วันนี้เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับธรรมชาติอันเขียวขจีของประเทศโครเอเชียกันค่ะ ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เน้นเดินป่าเดินเขาเป็นซะเป็นส่วนใหญ่ ใครจะตามรอยไปต้องฟิตร่างกายไปให้พร้อม ปวดขาเดินไม่ไหวไม่มีใครแบกกลับนะจ๊ะ  
เราจะเริ่มด้วยการ เดินป่าชมธรรมชาติและเยี่ยมชมน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ และนี่คืออุทยานแห่งชาติ Plitvička Jezera หรือที่เรียกว่า Plitvice Lakes National Park ค่ะ เป็นอุทยานที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของ UNESCO เลยทีเดียว

หลายปีก่อนโน้น มีคนเคยเอามาลงในอินเตอร์เน็ตและอ้างอิงว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ที่จังหวัดตรัง บ้างก็บอกว่ากระบี่ ซึ่งจริงๆแล้วมันอยู่กันคนละซีกโลกเลย นี่จึงทำให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดมาโดยตลอด  

เราเดินทางออกจาก Budapest ตอนประมาน 14.30 น. วันที่ 20 พ.ค. 2557 (ทริปต่อเนื่องจากเที่ยวบูดาเปสต์กระทู้ที่แล้ว http://pantip.com/topic/32218506)
มีผู้ใหญ่ใจดีอาสาขับรถมาส่งค่ะ เส้นทางนี้จะมุ่งหน้าไปทาง Lake Balaton (ทางตะวันตกของประเทศฮังการี) และข้ามเขตชายแดน ฮังการี - โครเอเชีย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง "Letenye" และ "Goričan" ใช้เวลาประมาน 4 ชั่วโมง (เข้าเขต Zagreb) จะขับเร็วมากหรือช้ามากก็ไม่ได้ เค้าจะมีป้ายจำกัดความเร็วอยู่ตลอดทาง และสำหรับสาวๆคนไหนที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆขอบอกว่าเจอปั้มเมื่อไหร่ให้แว๊ปจอดทันที เพราะเมื่อข้ามเข้าชายแดนโครเอเชียแล้วปั้มหาแทบไม่เจอเลย...

ปั้มน้ำมันที่โครเอเชีย,ผู้ใหญ่ใจดีและเดอะแกงค์ จอดเข้าห้องน้ำหลังจากข้ามเขตชายแดนมาได้ 30 กม.

หลังจากขับมาเรื่อยๆจนเข้าเขต Zagreb แล้วเรายังไม่ถึงซะทีเดียว เพราะที่ๆเราจะไปมันแยกออกไปอีกเส้นทางนึงมุ่งหน้าไปทาง Split ให้ขับตามป้ายมาเรื่อยๆค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงทาง แต่พอเริ่มออกมานอกเมืองถนนมันกลายเป็นวิ่งได้เลนเดียว มีซ่อมแซมถนนอยู่ตลอดทางและช่วงโค้งหรือพวกเนินบนเขาเยอะมาก หวาดเสียวก็กับรถบรรทุก,รถบัสที่วิ่งสวนมาแทบจะเหาะกันเลยทีเดียว ต้องระวังให้มากๆ...และในที่สุดเราก็มาถึงก่อนตะวันตกดิน (จริงๆแล้วตอนที่ขับมาถึงมัน 1 ทุ่มแล้วค่ะ แต่ตะวันยังไม่ลับฟ้าเลย)

คืนนี้เราพักที่นี่กัน ออกแนวบ้านพักตากอากาศ

ห้องพักสะอาด กว้างขวางพอประมานไม่อึดอัด บรรยากาศดีมาก ดูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด 100% อยู่กลางป่าของแท้แน่นอน
ใครสนจนลองเข้าเช็คราคาได้ใน booking.com ที่พักชื่อ Golden Lakes Rooms  ราคาที่จองได้ตอนนั้นคือ 75 Euro/คืน และราคาที่พักแถวๆอุทยานจะแพงพอๆกันหมดทุกที่ค่ะเราเช็คมาหมดแล้ว คือแบบที่ถูกกว่านี้ก็มีนะค่ะไอที่เค้าไปรีวิวกันว่ามันเดินได้ 15-20 นาที ไม่ไกลๆ เอาเข้าจริงๆคือมันไกลมากและถ้ายิ่งเดินกลับกลางคืนนี่หลอนใหญ่ เพราะไฟตามทางแทบไม่มี มืดสุดๆ วังเวงจับใจ ส่วนที่ดิฉันพักถ้าให้คำนวณการเดินไปยังทางเข้าอุทยานก็น่าจะราวๆ 15-20 นาทีเช่นกัน (นี่ตอนเลือกเราก็ว่ามันใกล้กว่าที่อื่นแล้วนะ)
แนะนำให้จองล่วงหน้านานๆหน่อยนะค่ะ เพราะห้องจะเต็มไวมาก และราคาห้องจะเพิ่มขึ้นตามฤดูท่องเที่ยว หลีกเลี่ยงช่วงหน้าร้อนของยุโรปเพราะคนจะเยอะเป็นมดเลย แล้วห้องพักก็แพงแบบ 2-3 เท่าของราคาปกติ

ประเทศนี้การจองห้องพักไม่ว่าจะเมืองไหนๆ เค้าจะรับจองก่อนแล้วจ่ายวันเข้าพักค่ะ ส่วนใหญ่จะระบุว่าให้จ่ายเป็นเงินสกุล Croatian Kuna เท่านั้น (1  HRK = 5.8 THB) แต่เนื่องจากดิฉันงก เพราะถ้าต้องเอายูโรที่มีอยู่ไปแลกอีกโดนชาร์ตอีกหลายบาทเลยลองเสี่ยงเอายูโรที่มีอยู่ไปตล่อมๆถามก่อน ใช้มุขว่ายังไม่แลกตังมาเลย...บลาๆ เค้าก็รับค่ะ ไม่เรื่องมากด้วย

ส่วนมื้อค่ำวันนี้ ต้องขับรถออกมาหากินกันข้างนอก เพราะแถวๆที่พักไม่มีร้านเปิดเลย คิดว่าอาจจะยังอยู่ในช่วง Low season น่ะค่ะ ทางโรงแรมเค้าก็เสนอมาใน email นะคะว่าจะจอง dinner เลยไหม มีเป็น set ให้ตามที่เค้าจัด 20 ยูโร/คน คือเราว่ามันแพงเวอร์อ่ะเลยปฏิเสธเค้าไป จากนั้นเราเลยขับย้อนกลับไปทางเดิมที่เราเดินทางมา ประมาน 10 นาที (จริงๆเล็งไว้ตั้งแต่ตอนแรกเพราะหิวกันแล้ว)
จัดไปมื้อแรกปลาเทราต์จากแม่น้ำแถบนั้น ตัวใหญ่ๆ สดๆ เนื้อเด้งๆ หวานๆ ทานกับเบียร์เลม่อนหรือบางคนเรียก Redler(เบียร์ผสมพวกน้ำผลไม้ต่างๆ) เข้ากันดี๊ดีค่ะ...ต้องลองยี่ห้อนี้นะ "Karlovačko" รสชาติดีและไม่แรง ผู้หญิงดื่มได้เบาๆ


เช้าวันต่อมาเราตื่นแต่เช้า ทานอาหารเสร็จก็ตรงดิ่งไปที่อุทยานเลยค่ะกลัวคนจะเยอะ เรามาถึงประมาน 8 โมงเช้า อากาศยังเย็นอยู่เลยประมาน 18 องศา...ดีที่ใส่แขนยาวมากับได้ผ้าพันคอที่เอาติดกระเป๋ามาด้วย เลยได้พันคออุ่นๆ
สิ่งที่ต้องเตรียมไว้ในเป้และไม่ควรพลาดสำหรับการเดินป่านะค่ะ น้ำดื่มขวดเล็กหรือกลางไว้จิบระหว่างเดิน, แจ็คเกทหรือผ้าพันคอสำหรับใครที่มาช่วงหน้าหนาวหรือใบไม้ผลิ เพราะอากาศในอุทยานจะเย็นลงอีก 2-3 องศา , หมวก, ครีมกันแดดทามาเลยค่ะใครเดินป่าหน้าร้อน, ร้องเท้าแตะ(ใส่ขากลับหรือตอนอากาศเริ่มร้อน), ยาหม่อง เผื่อใครความดันต่ำอาจจะเวียนหัวได้, แซนวิช ห่อมาเลยค่ะ ใครที่ต้องเดินเส้นทางแบบ 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป, ใส่ร้องเท้าหุ้มส้นหรือรองผ้าใบ แฟชั่นส้นสูงเก็บไว้ที่บ้านนะค่ะ และที่ขาดไม่ได้เลยคือกล้องถ่ายรูป

ใครนำรถมาต้องเข้าไปจอดข้างในนี้ค่ะ ต้องจ่ายเงินและซื้อตั๋วเข้าชมอุทยานที่นี่ ส่วนทางเข้าอุทยานจริงๆจะต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝากอยู่เยื้องๆกัน

เส้นทางที่เราเลือกเดินในวันนี้เป็นโปรแกรม F ใช้เวลาเดิน 3 - 4 ชั่วโมงค่ะ (อยากจะเดินโปรแกรม 6-8 ชั่วโมงนะแต่กลัวผู้ใหญ่ใจดีของเราเดินไม่ไหว)

อุทยานจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7:00 น - 20:00 น. ส่วนช่วงหน้าหนาวอาจจะปิดเร้วขึ้นค่ะ สามารถเช็คราคาและข้อมูลได้ตามหน้าเวปไซต์อุทยานเลย >>> http://www.np-plitvicka-jezera.hr/en

หน้าตาตั๋วจะเป็นแบบนี้ค่ะ ด้านหน้าและด้านหลัง


รูปนี้จะเป็นทางเข้าอุทยานนะค่ะ ที่บอกว่าต้องข้างฝั่งมา ง่ายๆคือเดินมาจนเจอป้ายทางเข้าของ Bellevue Hotel และ Plitvice Hotel แล้วก็เดินตรงเข้าไปเลยค่ะจะมีป้ายเครื่องหมายบอกทางลงเรือ หรือ รถบริการ


เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ ไม่นานเราก็เจอประตูทางเข้าอุทยานค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วยืนอยู่


โปรแกรมนี้เราตัดสินใจว่าจะนั่งเรือข้ามฟากก่อน P2 แล้วก็ข้ามฟากอีกทีไปยัง P3 จากนั้นก็จะเป็นการเดินขึ้นเขาชมน้ำตกในมุมต่างๆ ส่วนขากลับจาก St 1เราก็นั่ง Shuttle กลับมายังจุดเริ่มต้นค่ะ

ระหว่างทางเดินไปขึ้นเรือข้ามฝากก็ว้าวแล้ว...


เรือนี้จะข้ามไปยังจุด P2 ค่ะ


ระหว่างเรือกำลังเคลื่อนไปอีกฝากก็ได้วิวนี้มา


ประมาน 5 นาทีเรือก็ข้ามมาถึงอีกฝั่งค่ะ มีเจ้าหน้าทียืนรอรับอยู่


เรือจะออกทุกๆ 30 นาที เราเลยลงไปเดินสำรวจป่าแถวนี้กัน


เราเดินตามสะพานไม้ไป มีธารน้ำตกเล็กๆ หลายแห่ง น้ำไหลแรงและใสมากค่ะ


ระหว่างทาง นั่งเรือข้ามฟากไปยังจุด P3 คราวนี้นั่งนานหน่อยประมาน 15 นาทีค่ะ แต่เพลินตามากๆไม่น่าเบื่อ


เรามาถึงแล้ว สวยมากจริงๆ บรรยากาศดีสุดๆ บางคนก็พาน้องหมามาเดินป่าด้วย ณ จุดนี้ใครอยากเข้าห้องน้ำหรือทานอาหาร เค้าก็มีให้บริการค่ะ


ไก่ย่างก็มีนะจ๊ะ แต่ราคาอาจจะโหดหน่อย


พักได้ 15 นาที ก็เดินต่อรอบนี้เดินขึ้นเขาจริงๆ แต่นี่ขนาดมาฤดูใบไม้ผลิ แต่กรุ๊ปทัวร์และกรุ๊ปเด็กนักเรียนที่เดินสวนกันไปมาก็มีตลอดทาง


เดินขึ้นเขามาได้พักใหญ่ๆ ในที่สุดเราก็เริ่มเห็นอะไรบ้างแล้วนอกจากต้นไม้


จากจุด P3 เดินขึ้นเขามาเรื่อยๆจนได้เห็นแม่น้ำและน้ำตกไกลๆแล้ว มองดูนาฬิกาอีกทีเราเดินทางกันมา 2 ชั่วโมงครึ่งแล้วค่ะ หันหลังไปมองผู้ใหญ่ใจดีข้างหลังเรายังเดินอยู่ไกลลิปเลย ท้ายที่สุดเค้าก็บอกว่าเดินไม่ไหวแล้วเป็นหอบ ดีที่พกยาหม่องไปด้วยเลยให้คุณป้านั่งดมนั่งพักอยู่ที่ St 1 แล้วเหล่าผู้กล้าก็ออกเดินทางต่อและในที่สุดเราก็มาถึงจุดชมวิวยอดฮิต ภาพนี้ขอยืนยัน-นั่งยัน-นอนยันอีกทีว่าอยู่ที่โครเอเชียแน่นอนค่ะ!


ขอแบบเต็มๆ...จัดให้


ทางเดินช่วงบนเขานี้ขอย้ำว่าต้องระวังมาก เพราะทางแคบและคนก็เดินสวนกันไปมาเป็นระยะ ที่สำคัญคือมันไม่มีรั้วกั้น
เดินต่อมาได้อีกสักพักก็เห็นน้ำตกจากฝั่งตรงข้ามค่ะอลังการมากๆ


แต่คราวนี้จะไปดูน้ำตกนั่นใกล้ๆได้ยังไง เราก็ต้องเดินลงเขาค่ะ เดินวนไปวนมาจนถึงตีนเขาแล้วก็ข้ามสะพานไม้ไป ระหว่างทางก็จะเห็นคนเดินสวนกันไปมา มีทุกวัยเลยจริงๆนะ ตั้งแต่เด็กน้อยในรถเข็น เด็กตัวเล็กๆที่เพิ่งเดินได้ วัยรุ่น ปาไปถึงวัยชราก็มีนะคะ
น้ำตรงแถวๆตีนเขาจะนิ่งมาก มันจะมีฝูงปลามารวมตัวกันอยู่ ดูๆไปมันก็น่าจะใช่เจ้าปลาเทร้าต์ที่ข้าพเจ้ากินไปเมื่อคืนนี่นะ...เอิ่ม...


ข้ามสะพานไม้มาแล้วเราก็จะเจอทางไปน้ำตกค่ะ ต้องบอกก่อนว่าช่วงที่ดิฉันไปมันเป็นช่วงน้ำหลากอยู่ น้ำแรงจริงๆ ตกลงไปนี่ก็คงไม่มีใครช่วยละค่ะ แต่เค้าก็ทำสะพานเสริมให้อีกทีนะ มันก็โยกๆเยกๆ ระทึกดี...


น้องหมาตัวโชคดีมากๆ ได้มาเที่ยวกับเค้าด้วย


เดินมาจนสุดทางก็เจอน้ำตกใหญ่ยักษ์ที่เรามองเห็นมาแต่ไกล

จากจุดนี้เราต้องเดินวกกลับค่ะมันไปต่อไม่ได้และเราก็ต้องกลับขึ้นเขาไปยังจุด St1 เพื่อรอรถ Shuttle ตีกลับไปยังทางเข้าอุทยาน เสียดายที่เวลามีน้อย อยากจะเดินให้ทั่วทุกจุดจริงๆแต่คงไว้คราวหน้าละกัน และทั้งหมดนี้เราใช้เวลาเดิน 4 ชั่วโมงครึ่งค่ะ เป็นไปตามแผนเกือบพอดี

รถบริการจะเป็นแบบนี้

เก็บภาพดอกไม้ป่าริมทางเดินมาฝากด้วย


ก่อนจบกระทู้นี้มีภาพวิวระหว่างทางมาฝากค่ะ


เชิญติดตามกระทู้ที่ 2 ได้แล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวเมือง Split กัน >>> http://pantip.com/topic/32346791

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ