คิดยังไงที่ศุลกากรกำหนดให้บุคคลสามารถนำของใช้ส่วนตัวเข้าประเทศได้ไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท

จากที่สำนักงานศุลกากรได้มีการติดป้ายประกาศแจ้งผู้โดยสาร และลูกเรือที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยว่า บุคคลสามารถนำของใช้ส่วนตัว (Personal Effect) เข้าประเทศได้ไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท โดยต้องไม่มีลักษณะทางการค้า
เสบียง อาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอาง ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
บุหรี่/ยาสูบ/สุรา/ไวน์ นำเข้าได้ในจำนวนจำกัด
บุหรี่/ยาสูบ-ได้รับการยกเว้นเพียง 200 มวน
สุรา/ไวน์-ได้รับการยกเว้นเพียง 1 ลิตร
ของฝากญาติ ของบริจาค ของสะสม ของมือสอง ของฝากเจ้านาย ไม่ถือว่าเป็นของใช้ส่วนตัว

ส่วนผู้โดยสารและลูกเรือต้องชำระภาษี โดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากร ก่อนการตรวจโดยเครื่อง x-ray มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ส่วนของมีราคา เช่น กระเป๋า นาฬิกาแบรนด์เนม หากมีราคาเกิน 10,000 บาท ต้องชำระภาษี
รายละเอียดไปอ่านได้ตามนี้ http://www.thairath.co.th/content/433559

โดยส่วนตัวเราว่ากำหนดเพดานที่10,000 มันต่ำไปมั้ย
แล้วของฝากญาติ ของบริจาค ของสะสม ของมือสอง ของฝากเจ้านาย ไม่ถือว่าเป็นของใช้ส่วนตัว เลยต้องเสียภาษี
อยากรู้ว่าจะเอาวิธีไหนแยกแยะเหรอ

ถ้าเป็นของๆเราอยู่แล้วที่เอาออกนอกประเทศไปด้วยล่ะ แล้วถ้าไปซื้อจากตลาดนัดเมืองนอก หรือซื้องานหัตถกรรมจากชาวบ้านที่ไม่มีใบเสร็จล่ะ?
แล้วถ้าโดนกล่าวหาว่าเป็นของที่ไปซื้อมาใหม่จะทำยังไง

เราไปค้นในเว็บศุลกากร http://internet1.customs.go.th/ext/Formality/AirportFormalities.jsp
ก็ได้ตามนี้
ของที่ได้รับยกเว้นอากร
           (1) ของใช้ส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนสำหรับใช้เอง เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องประดับ รองเท้า นาฬิกา ปากกา แว่นตา น้ำหอม เป็นต้น หรือของใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ มูลค่าไม่เกิน 10,000.00 บาท จะได้รับการยกเว้นอากร ทั้งนี้ ต้องมีเอกสารใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน หากไม่มี เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตาม หลักฐานอื่นประกอบ แต่ของใช้ส่วนตัวดังต่อไปนี้จะต้องมีปริมาณไม่เกินที่กำหนด....

เราว่าว่าถ้าเอามาบังคับใช้จริงในทางปฏิบัติคงยุ่งมากๆเลย

แล้วคนอื่นๆคิดยังไงกันบ้างคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่