จะเรียกว่านี่เป็นการสารภาพบาปไปพร้อม ๆ กับการระบายไปด้วยแล้วกัน
เราเรียนออกแบบศิลปะ ไม่ได้เป็นคนเก่งอะไรมากแต่พอมีทักษะอยู่บ้าง คือเราก็เป็นคนนึงที่กำลังฝึกงาน เรายอมรับว่าเราทุ่มเทกับสิ่งที่เราทำมาก... เรารักที่จะทำงานที่เขามอบหมาย เป็นงานที่เราถนัด เพียงแต่เรายังรู้ไม่ดีพอ ทำให้ต้องปรับแก้งานบ่อยแต่มันก็ยังคงโอเคอยู่ ที่เราไปกับมันได้
ใจจริงของเราคือหวังแต่ว่าได้ประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ และให้มันผ่าน ๆ ไปซะ ได้คะแนน ได้เกรดให้มันจบ ๆ ไป แต่ขอย้ำว่าเราจริงจังและตั้งใจกับผลงานของเราในที่ฝึกงานมาก...
ขอไม่ระบุที่ ๆ เราเรียนก็แล้วกันว่าที่ไหน แต่คงเดาไม่ยาก เพราะเราฝึกงานไปด้วยแล้วต้องกลับไปเรียนที่ม.ด้วย เพราะฉะนั้น รายวิชาจึงเป็นสหกิจ ที่ม.และที่ฝึกงานต้องร่วมกันลงคะแนน ส่วนที่ฝึกงาน
เราเป็นคนใส่ใจรายละเอียดในสิ่งที่เราทำงานมาก แต่รายละเอียดในการใช้ชีวิตกลับมีน้อย เลินเล่อ ขี้ลืม เราฝึกงานได้เดือนนึงก็ต้องไป ๆ กลับ ๆ ที่ม. นั่นก็เพราะที่ฝึกงานและบ้านของเรา กับม.และหอพักของเราอยู่ไกลกันมากนะ เราก็ไปเรียน บ้าง ขาด บ้าง ด้วยความขี้เกียจไปกลับ และเพราะไม่อยากออกค่าเดินทางมาก ลำพังการเดินทางไปกลับในกรุงเทพก็ใช้เงินกว่าร้อยแล้ว นั่นทำให้เราเรียนไม่ทันเพื่อน ซ้ำ งานที่ึฝึกงานก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนบางตรั้งเราทำไม่ทันจึงต้องส่งในวันถัดไป จากสปิริตและไฟที่ลุกโชนของความเต็มที่ของเราที่มันเต็มร้อย ตอนนี้ลดลงเรื่อย ๆ ลดจนความขี้เกียจเข้าครอบงำ
ที่ึกงานเราเป็นที่เล็ก ๆ แต่ซีเรียสเรื่องเวลาเข้าออกงานมาก แล้วต้องเริ่มเข้างานแต่เข้าก่อน 8 โมง ออกงาน 5 โมงเย็น เราเป็นคนนอนดึกจึงต้องปรับเวลาชีวิตให้กลับมาเหมือนเดิม ก็เป็นไปไม่ได้หรอกว่าเราจะไม่สายเลย เอาเป็นว่า นับวันได้เลยว่าเรามาเช้าไม่ถึงสิบวัน คือถึงที่ฝึกงานเจ็ดโมงครึ่งถึงก่อนแปดโมง นอกนั้นเวลาปกติ เราจะถึงที่ึกงานประมาณแปดโมงห้าถึงสิบนาที มีสายสุด ๆ ไม่เกินห้าครั้ง คือ ประมาณแปดโมงยี่สิบ ถูกต่อว่าหลายครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่จำนะ แต่เราทำได้ไม่ได้ตลอด
ผ่านไปจนถึงอีกเดือนหนึงเกือบปลายเดือน ต้องไปส่งงานที่ม. นั่นทำให้เราหยุดงานที่ฝึกงานบ่อยมาก และหลายครั้งเป็นเวลาสิบกว่าวัน แต่ก็คุ้ม เพราะสุดท้าย เราก็สามารถเรียนจนจบในรายวิชานั้นสำเร็จ
แต่ในจำนวน ที่เราหยุดไป มี 2 วันที่เราไปเข้าร่วมโครงการประกวดรายการหนึ่ง เพราะเราติดเข้ารอบการประกวดเป็นทีม เราไม่รู้ว่าเราติด ในใจตอนแรกก็อยากจะเททิ้งซะ แต่มาคิดดูอีกทีมันเป็นประสบการณ์ที่เราใฝ่ฝัน เราจึงตัดสินใจเข้าร่วม เป็นทีม เราอยู่ทีมเดียวกับรุ่นน้อง ซึ่งเขาก็ทุ่มเทให้กับงานประกวดนี้มาก จนสุดท้ายเราผ่านคัดเลือกเรียบร้อย เรากลับมาฝึกงานอย่างสบายใจ แล้วทำงานจริงในช่วงเย็น ๆ ถึงค่ำ
จนมารู้ตัวว่า ควรจะหยุดงานสักวันหนึ่งเพื่อทำสิ่งนี้ให้จบโดยเร็วแล้วเราจะได้กลับมาฝึกงานอย่างเต็มที่ จึงขอลาอีกเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ แต่สุดท้ายเราถูกปฏิเสธ ถูกสอบประวัติใหม่ เหมือนคนร้ายจะถูกเค้นอย่างหนักส่วนเรา ถูกรื้อโน่นนี่มามากมายจนไม่กล้าหือ ยิ่งที่ฝึกงานได้คุยกับอาจารย์ที่ ม. เรายิ่งซ้ำร้ายเข้าไปอีก
ฝึกงาน คุ้มค่าไหมกับสิ่งที่เราทุ่มเท แต่ใจมันไม่ไหว...
เราเรียนออกแบบศิลปะ ไม่ได้เป็นคนเก่งอะไรมากแต่พอมีทักษะอยู่บ้าง คือเราก็เป็นคนนึงที่กำลังฝึกงาน เรายอมรับว่าเราทุ่มเทกับสิ่งที่เราทำมาก... เรารักที่จะทำงานที่เขามอบหมาย เป็นงานที่เราถนัด เพียงแต่เรายังรู้ไม่ดีพอ ทำให้ต้องปรับแก้งานบ่อยแต่มันก็ยังคงโอเคอยู่ ที่เราไปกับมันได้
ใจจริงของเราคือหวังแต่ว่าได้ประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ และให้มันผ่าน ๆ ไปซะ ได้คะแนน ได้เกรดให้มันจบ ๆ ไป แต่ขอย้ำว่าเราจริงจังและตั้งใจกับผลงานของเราในที่ฝึกงานมาก...
ขอไม่ระบุที่ ๆ เราเรียนก็แล้วกันว่าที่ไหน แต่คงเดาไม่ยาก เพราะเราฝึกงานไปด้วยแล้วต้องกลับไปเรียนที่ม.ด้วย เพราะฉะนั้น รายวิชาจึงเป็นสหกิจ ที่ม.และที่ฝึกงานต้องร่วมกันลงคะแนน ส่วนที่ฝึกงาน
เราเป็นคนใส่ใจรายละเอียดในสิ่งที่เราทำงานมาก แต่รายละเอียดในการใช้ชีวิตกลับมีน้อย เลินเล่อ ขี้ลืม เราฝึกงานได้เดือนนึงก็ต้องไป ๆ กลับ ๆ ที่ม. นั่นก็เพราะที่ฝึกงานและบ้านของเรา กับม.และหอพักของเราอยู่ไกลกันมากนะ เราก็ไปเรียน บ้าง ขาด บ้าง ด้วยความขี้เกียจไปกลับ และเพราะไม่อยากออกค่าเดินทางมาก ลำพังการเดินทางไปกลับในกรุงเทพก็ใช้เงินกว่าร้อยแล้ว นั่นทำให้เราเรียนไม่ทันเพื่อน ซ้ำ งานที่ึฝึกงานก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนบางตรั้งเราทำไม่ทันจึงต้องส่งในวันถัดไป จากสปิริตและไฟที่ลุกโชนของความเต็มที่ของเราที่มันเต็มร้อย ตอนนี้ลดลงเรื่อย ๆ ลดจนความขี้เกียจเข้าครอบงำ
ที่ึกงานเราเป็นที่เล็ก ๆ แต่ซีเรียสเรื่องเวลาเข้าออกงานมาก แล้วต้องเริ่มเข้างานแต่เข้าก่อน 8 โมง ออกงาน 5 โมงเย็น เราเป็นคนนอนดึกจึงต้องปรับเวลาชีวิตให้กลับมาเหมือนเดิม ก็เป็นไปไม่ได้หรอกว่าเราจะไม่สายเลย เอาเป็นว่า นับวันได้เลยว่าเรามาเช้าไม่ถึงสิบวัน คือถึงที่ฝึกงานเจ็ดโมงครึ่งถึงก่อนแปดโมง นอกนั้นเวลาปกติ เราจะถึงที่ึกงานประมาณแปดโมงห้าถึงสิบนาที มีสายสุด ๆ ไม่เกินห้าครั้ง คือ ประมาณแปดโมงยี่สิบ ถูกต่อว่าหลายครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่จำนะ แต่เราทำได้ไม่ได้ตลอด
ผ่านไปจนถึงอีกเดือนหนึงเกือบปลายเดือน ต้องไปส่งงานที่ม. นั่นทำให้เราหยุดงานที่ฝึกงานบ่อยมาก และหลายครั้งเป็นเวลาสิบกว่าวัน แต่ก็คุ้ม เพราะสุดท้าย เราก็สามารถเรียนจนจบในรายวิชานั้นสำเร็จ
แต่ในจำนวน ที่เราหยุดไป มี 2 วันที่เราไปเข้าร่วมโครงการประกวดรายการหนึ่ง เพราะเราติดเข้ารอบการประกวดเป็นทีม เราไม่รู้ว่าเราติด ในใจตอนแรกก็อยากจะเททิ้งซะ แต่มาคิดดูอีกทีมันเป็นประสบการณ์ที่เราใฝ่ฝัน เราจึงตัดสินใจเข้าร่วม เป็นทีม เราอยู่ทีมเดียวกับรุ่นน้อง ซึ่งเขาก็ทุ่มเทให้กับงานประกวดนี้มาก จนสุดท้ายเราผ่านคัดเลือกเรียบร้อย เรากลับมาฝึกงานอย่างสบายใจ แล้วทำงานจริงในช่วงเย็น ๆ ถึงค่ำ
จนมารู้ตัวว่า ควรจะหยุดงานสักวันหนึ่งเพื่อทำสิ่งนี้ให้จบโดยเร็วแล้วเราจะได้กลับมาฝึกงานอย่างเต็มที่ จึงขอลาอีกเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ แต่สุดท้ายเราถูกปฏิเสธ ถูกสอบประวัติใหม่ เหมือนคนร้ายจะถูกเค้นอย่างหนักส่วนเรา ถูกรื้อโน่นนี่มามากมายจนไม่กล้าหือ ยิ่งที่ฝึกงานได้คุยกับอาจารย์ที่ ม. เรายิ่งซ้ำร้ายเข้าไปอีก