ถ้าพูดถึงวงขี้ก๊อป เรารู้จักอยู่วงนึง ...

ถ้าพูดถึงวงขี้ก๊อป เรารู้จักอยู่วงนึง
แรกๆงานของวงนี้มีเอกลักษณ์มาก พวกเขาสร้างฐานแฟนเพลงได้มากมาย จนกระทั่งช่วง 5-6 ปี หลัง พวกเขาก็เริ่มวัฒนธรรมขี้ก๊อป ..

.. พวกเขาก็อปผลงานตัวเอง ..

เดี๋ยวก่อน .. อย่าพึ่งดราม่ากัน การก็อปผลงานตัวเองในทีนี้
เราหมายถึง งานของพวกเขาค่อนข้างจะเหมือนของเดิมเอามากๆ บางคนล้อกันถึงขั้น
นี่มันแค่เปลี่ยนเนื้อเพลงชัดๆ!!!

นี่คือโจ๊กของแฟนเพลงทุกคน หลังๆเพลงของวงถูกเดาทางได้จนหมด ดนตรีไม่ใหม่ ลูกเล่นไม่วุ่นวายยุ่งยาก ที่เปลี่ยนไปในแต่ละปีในยุคหลังๆก็จะเป็นเพลงคอนเซปต์ ธีมอัลบั้ม เนื้อเพลงที่อิงเหตุการณ์ปัจจุบันโลก .. ส่วนเนื้องานภาคดนตรี เราหาความแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นหูอะไรไม่ได้มากนัก

ที่ขำคือ ด้วยความที่เพลงบางเพลงมันทำนอง เมโลดี้คล้ายกันมากๆ บางอัลบั้มก็คล้ายกันทั้งอัลบั้ม บางอัลบั้มก็มีบางเพลงไปเหมือนเพลงจากอัลบั้มเก่า ที่ยืนยันได้คือ คุณลองเอา Discography Album ของพวกเขา ยัดลง iTunes แล้วลองเล่นเพลงแบบ shuffle ฟังไปเพลินๆ คุณจะะพบว่า บางเพลงแม่ม continued กัน ทั้งที่มาจากคนละอัลบั้ม และบางอัลบั้มห่างกัน 3-4 ปีด้วยซ้ำ!

แต่คุณเชื่อมั้ยว่า พวกเขาแทบไม่เคยถูกแฟนๆด่าหรือแอนตี้เลย

แต่จะว่าไป ... มันมียุคนึง
ที่พวกเขาถูกแฟนๆกลุ่มนึงทอดทิ้ง เพียงเพราะว่า พวกเค้า เด็กหนุ่ม 3 คนที่โด่งดังมาจากท้องถนน ด้วยเพลงและดนตรีเนื้อหาดิบหยาบ เริ่มโด่งดัง ... โด่งดังมาก ... มากเสียจนได้สังกัดค่ายใหญ่ และ มีมิวสิควิดิโอออกอากาศทางช่อง mtv

สมัยนั้น mtv คือสัญลักษณ์ของทุนนิยม ความป็อป ตลาด ไร้อุดมการณ์ แฟนๆที่เคยไปดูพวกเขาสมัยที่ยังเล่นแค่ผับเล็กๆ เริ่มตั้งคำถามว่า พวกเขายังเป็นแบบที่เคยมั้ย ยังมีอุดมการณ์แบบเดิมหลงเหลืออยู่หรือเปล่า?

และแล้วก็มาถึงทางแยก แฟนๆกลุ่มหนึ่งบอกลา อีกกลุ่มที่ยังพร้อมจะอยู่กับวงก็อยู่ต่อไป
และแฟนๆกลุ่มใหม่ก็เริ่มเข้ามา

หากแนวเพลงคือ ลัทธิ พวกเขาก็คงไม่ใช่ศาสดา แต่อาจเป็นแค่สาวกหัวแข็งนอกรีตคนหนึ่ง
ที่วันนึงก็ถูกขับไล่ออกจากลัทธิ
เมื่อ เจ้าลัทธิคนหนึ่ง บอกว่า "พวกเขาไม่ใช่ของแท้" แฟนกลุ่มหนึ่งที่เคยค่อนขอดพวกเขาแต่แรกก็เห็นด้วย ตั้งแต่งานเพลงของพวกเขาเริ่มแมสขึ้น ตลาดขึ้น ป๊อปขึ้น พวกเขาก็ไม่สมควรเรียกตัวเองในแบบเดิมๆอีกต่อไป หรือแม้แต่อวดอ้างว่าตัวเองเคยเป็นแบบที่เคยเป็นและไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

คำตอบจากพวกเขาทั้ง 3 คนที่วันนี้โตขึ้นกว่าเดิมมากคือ
"พวกคุณจะขับไล่ผมออกจากความเชื่อของพวกคุณก็ได้ แต่คุณไม่มีทางเอาความเชื่อออกไปจากตัวผม"*
(ประโยคนี้เป็นประโยคเปรียบเปรยนะคะ เดี๋ยวเราจะเฉลยตอนจบ)

นับตั้งแต่นั้นมา พวกเขากลับยิ่งโด่งดัง อาจจะเพราะพวกเขาทำเพลงตลาดมากขึ้น พูดภาษาชาวบ้าน งานพวกเขาเป็นงานประเภทที่ใครก็ฟังได้ มันป๊อปทั้งเนื้อหาและดนตรี และมันห่างไกลจากจุดเริ่มต้นมามากโข แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือ
พวกเขาไม่เคยทิ้งตัวตนของตัวเอง

คนที่เคยฟังงานดิบๆเขามาตั้งแต่แรกมองว่า งานปัจจุบันของพวกเขามันกลวงโบ๋ และไร้สาระ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาพูด หรือ ดนตรีที่พวกเขาเล่น มันดูง่ายและธรรมดา และเอาใจตลาดไปซะหมด

แต่เหนืออื่นใด ท่ามกลางเสียงก่นด่าจากอีกวงการ พวกเขาก็เป็นฮีโร่ในอีกวงการเช่นกัน
พวกเขาไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์ และ บ้าบิ่น เล่าเรื่องที่ทิ่มแทงใจผ่านบทเพลง
ปัญหาในบ้านเมือง ถูกบอกเล่าผ่านบทเพลงที่ดังไปทั่วโลก

บางครั้ง เมื่อ บทเพลงมันสามารถเปลี่ยนโลกได้
มันจะเป็นเรื่องไร้สาระไปได้อย่างไร?

มีศิลปินมากมายที่เริ่มด้วยการทำเพลงตลาดเพื่อหาแฟนเพลง เพื่อปั้นวงให้โด่งดัง เพื่อขายชื่อให้เป็นที่รู้จัก สุดท้ายวันนึงพวกเขาก็เริ่มคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่มันไม่ใช่ตัวพวกเขาเลย แล้วพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาเริ่มหันไปทำตามรสนิยมจริงๆ แฟนๆก็เริ่มตั้งคำถามว่า ที่ผ่านมาคืออะไร? พวกเขาอยากให้งานเพลงแบบที่พวกเขาเคยหลงรัก แต่เมื่อศิลปินไม่อาจกลับไปทำงานแบบที่ไม่ใช่ตัวเองต่อไปได้ พวกเขาก็มาถึงทางแยกเช่นเดียวกัน

วงดนตรีหลายวง เริ่มต้นจากการฟอร์มวงในฐานะพี่น้อง เพื่อนฝูงคนสนิท โด่งดังถึงขีดสุด แล้วก็แยกวงกันเพราะเรื่องผลประโยชน์ บางวงมีปัญหา ทั้งเรื่องเหล้า-ยา-ผู้หญิง รวมทั้งอาชญากรรม หลายคนก็อ้างว่า เรื่องพวกเนี้ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ วงการมันเลวร้าย และ ยั่วยวนเกินกว่าที่คนนอกจะเข้าใจ

แต่กับพวกเขา 3 คน มันผ่านปัญหามามากมาย ภาพลักษณ์ของพวกเขาคือวงที่ก้าวร้าว รุนแรง และ แนวเพลงของเขาก็พูดถึงยาเสพย์ติดเสมอ แต่พวกเขากลับมีปัญหาเรื่องฉาวในวงการน้อยมาก ... ที่สำคัญ พวกเขาผ่านหลักไมล์ฟอร์มวงครบ 25 ปีมาแล้ว แต่ยังไม่เคยมีปัญหาเรื่องแยกวงเลย
บางครั้งแฟนเพลงแบบเรายังไม่อยากเชื่อ ว่าพวกเขามาไกลขนาดนี้ โดยยังมีภาพลักษณ์สดใส เฮฮา แฮปปี้แฟมิลี่ มาได้ขนาดนี้

มันมีช่วงที่พวกเขาพักวงไปเนิ่นนาน มีช่วงที่ออกโซโล่ มีช่วงที่แยกกันทำงาน ไปเที่ยว ขายพิซซ่า ตีกอล์ฟ ไปดูคอนเสิร์ตที่คนอื่นเล่น เลี้ยงหมา ใช้เวลากับครอบครัว สุดท้ายเมื่อถึงเวลา พวกเขาก็จะกลับมาออกอัลบั้มอีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องรอให้แฟนๆเรียกร้อง
(ต่อให้เรียกคอแทบแตกก็ไม่มา ถ้าไม่อยากมา)

และทุกครั้งที่พวกเขากลับมา เมื่อเราได้ฟังเพลงของพวกเขาอีกครั้ง
พวกเราก็จะอุทานขึ้นมาพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากว่า ...

"แม่ม เหมือนเดิมเลย!"

แต่ต่อให้งานของพวกเขาจะฟังดูซ้ำซากในสายหูคนฟังเพลงเยอะแค่ไหน แต่แฟนเพลงแบบเราก็ยังรู้สึกว่า
โชคดีจริงๆที่ได้เป็นแฟนวงนี้
เพลงของพวกเขาเปลี่ยนโลกการฟังเพลงของเราไปเลยนะ

ตั้งแต่เป็นแฟนวงมา เราไม่เคยมีเรื่องต้อนเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย นับวันจะยิ่งมีแต่อีเวนท์และเหตุการณ์ดีๆที่ทำให้เราประทับใจซะด้วยซ้ำ
ไอ้เรื่อง การก๊อปปี้งานตัวเอง แบบฟังแทบไม่เพี้ยน เราเองก็คงโทษอะไรพวกเขามากไม่ได้
ผ่านไป 20 กว่าปี คนที่แต่งเพลงเอง เล่นเอง ร้องเอง จะให้เพลงมันแตกต่างกันมากขนาดไหนกันเชียว
มันก็ต้องเหมือนๆซ้ำๆ กันบ้างล่ะ

แต่เป็นความซ้ำซากที่ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งนะ

ตอนที่เราคลั่งวงมากๆสมัย ม.ต้น เราเขียนเป้าหมายในชีวิตว่า ก่อนตายอยากจะได้ดูคอนเสิร์ตของวงสักครั้ง
และโชคดีจริงๆที่เรามีโอกาสได้ดูวงเล่นสดด้วย

มันไม่มีอะไรนอกจากคำว่า "เราภูมิใจจริงๆที่ได้เป็นแฟนวงนี้"
โชว์ที่สุดยอด ภาพทุกภาพติดตา และ ดนตรี และ เสียงร้องของพวกเขา ที่เราจะไม่ลืม

ขอบคุณซีดีที่พ่อซื้อมาให้ตอนเราอายุ 16 มันราคาแพงมากจนพ่อบ่น
แต่โชคดีจริงๆที่พ่ออุตส่าห์ยอมซื้อให้
เพราะมันทำให้เราได้เป็นแฟนวงที่เจ๋งที่สุดที่เราเคยรู้จัก

ดีใจที่ได้เป็นแฟนเพลงของพวกคุณ

GREEN DAY
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่