“โอปอล์”เดือด!ถูกอดีตคู่หมั้นน้องชายสั่งห้ามใช้แบรนด์”กาแฟมงคล” ประกาศทวงลิขสิทธิ์คืน (มีคลิป)




ถูกคู่กรณีซึ่งเป็นอดีตคู่หมั้นของน้องชายยื่นโนติสท์ให้หยุดใช้ชื่อร้าน “กาแฟมงคล” ซึ่งมีอยู่ 5 สาขาเพราะอ้างว่าตนได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งตนก็มีแฟรนไชส์เป็นสิบสาขา หากครอบครัวของสาวโอปอล์ยังใช้ชื่อนี้อยู่อาจจะทำลูกค้าสับสน ล่าสุดนักแสดงและพิธีกรคนเก่ง “โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล” พร้อมด้วยทนาย ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด ณ O’s Coffee ยูเนียนมอล์ล ชั้น 4

“อย่างที่ทุกท่านทราบว่าปอล์และครอบครัวมีธุรกิจร้านกาแฟ ซึ่งร้านนี้ตั้งขึ้นมาครั้งแรกปลายปี 2549 ตอนนั้นปอล์เข้าวงการได้สักพักและเริ่มมีเงินเก็บก็เลยอยากทำฝันอยากมีร้านกาแฟของพ่อได้เป็นจริง ก็ไปเช่าที่ปากซอยหน้าบ้านเปิดเป็นร้านกาแฟเล็กๆ เป็นร้านต้นไม้ พอต้องเปิดร้านก็คุยกับพ่อว่าใช้ชื่ออะไรดี ตอนนั้นที่ร้านโต๊ะที่ใช้จะเป็นโต๊ะนักเรียนเก่าที่พ่อสะสมไว้ ซึ่งมีลายมือเด็กเขียนไว้ โต๊ะนึงเขียนประมวล อีกโต๊ะนึงเขียนมงคล พ่อก็เลยบอกว่าฉะนั้นร้านกาแฟเราตั้งชื่อว่าร้าน “ประมวลมงคล” ดีกว่า ก็เลยเป็นที่มาร้านกาแฟร้านแรกที่ชื่อ “ประมวลมงคล” ซึ่งเป็นธุรกิจในครอบครัว แล้วพ่อกับน้องชายคนโตก็แยกกันไปเรียนสูตรกาแฟและนำมาพัฒนากันเรื่อยๆ แม่คอยเสิร์ฟ ส่วนปอล์ช่วยพีอาร์ จนผ่านไปเดือนนึงเรารู้สึกว่าทำกันเองไม่ไหวแล้ว ก็เลยไปทาบทามแฟนของน้องชายปอล์ตอนนั้น เขาเป็นคู่หมั้นกันนะคะ ให้มาช่วยที่ร้านเพราะมันธุรกิจครอบครัวและเราก็เห็นว่าเขาเป็นครอบครัว เขาก็บอกว่าได้และลาออกจากงานประจำ และเขาขอมาทำงานที่ร้านเราด้วย เราก็ตกลง ตอนนั้นธุรกิจร้าน “ประมวลมงคล” ก็ดำเนินมาได้ปีกว่าขายดีมาก จนเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่ ท่านแก่แล้วค่ะและร้านเราไม่จ้างใครเลย มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ปอล์เลยเริ่มรู้สึกว่าเราต้องปิดร้านกาแฟสาขาแรกที่หลักสี่แล้ว แต่ก็ยังเสียดายสูตรกาแฟเพราะพ่อเราคิดมา เอาเพื่อนไปเทสต์กาแฟกว่าจะได้แต่ละแก้ว ก็เลยไปหาทำเลใหม่กันดีกว่า เอาที่ใกล้แหล่งชุมชน คนเข้าถึงได้ง่าย เปกน้องชายก็เลยไปหาจนได้อยู่ที่สยาม อยู่ตรง 29 พลาซ่า ปอล์ก็บอกพ่อว่าถ้าเรากาแฟเราไปสยามแล้วชื่อ “ประมวลมงคล” คนคงไม่เข้าใจ เปลี่ยนชื่อดีกว่า พ่อก็เลยบอกว่าตัดคำว่าประมวล แล้วเอาคำว่า “กาแฟมงคล” ความหมายดีและคนเข้าใจด้วย ปอล์ก็ลงทุนด้วยเงินเก็บก้อนแรกของปอล์ให้เปกเปิดร้านกาแฟที่สยามใช้ชื่อว่าร้าน “กาแฟมงคล” โดยที่ปอล์พีอาร์เหมือนเดิม แล้วเปกกับแฟนเขาก็ช่วยกันดูแลร้าน ร้านกาแฟมงคลก็เจริญเติบโตไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร”

“จนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เปกกับแฟนเลิกกัน ซึ่งมันเป็นปัญหาส่วนตัว เราก็ไม่ยุ่ง เรารู้สึกว่าในเมื่อทำร้านมาด้วยกัน พอเลิกกันก็ต่างคนต่างแยกกันไปทำสาขาสิ เขาก็ไปทำร้านสาขาของเขา ไปขายแฟรนไชส์ ส่วนร้านของปอล์กับเปกไม่มีแฟรนไชส์ต้องทำกันเองเพราะมีไม่กี่สาขา ถ้ารวมที่เปิดที่ยูเนี่ยนมอล์ได้เดือนนึงก็มีแค่ 5 สาขาเอง เรื่องราวผ่านไปไม่มีอะไรเลยค่ะ จนเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เขาส่งหมายจากทนายของเขามาว่าให้โอปอล์ โอเปกและครอบครัวเลิกใช้คำว่า “กาแฟมงคล”ที่พ่อปอล์คิดขึ้น เพราะเขาไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ประหลาดใจ ก็พยายามที่จะมีการพูดคุยกันและอีก 1 เดือนต่อมา 16 มิถุนายน เขาก็โทรมาหาปอล์ซึ่งพี่โอ๊คเป็นคนรับสาย เขาโทรมาบอกว่าขอยืนยันให้ปอล์และครอบครัวเลิกใช้คำว่า “กาแฟมงคล” ไม่งั้นเขาจะดำเนินคดีทางกฎหมาย ปอล์ก็ถามเขาว่าปัญหามันคืออะไร ทำไมเราไม่คุยกันดีๆก่อนเพราะว่าคุณก็รู้อยู่ดีกว่าร้านกาแฟนี้เป็นร้านของบ้านฉัน แล้วชื่อนี้พ่อฉันก็เป็นคนคิด เรามาคุยกันไหมว่าปัญหามันคืออะไร เขาก็บอกว่าปัญหาคือเขามีแฟรนไชส์เป็น 10 สาขา ปอล์มีแค่ 5 สาขา แต่พอเวลาพูดคำว่ากาแฟมงคลคนจะเข้าใจว่าเป็นร้านของปอล์หมด ซึ่งเขาไม่ได้เครดิต เขารู้สึกว่าทำงานแล้วโดนเอาเปรียบ ปอล์ก็เลยบอกว่าเพื่อเห็นแก่อดีตที่เราโตกันมาเป็น 10 ปีนะ ถ้าปัญหามีแค่นี้ เดี๋ยววันต่อมาพี่ปอล์จะขึ้นไอจีเลยว่าร้าน “กาแฟมงคล”ของพี่ปอล์จริงๆมีแค่ 5 สาขาเท่านั้น สบายใจไหม เขาก็บอกโอเคสบายใจ วันต่อมาปอล์ก็เลยอัพไอจีว่าร้านกาแฟของปอล์มีแค่ 5 สาขาเท่านั้น ส่วนสาขาอื่นเป็นของเขา เราดำเนินการด้วยดี แทนที่ทุกอย่างจะจบ เขาดันโกรธขึ้นมาอีก แล้วก็เริ่มตั้งสเตตัสทั้งเฟสบุ๊ค และไอจี ให้การบิดเบือนข้อเท็จจริง จงใจให้เกิดการเกลียดชังครอบครัวปอล์ เช่น เขาตั้งสเตตัสว่า เขาเป็นคนเปิดร้านกาแฟมงคลขึ้นและร่วมกันบุกเบิกกับพี่ชายเขา เปิดกิจการครั้งแรกและดูแลร้านเป็นอย่างดี อันนี้คือสิ่งที่เขาบอกกับพี่ชายเขา ซึ่งข้อเท็จจริงมันมีอยู่ว่าเขาจะมาบุกเบิกร้านที่พ่อปอล์คิดชื่อ ร้านที่ใช้เงินปอล์ลงทุนและน้องชายปอล์บริหารได้อย่างไร หรืออีกอันที่เขาบอกว่า เขาเป็นคนคิดสูตรเมนูทุกสูตรของร้านนี้ เลือกเมล็ดพันธุ์ทุกอย่างด้วยตัวเขาเอง ซึ่งข้อเท็จจริงมันมีอยู่ค่ะว่า ถ้าเอาสูตรแรกเลยคือพ่อปอล์คิดด้วยซ้ำและหลังจากนั้นทุกคนช่วยกันพัฒนาสูตรกันขึ้นมา ไม่ว่าเขาจะโพสต์อะไรในเรื่องของร้านฝั่งเขา เขาจะแท็ก มงคลยูเนี่ยนมอลล์ซึ่งเป็นร้านปอล์ เช่น มงคลยูเนี่ยนมอลล์อร่อยไหม ถ้าอร่อยเป็นเพราะสูตรเขา จะทำแบบนี้ตลอดเป็นเวลาหลายอาทิตย์เลยค่ะ ปอล์พยายามใจเย็น ไม่เป็นไรคนเคยรู้จักกัน จนฟางเส้นสุดท้ายมาขาดวันที่ 21 มิถุนายน เขาโทรหาอีกครั้งนึงเพื่อบอกให้ปอล์ขึ้นขอโทษเขาทางไอจีว่าเขาคือ ออริจินัลแต่ปอล์ไม่ใช่ และปอล์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น และสองถ้าปอล์ยืนยันจะใช้ชื่อร้านกาแฟมงคลก็ต้องขอให้เจรจาซื้อแฟรนไชส์กับเขา สิ่งตรงนี้ปอล์คิดว่ามันเกินไปนะคะ”

“วันนี้ปอล์ตั้งโต๊ะขึ้นมาเพื่อจะชี้แจงว่า หลังจากนี้ปอล์และครอบครัวไม่มีความเกี่ยวข้องกับร้าน “กาแฟมงคล” หรือ “มงคลคอฟฟี่” สาขาใดนอกจาก 5 สาขาที่ปอล์มีคือ “ยูเนี่ยนมอลล์ , จามจุรี สแควร์ ชั้น 2 , ยูเซ็นเตอร์ จุฬา 42 , อโศก , หาดใหญ่ และเพื่อความชัดเจนปอล์ขอเปลี่ยนชื่อร้านกาแฟเป็น O’s Coffee แปลว่า กาแฟของโอปอล์ โอเปก โอเปิ้ล จะได้ชัดเจนไปเลย และปอล์มีความจำเป็นต้องขอดำเนินการทางกฎหมายกับเขาเพราะว่าสิ่งที่เขาให้ข้อมูลใดๆทั้งเฟสบุ๊ค , ไอจี เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและจงใจให้เกิดความเสียหายและเกลียดชังต่อครอบครัวปอล์ทั้งสิ้น ซึ่งปอล์ไม่ได้เป็นคนยิ่งใหญ่ ร่ำรวยจากไหนเลย (เสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้า) ร้านกาแฟนี้ปอล์ตั้งใจจริงๆที่จะทำให้กับพ่อและครอบครัวปอล์ เลยมีความจำเป็นของดำเนินการทางกฎหมาย”

ทนาย : “ขอแจ้งให้ทราบว่าทางทีมทนายของเรากำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญากับคู่กรณี สำหรับประเด็นที่ฝ่ายนั้นโชว์หลักฐานการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และได้มีการแชร์ข้อมูลนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ผมก็ขอแจ้งให้ทราบว่านั่นเป็นแค่หลักฐานทางทะเบียนนะครับ หากเรามองย้อนกลับมามองถึงสิทธิ์ที่แท้จริงของการเป็นเจ้าของ ของเครื่องหมายกาค้าแล้ว จะพบว่าเขาไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเครื่องหมายการค้านี้เลยนะครับ เขาไม่ใช่คนคิดและใช้เครื่องหมายการค้านี้เป็นคนแรก ดังนั้นเมื่อเขาเอาไปจดทะเบียนอย่างไม่มีสิทธิ์ ทางเราจำเป็นต้องฟ้องเพื่อถอนเครื่องหมายการค้ารายนี้ ที่ผ่านมามีการเพิกถอนเครื่องหมายการค้าในลักษณะนี้หลายเครื่องหมายแล้ว ในเมื่อไม่มีสิทธิ์เอาไปจกทะเบียน เราเป็นเจ้าของที่แท้จริงก็ต้องฟ้องเพิกถอนนะครับ ทางเรามีพยานหลักฐานสำคัญที่พร้อมจะพิสูจน์การในศาลเพื่อให้ความจริงได้ประจักษ์ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นของใครกันแน่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆผมไม่สามารถเปิดเผยได้ในที่นี้เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี เอาไว้ค่อยไปว่ากันในศาลนะครับ ขอบคุณครับ”

โอปอล์ : “ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ปอล์และทีมทนายได้รวบรวมหลักฐานที่เขาบิดเบือนข้อทเจจริงเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นจะแจ้งไปทางเขาและพวกพ้องของเขาว่าให้หยุดกระทำการใดๆที่จะนำความเสื่อมเสียให้ปอล์และครอบครัว เพราะนั่นจะกลายเป็นหนึ่งหลักฐานสำคัญที่เราใช้ในชั้นศาล มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆของคนอื่นนะคะ แต่นี่เป็นความตั้งใจจริงๆเพราะเราทำงานเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ขึ้นมา อยากจะดูแลครอบครัวเราด้วยธุรกิจที่เราตั้งขึ้นใจทำมาหลายปีแล้ว อยากให้เรื่องปอล์เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนเลยค่ะ คนที่อยากมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ของครอบครัว อะไรที่เป็นลิขสิทธิ์ของคุณจดมันให้ถูกต้องนะคะ อย่าไว้ใจคนที่โตมากับคุณ อย่าไว้ใจคนที่คุณดูแล เลี้ยงดู คนที่รู้จักคุณมาเป็นสิบปี คนที่คุณคิดว่าเขาเป็นครอบครัวเพราะมันไว้ใจไม่ได้จริงๆค่ะ”

เสียความรู้สึกกับสิ่งที่คู่กรณีกระทำต่อครอบครัว
“เสียใจค่ะ อย่างที่บอกว่าเราเข้าใจจริงๆว่าเขาเป็นคนในครอบครัว เราโตกันมา เขาเห็นตอนลำบาก เขารู้ว่าร้านกาแฟนี้พ่อปอล์ตั้งชื่อ แล้วปอล์ก็ตั้งใจจะทำให้พ่อปอล์ เขารู้ทุกอย่าง พอเป็นคนใกล้ชิดมันก็เลยเสียใจค่ะ”

สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อ
ทนาย : “ตอนนี้ถ้ายังใช้ชื่อเดิม ผู้บริโภคเองยังสับสนอยู่ ของเราเป็นการหยุดใช้ชั่วคราว เมื่อเราทวงแบรนด์คืนมาได้ เราก็จะเอามาบริหารจัดการต่อนะครับ”

คู่กรณีได้ยื่นฟ้องเราหรือไม่
ทนาย : “เขายื่นโนติสท์ให้หยุดใช้เครื่องหมายการค้านี้ครับ”

จะมีการเคลียร์กันหรือไม่
โอปอล์ : “ปอล์พยายามขอเจรจามาหลายครั้ง เขายืนกรานจริงๆ เราก็เลยไม่คุยแล้วดีกว่า”

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ









http://www.rakdara.net/home/?p=68086
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่