เนื่องจากเป็นคนชอบอ่านบล็อกท่องเที่ยว bookmark เอาไว้เป็นสิบๆ เว็บ เลยอยากลองเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ นักเดินทางคนอื่นบ้างค่ะ
จะเน้นเป็นเว็บหลักๆ 3 เว็บ ที่ช่วยให้เราเข้าถึงคนท้องถิ่นเวลาไปเที่ยวต่างประเทศมาแล้ว เริ่มด้วย Couchsurfing เลยค่ะ
เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นคนพูดถึง
Couchsurfing กันมากขึ้นเรื่อยๆ เราเองก็เพิ่งรู้จักเว็บนี้มาประมาณปีกว่า (ตอนนั้นอายุ 17 เอง) จากเว็บไซต์
http://etramping.com ของวัยรุ่นสองคนที่เดินทางท่องเที่ยวรอบโลกไปเรื่อยๆ โดยจะไม่ใช้เงินเกิน 25USD ต่อวัน นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ที่ใช้เว็บนี้เป็นที่พักตลอดการเดินทางทั่วยุโรปทั้ง 80 วันของเธออีกด้วย
couchsurfing.org เป็นเว็บไซต์ที่คนท้องถิ่นเสนอห้อง หรือโซฟา (couch) ให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใกล้ชิดและเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวเมืองนั้นๆ บางคนอาจจะมองว่าเหมือนได้ที่พักฟรี แต่คนในเว็บไซต์นี้หลายๆ คนเขาเสนอห้องให้เราพัก เพราะต้องการรู้จักเรา แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเราจริงๆ จึงไม่ควรไปนอนบ้านเขาฟรีๆ กินข้าวบ้านเขา แล้วเที่ยวทั้งวันเหมือนอยู่โรงแรมนะคะ หลายๆ ครั้ง หากโฮสของเราว่าง เขาก็จะพาเราออกไปเดินชมเมืองด้วยกันด้วย เราก็ควรตอบแทนเขา ทำอาหารไทยให้ชิม หรือซื้อของไทยๆ ไปฝากด้วย
หลายคนคิดว่าไปนอนบ้านคนแปลกหน้าแบบนี้ ดูไม่ปลอดภัยเอาซะเลย ซึ่งก็จริงอยู่ เพราะไม่มีใครการันตีได้ว่าคนที่เราไปพักด้วยจะเป็นคนยังไง แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจไปพักกับใครสักคน ก็ต้องมีไหวพริบ ศึกษาให้รอบคอบก่อน โดยทางเว็บไซต์จะมีระบบ Reference เหมือนให้คนที่เคยไปพักกับโฮสนั้นๆ มาคอมเม้นท์ว่าโฮสเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี คนที่ได้ Reference เป็น Positive เยอะๆ ก็จะดูน่าเชื่อถือค่ะ นอกจากนี้ยังมี verified member โดยสมาชิกต้องจ่ายเงินเล็กน้อย (คนไทย 25USD) แล้วทางเว็บไซต์จะส่งโปสการ์ดพร้อมโค้ดอะไรสักอย่างมาให้ที่ที่อยู่ของเรา เพื่อเป็นการเช็คว่าเราอยู่ที่นี่จริงๆ ประมาณนี้ (อันนี้เราก็ไม่เคยทำเหมือนกัน)

Couch แรกของเรา
แต่สองอย่างนั้นยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวผู้หญิงที่เที่ยวคนเดียว ตอนที่เราไปเองนั้น เราเลือกดูแต่ผู้หญิงที่เป็นนักศึกษา หรือโฮสที่อยู่กันสองคนเท่านั้นค่ะ ตอนนั้นระมัดระวังสุดๆ เพราะเป็นครั้งแรก แล้วเราอ่านเจอมาเยอะด้วยว่าผู้หญิงที่ไปพักบ้านโฮสผู้ชายมักจะถูกขอ...(ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและฝรั่งเจอปัญหานี้ค่ะ) ตอนนั้นโฮสของเราเป็นนักศึกษาผู้หญิงที่เช่าแฟลตอยู่กับแฟน ทั้งสองคนน่ารักมาก แนะนำร้านน่ารักๆ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้ เราก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนแถบนั้น แถมพวกเขายังไว้ใจเราสุดๆ ถึงขนาดให้กุญแจแฟลตเก็บไว้ระหว่างวันอีกต่างหาก
ถ้าใครยังคิดว่าการไปนอนบ้านคนแปลกหน้ายังเสี่ยงเกินไปอยู่ Couchsurfing ก็ยังมีนัดมีตติ้งทุกๆ เดือน (หรือสัปดาห์ กิจกรรมนี้ของแต่ละเมืองจะจัดไม่เหมือนกัน แต่มีแทบทุกเมืองค่ะ) เพื่อไปพูดคุยแลกเปลี่ยน พบปะสังสรรค์กัน อันนี้เราก็ไปบ่อยค่ะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่แต่ละเมืองจะจัดขึ้น เช่นไปปีนเขา ขี่จักรยาน เล่นสกี จัดปาร์ตี้ ทำอาหารร่วมกันก็มีค่ะ เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากไปนอนบ้านคนแปลกหน้า แต่ยังอยากพบปะกับคนท้องถิ่นนั้นๆ อยู่ หรือถ้าอยากเข้าไปในเว็บไซต์แล้วให้คนท้องถิ่นแนะนำร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือจะให้เขาพาเที่ยวก็ได้ค่ะ
เดี๋ยวจะมาต่อกับเว็บที่สองนะคะ
แนะนำเว็บไซต์สำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบเข้าถึงคนท้องถิ่นค่ะ
จะเน้นเป็นเว็บหลักๆ 3 เว็บ ที่ช่วยให้เราเข้าถึงคนท้องถิ่นเวลาไปเที่ยวต่างประเทศมาแล้ว เริ่มด้วย Couchsurfing เลยค่ะ
เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นคนพูดถึง Couchsurfing กันมากขึ้นเรื่อยๆ เราเองก็เพิ่งรู้จักเว็บนี้มาประมาณปีกว่า (ตอนนั้นอายุ 17 เอง) จากเว็บไซต์ http://etramping.com ของวัยรุ่นสองคนที่เดินทางท่องเที่ยวรอบโลกไปเรื่อยๆ โดยจะไม่ใช้เงินเกิน 25USD ต่อวัน นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ที่ใช้เว็บนี้เป็นที่พักตลอดการเดินทางทั่วยุโรปทั้ง 80 วันของเธออีกด้วย
couchsurfing.org เป็นเว็บไซต์ที่คนท้องถิ่นเสนอห้อง หรือโซฟา (couch) ให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใกล้ชิดและเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวเมืองนั้นๆ บางคนอาจจะมองว่าเหมือนได้ที่พักฟรี แต่คนในเว็บไซต์นี้หลายๆ คนเขาเสนอห้องให้เราพัก เพราะต้องการรู้จักเรา แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเราจริงๆ จึงไม่ควรไปนอนบ้านเขาฟรีๆ กินข้าวบ้านเขา แล้วเที่ยวทั้งวันเหมือนอยู่โรงแรมนะคะ หลายๆ ครั้ง หากโฮสของเราว่าง เขาก็จะพาเราออกไปเดินชมเมืองด้วยกันด้วย เราก็ควรตอบแทนเขา ทำอาหารไทยให้ชิม หรือซื้อของไทยๆ ไปฝากด้วย
หลายคนคิดว่าไปนอนบ้านคนแปลกหน้าแบบนี้ ดูไม่ปลอดภัยเอาซะเลย ซึ่งก็จริงอยู่ เพราะไม่มีใครการันตีได้ว่าคนที่เราไปพักด้วยจะเป็นคนยังไง แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจไปพักกับใครสักคน ก็ต้องมีไหวพริบ ศึกษาให้รอบคอบก่อน โดยทางเว็บไซต์จะมีระบบ Reference เหมือนให้คนที่เคยไปพักกับโฮสนั้นๆ มาคอมเม้นท์ว่าโฮสเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี คนที่ได้ Reference เป็น Positive เยอะๆ ก็จะดูน่าเชื่อถือค่ะ นอกจากนี้ยังมี verified member โดยสมาชิกต้องจ่ายเงินเล็กน้อย (คนไทย 25USD) แล้วทางเว็บไซต์จะส่งโปสการ์ดพร้อมโค้ดอะไรสักอย่างมาให้ที่ที่อยู่ของเรา เพื่อเป็นการเช็คว่าเราอยู่ที่นี่จริงๆ ประมาณนี้ (อันนี้เราก็ไม่เคยทำเหมือนกัน)
Couch แรกของเรา
แต่สองอย่างนั้นยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวผู้หญิงที่เที่ยวคนเดียว ตอนที่เราไปเองนั้น เราเลือกดูแต่ผู้หญิงที่เป็นนักศึกษา หรือโฮสที่อยู่กันสองคนเท่านั้นค่ะ ตอนนั้นระมัดระวังสุดๆ เพราะเป็นครั้งแรก แล้วเราอ่านเจอมาเยอะด้วยว่าผู้หญิงที่ไปพักบ้านโฮสผู้ชายมักจะถูกขอ...(ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและฝรั่งเจอปัญหานี้ค่ะ) ตอนนั้นโฮสของเราเป็นนักศึกษาผู้หญิงที่เช่าแฟลตอยู่กับแฟน ทั้งสองคนน่ารักมาก แนะนำร้านน่ารักๆ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้ เราก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนแถบนั้น แถมพวกเขายังไว้ใจเราสุดๆ ถึงขนาดให้กุญแจแฟลตเก็บไว้ระหว่างวันอีกต่างหาก
ถ้าใครยังคิดว่าการไปนอนบ้านคนแปลกหน้ายังเสี่ยงเกินไปอยู่ Couchsurfing ก็ยังมีนัดมีตติ้งทุกๆ เดือน (หรือสัปดาห์ กิจกรรมนี้ของแต่ละเมืองจะจัดไม่เหมือนกัน แต่มีแทบทุกเมืองค่ะ) เพื่อไปพูดคุยแลกเปลี่ยน พบปะสังสรรค์กัน อันนี้เราก็ไปบ่อยค่ะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่แต่ละเมืองจะจัดขึ้น เช่นไปปีนเขา ขี่จักรยาน เล่นสกี จัดปาร์ตี้ ทำอาหารร่วมกันก็มีค่ะ เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากไปนอนบ้านคนแปลกหน้า แต่ยังอยากพบปะกับคนท้องถิ่นนั้นๆ อยู่ หรือถ้าอยากเข้าไปในเว็บไซต์แล้วให้คนท้องถิ่นแนะนำร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือจะให้เขาพาเที่ยวก็ได้ค่ะ
เดี๋ยวจะมาต่อกับเว็บที่สองนะคะ