คนก็คือสัตว์ชนิดหนึ่งของโลก ที่เกิดขึ้นมาจากปรุงแต่งของธรรมชาติ ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อนธรรมชาติ แต่คนก็มักเชื่อว่าตนเองมีอยู่ก่อนธรรมชาติ
สัตว์ทั้งหลายจะมีเนื้อสมองน้อยเมื่อเทียบกับร่างกาย ดังนั้นสัตว์จึงมีความจำน้อย เมื่อจำได้น้อยจึงคิดได้น้อยตามไปด้วย สัตว์ทั้งหลายจึงใช้สัญชาติญาณ (ความรู้ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับชีวิต) ในการดำเนินชีวิตและเอาตัวรอด
คนก็เป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่งเหมือนพวกลิง แต่มีความพิเศษกว่าหน่อยตรงที่มีเนื้อสมองมากเมื่อเทียบกับร่างกาย เมื่อมีเนื้อสมองมาก จึงจดจำสิ่งที่รับรู้ได้มาก และจำได้ละเอียด เมื่อจำได้มากและละเอียด จึงทำให้คิดได้มาก ได้ซับซ้อน และละเอียด เมื่อคิดได้มากจึงทำให้เกิดความรู้และเข้าใจในความจริงของธรรมชาติมากขึ้น จึงทำให้การดำเนินชีวิตไม่จำเป็นต้องใช้สัญชาติญาณอีกต่อไป คือจะใช้ความรู้ที่จำมาในการดำเนินชีวิตหรือเอาตัวรอด
แต่เพราะไม่มีการสอนให้เข้าใจถึงความจริงของชีวิตที่ควรรู้และเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิต จึงทำให้คนถูกความไม่รู้ความจริงที่ควรรู้ (อวิชชา) ครอบงำ เมื่ออวิชชาครอบงำ จึงทำให้การคิด พูด และการกระทำทางกาย ที่จิตเป็นตัวสั่งงาน จึงคิด พูด และกระทำไปตามอำนาจของอวิชชา
อวิชชา ก็คือ ความรู้ที่ผิดว่ามีตนเองอยู่จริง เมื่อคนมีความรู้ว่ามีตนเองอยู่จริงอยู่ในจิตใต้สำนึก จึงทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดว่ามีตนเองอยู่จริงๆ เมื่อเข้าใจว่ามีตนเอง จึงเกิดความเห็นแก่ตัว คือยากได้สิ่งที่น่าพอใจเพื่อตัวเอง อยากทำลายสิ่งที่ไม่น่าพอใจให้พ้นไปจากตนเอง แล้วก็ทำให้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อเกิดการเบียนเบียนกัน ความสงบสุขของโลกก็หายไป โลกก็มีแต่ปัญหาและวิกฤติการณ์
ยังไม่เท่านั้นอวิชชายังทำให้คนเกิดความเชื่อว่าจิตใจของตนเองนั้นเป็นตัวตนอมตะ (อัตตา) ที่ไม่มีวันตายแม้ร่างกายจะตายไปแล้ว แต่สามารถเกิดขึ้นมาได้ใหม่ในร่างกายใหม่เรื่อยไป และยังเกิดความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่และสถานที่สำหรับรองรับจิตใจที่เป็นอมตะขึ้นมาอีกด้วย
ที่สำคัญ อวิชชานี่เองที่เป็นเหตุให้จิตเกิดการจินตนาการ (ปรุงแต่ง) ขึ้นมาอย่างเข้มข้นว่านี่คือตัวเอง (เกิดความยึดถือว่านี่คือตัวกู) ซึ่งความยึดถือนี้เองที่ทำให้จิตเกิดความรู้สึกทรมานหรือเป็นทุกข์อย่างรุนแรงขึ้นมา
สรุปได้ว่า คนก็เป็นแค่ลิงที่คิดได้มากเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรไปกว่าสัตว์ชนิดหนึ่งของโลกเลย แต่เพราะคนมีความจำได้มาก จึงคิดได้มาก แต่เมื่อไม่มีใครมาสอนให้ได้รู้และเข้าใจถึงความจริงสูงสุดของชีวิตว่าตนเองก็คือลิงที่คิดได้มากเท่านั้น จึงได้เกิดความยึดถือว่ามีตนเองที่สูงส่งกว่าสัตว์ทั้งหลายในโลกขึ้นมา แล้วก็เกิดความเห็นแต่ตัว โดยเห็นว่าสัตว์อื่นเป็นแค่อาหารของตนเอง เห็นว่าธรรมชาติเป็นของตนเอง จึงได้เบียดเบียนทั้งสัตว์อื่นและธรรมชาติ จนโลกเกิดวิกฤติการณ์อยู่ทุกวันนี้ แต่ที่สำคัญความยึดถือนี้ยังทำให้จิตของตนเองเกิดความทุกข์ขึ้นมาด้วย แต่ถ้าคนจะมีความรู้และเข้าใจถึงความสูงสุดของธรรมชาติว่าพื้นฐานแล้วตนเองก็เป็นแค่ลิงเท่านั้น คนก็จะลดความยึดถือลง ลดความเห็นแก่ตัวลง โลกก็จะมีวันติภาพ จิตก็จะไม่เป็นทุกข์ แล้วคนก็จะเลื่อนระดับจิตขึ้นไปเป็นมนุษย์ ที่หมายถึงสัตว์ที่มีใจสูงส่งหรือประเสริฐได้
คนคือลิงที่คิดได้เก่ง
สัตว์ทั้งหลายจะมีเนื้อสมองน้อยเมื่อเทียบกับร่างกาย ดังนั้นสัตว์จึงมีความจำน้อย เมื่อจำได้น้อยจึงคิดได้น้อยตามไปด้วย สัตว์ทั้งหลายจึงใช้สัญชาติญาณ (ความรู้ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับชีวิต) ในการดำเนินชีวิตและเอาตัวรอด
คนก็เป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่งเหมือนพวกลิง แต่มีความพิเศษกว่าหน่อยตรงที่มีเนื้อสมองมากเมื่อเทียบกับร่างกาย เมื่อมีเนื้อสมองมาก จึงจดจำสิ่งที่รับรู้ได้มาก และจำได้ละเอียด เมื่อจำได้มากและละเอียด จึงทำให้คิดได้มาก ได้ซับซ้อน และละเอียด เมื่อคิดได้มากจึงทำให้เกิดความรู้และเข้าใจในความจริงของธรรมชาติมากขึ้น จึงทำให้การดำเนินชีวิตไม่จำเป็นต้องใช้สัญชาติญาณอีกต่อไป คือจะใช้ความรู้ที่จำมาในการดำเนินชีวิตหรือเอาตัวรอด
แต่เพราะไม่มีการสอนให้เข้าใจถึงความจริงของชีวิตที่ควรรู้และเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับชีวิต จึงทำให้คนถูกความไม่รู้ความจริงที่ควรรู้ (อวิชชา) ครอบงำ เมื่ออวิชชาครอบงำ จึงทำให้การคิด พูด และการกระทำทางกาย ที่จิตเป็นตัวสั่งงาน จึงคิด พูด และกระทำไปตามอำนาจของอวิชชา
อวิชชา ก็คือ ความรู้ที่ผิดว่ามีตนเองอยู่จริง เมื่อคนมีความรู้ว่ามีตนเองอยู่จริงอยู่ในจิตใต้สำนึก จึงทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดว่ามีตนเองอยู่จริงๆ เมื่อเข้าใจว่ามีตนเอง จึงเกิดความเห็นแก่ตัว คือยากได้สิ่งที่น่าพอใจเพื่อตัวเอง อยากทำลายสิ่งที่ไม่น่าพอใจให้พ้นไปจากตนเอง แล้วก็ทำให้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อเกิดการเบียนเบียนกัน ความสงบสุขของโลกก็หายไป โลกก็มีแต่ปัญหาและวิกฤติการณ์
ยังไม่เท่านั้นอวิชชายังทำให้คนเกิดความเชื่อว่าจิตใจของตนเองนั้นเป็นตัวตนอมตะ (อัตตา) ที่ไม่มีวันตายแม้ร่างกายจะตายไปแล้ว แต่สามารถเกิดขึ้นมาได้ใหม่ในร่างกายใหม่เรื่อยไป และยังเกิดความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่และสถานที่สำหรับรองรับจิตใจที่เป็นอมตะขึ้นมาอีกด้วย
ที่สำคัญ อวิชชานี่เองที่เป็นเหตุให้จิตเกิดการจินตนาการ (ปรุงแต่ง) ขึ้นมาอย่างเข้มข้นว่านี่คือตัวเอง (เกิดความยึดถือว่านี่คือตัวกู) ซึ่งความยึดถือนี้เองที่ทำให้จิตเกิดความรู้สึกทรมานหรือเป็นทุกข์อย่างรุนแรงขึ้นมา
สรุปได้ว่า คนก็เป็นแค่ลิงที่คิดได้มากเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรไปกว่าสัตว์ชนิดหนึ่งของโลกเลย แต่เพราะคนมีความจำได้มาก จึงคิดได้มาก แต่เมื่อไม่มีใครมาสอนให้ได้รู้และเข้าใจถึงความจริงสูงสุดของชีวิตว่าตนเองก็คือลิงที่คิดได้มากเท่านั้น จึงได้เกิดความยึดถือว่ามีตนเองที่สูงส่งกว่าสัตว์ทั้งหลายในโลกขึ้นมา แล้วก็เกิดความเห็นแต่ตัว โดยเห็นว่าสัตว์อื่นเป็นแค่อาหารของตนเอง เห็นว่าธรรมชาติเป็นของตนเอง จึงได้เบียดเบียนทั้งสัตว์อื่นและธรรมชาติ จนโลกเกิดวิกฤติการณ์อยู่ทุกวันนี้ แต่ที่สำคัญความยึดถือนี้ยังทำให้จิตของตนเองเกิดความทุกข์ขึ้นมาด้วย แต่ถ้าคนจะมีความรู้และเข้าใจถึงความสูงสุดของธรรมชาติว่าพื้นฐานแล้วตนเองก็เป็นแค่ลิงเท่านั้น คนก็จะลดความยึดถือลง ลดความเห็นแก่ตัวลง โลกก็จะมีวันติภาพ จิตก็จะไม่เป็นทุกข์ แล้วคนก็จะเลื่อนระดับจิตขึ้นไปเป็นมนุษย์ ที่หมายถึงสัตว์ที่มีใจสูงส่งหรือประเสริฐได้