางานบ่อยมาก เพราะต้องคอยวิ่งรับส่งดิฉัน พาดิฉันไปหาหมอ พ่อยังบอกอีกว่าทุกวันแม่จะบ่นถึงดิฉัน ว่าเราทำบาปลูกรึป่าว ทรมานลูกรึป่าว ลูกจะอยู่สบายรึป่าว
ตอนนี้รู้สึกแย่มาก บาปครั้งนี้ไม่รู้ต้องกลายเป็นอะไร โชคดีหน่อยก็เกิดเป็นคน ที่มีพ่อแม่ไม่รัก พ่อแม่ทำร้าย หรือเป็นเด็กกำพร้าไม่มีแม่ อาจจะเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ถูกกินถูกฆ่า สิ่งที่คิดว่าตัวเองโชคร้าย ที่จริงโชคดีมากๆ มากถึงมากที่สุด ก็อยากจะเล่าให้ทุกคนให้ฟังในครั้งนี้ บาปบุญมันแก้กันไม่ได้ ทำได้แค่ อย่าสร้างบาปเพิ่ม สร้างบุญมาชลอให้บาปมันตามมาถึงตัวช้าลงเท่านั้นเอง อยากเตือนสติทุกคนไว้ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะค่ะ