http://pantip.com/topic/32262125 ลิงค์ภาคแรกครับ

ลำดับที่ 2
เทวสถานศรีมยุเรศวร (Shri Mayureshwar) ตั้งอยู่ที่ โมเรกาวน์ (Morgaon) คำว่า "โมเร" หรือ "มยุรี" หมายถึงนกยูง ส่วนคำว่า "กาวน์" หมายถึงหมู่บ้าน เพราะในอดีตหมู่บ้านแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกยูงเป็นจำนวนมาก
เทวตำนานจาก คเณศปุราณะคีตา เล่าว่า กษัตริย์จักรปาณี และ พระนางอัครา ได้ทำพิธีขอบุตรจาก สุริยเทพ สุริยะเทพได้ประทานบุตรให้แก่พระนาง เมื่อทรงครรภ์พระนางก็ไม่สามารถทนความร้อนแรงที่เกิดจากทารกในครรภ์ได้ จึงขับทารกออกจากครรภ์ และได้นำตัวอ่อนของทารกไปฝากไว้กับ พระสมุทร ในมหาสมุทร เมื่อเติบโตเป็นทารกที่มีกายสีแดง พระโอรสได้การขนานพระนามว่า สินธุ เพราะอาศัยอยู่ในทะเล
เมื่อสินธุเติบโตขึ้น บำเพ็ญตบะพร่ำสวดมนตราภาวนาต่อองค์พระสุริยเทพเป็นเวลาถึงสองพันปี จนสุริยเทพพอพระทัย จึงเสด็จมาให้พร
สินธุขอพรให้เป็นอมตะ สุริยเทพประทานหม้อน้ำอมฤตโดยบอกว่า หากหม้อน้ำอมฤตนี้ยังอยู่ในท้อง ก็จะไม่มีผู้ใดฆ่าสินธุได้ เมื่อได้พรแล้วก็กลับมายังอาณาจักรสืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่นิสัยใจคอนั้นดุร้ายโหดเหี้ยมประหนึ่งอสุรา กำเริบเสิบสานบุกรุกระราน จนเดือดร้อนกันทั้งสามโลก จับเทวดานางฟ้ากักขัง จนบรรดาทวยเทพต้องร่วมกันบวงสรวงต่อองค์พระคเณศให้ พระคณศเสด็จมาปราบ มหายุทธระหว่างพระคเณศกับอสูรสินธุ พระคเณศทรงประทับมาบนหลังนกยูง ใช้ขวานผ่าท้องสินธุ ทรงนำหม้อน้ำอมฤตออกจากท้องแล้วสังหารสินธุด้วยการตัดหัว หลังจากที่หัวของสินธุขาด เลือดนั้นก็เกิดเป็นสีแดงสดใสสาดไปทั่วทั้งสวรรค์ บังเกิดเป็นผงเจิมสีแดงสดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ผงนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ผงสินธู" นั่นเอง และหัวของอสูรสินธุก็ตกอยู่ ณ หมู่บ้านโมเรกาวน์แห่งนี้
ปัญจเทวตา (มหาเทวะ 5 พระองค์ คือ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระศักติ และสุริยเทพ) ได้ขอให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป พระคเณศจึงเนรมิตสวยัมภูมูรติแห่งนี้ขึ้น และเนื่องจากพระคเณศทรงนกยูงมาในการปราบสินธุ สวยัมภูมูติแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "ศรีมยุเรศวร"
ผู้ที่มาสักการะองค์ "พระศรีมยุเรศวร" จะปราศจากอุปสรรคและอันตรายใดๆมาแผ้วพานจะพบแต่ความสำเร็จความสุขความเจริญ

ผมรู้สึกถึงพระกรุณาของพระคเณศ ที่ทรงให้ผมได้ถ่ายภาพพระองค์จากที่ใกล้ๆทั้งๆที่ไม่ค่อยมีใครได้ถ่ายยกเว้นงานสำคัญ พระคเณศทรงประทานความกรุณาให้ผมได้ชื่นชมพระบารมี
อย่าช้าทีมาต่อที่ เทวสถานที่ 3

เทวสถานศรีจินดามณี (Shri Chintamani) ตั้งอยู่ที่ เทอูร์ ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเทวสถานอัษฏวินายักกะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งเนื่องจากผู้ที่มาบูชาตั้งจิตอธิฐานสิ่งใดก้อได้ตามปรารถนาดังหวังทุกรายไป
ประวัติเทวสถานแห่งนี้ เทวตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่า กษัตริย์อภิจิต และ พระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อ คณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในสามโลก วันหนึ่งคณราชและกองทหารที่ติดตามออกมาล่าสัตว์ได้ผ่านมาทางอาศรมของ ฤาษีกปิละ จึงได้ขอพักเหนื่อยบริเวณอาศรม พระฤาษีมีความเมตตาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งเชิญราชบุตรและผู้ติดตามกินอาหารที่อาศรม พระฤาษีใช้ แก้วจินตามณี ก้อคือแก้วสารพัดนึก นึกสิ่งใดก้อได้สิ่งนั้น พระฤาษีเนรมิตอาหารเลี้ยงคณราชและกองทหารทั้งหมด เมื่อคณราชทราบว่าพระฤาษีมีแก้วที่ทรงคุณวิเศษ เกิดความโลภอยากได้จินดามณีมาก ถึงกับเอ่ยปากขอ ฝ่ายพระฤาษีเห็นว่าเป็นของพระราชทานจากองค์อินทรา พระฤาษีจึงปฏิเสธ เมื่อขอไม่ได้คณราชจึงใช้กำลังแย่งชิงจินดามณีมาเป็นของตน จากนั้นอาศรมของพระฤาษีตกอยู่ในความลำบากเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารที่จะนำมาเลี้ยงคนในอาศรม ฤาษีกปิลบวงสรวงยันยะพิธี อ้อนวอนต่อองค์พระคเณศขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ คืนนั้นคณราชฝันไปว่าฤาษีกปิลได้ยกกองกำลังมาเพื่อนำจินดามณีกลับคืน หนึ่งในพลเสนาของพระฤาษีได้ตัดหัวคณราชด้วยขวาน รุ่งเช้าคณราชบันดาลโทสะจากความฝันจึงจัดแต่งกองกำลังเพื่อไปสังหารฤาษีกปิล
พระคเณศทรงเสด็จมาช่วยฤาษีกปิล ทำลายกองกำลังของคณราชจนหมดสิ้น คณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระคเณศ สุดท้ายถูกพระคเณศสังหาร
มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชก่อขึ้น พระฤาษีอธิษฐาน ทูลขอให้พระคเณศทรงประทับอยู่ ณ.ที่แห่งนี้ตลอดไป และได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า "ศรีจินดามณี"
ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี โอม เจ คชานันคณะปติ นะโมนะมาฮา
พรุ่งนี้มาต่อ ภาคสามครับ
คนที่รักพระพิฆเณศต้องอ่าน อัษฏวินายัก 8 แห่ง ภาค2
ลำดับที่ 2
เทวสถานศรีมยุเรศวร (Shri Mayureshwar) ตั้งอยู่ที่ โมเรกาวน์ (Morgaon) คำว่า "โมเร" หรือ "มยุรี" หมายถึงนกยูง ส่วนคำว่า "กาวน์" หมายถึงหมู่บ้าน เพราะในอดีตหมู่บ้านแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกยูงเป็นจำนวนมาก
เทวตำนานจาก คเณศปุราณะคีตา เล่าว่า กษัตริย์จักรปาณี และ พระนางอัครา ได้ทำพิธีขอบุตรจาก สุริยเทพ สุริยะเทพได้ประทานบุตรให้แก่พระนาง เมื่อทรงครรภ์พระนางก็ไม่สามารถทนความร้อนแรงที่เกิดจากทารกในครรภ์ได้ จึงขับทารกออกจากครรภ์ และได้นำตัวอ่อนของทารกไปฝากไว้กับ พระสมุทร ในมหาสมุทร เมื่อเติบโตเป็นทารกที่มีกายสีแดง พระโอรสได้การขนานพระนามว่า สินธุ เพราะอาศัยอยู่ในทะเล
เมื่อสินธุเติบโตขึ้น บำเพ็ญตบะพร่ำสวดมนตราภาวนาต่อองค์พระสุริยเทพเป็นเวลาถึงสองพันปี จนสุริยเทพพอพระทัย จึงเสด็จมาให้พร
สินธุขอพรให้เป็นอมตะ สุริยเทพประทานหม้อน้ำอมฤตโดยบอกว่า หากหม้อน้ำอมฤตนี้ยังอยู่ในท้อง ก็จะไม่มีผู้ใดฆ่าสินธุได้ เมื่อได้พรแล้วก็กลับมายังอาณาจักรสืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่นิสัยใจคอนั้นดุร้ายโหดเหี้ยมประหนึ่งอสุรา กำเริบเสิบสานบุกรุกระราน จนเดือดร้อนกันทั้งสามโลก จับเทวดานางฟ้ากักขัง จนบรรดาทวยเทพต้องร่วมกันบวงสรวงต่อองค์พระคเณศให้ พระคณศเสด็จมาปราบ มหายุทธระหว่างพระคเณศกับอสูรสินธุ พระคเณศทรงประทับมาบนหลังนกยูง ใช้ขวานผ่าท้องสินธุ ทรงนำหม้อน้ำอมฤตออกจากท้องแล้วสังหารสินธุด้วยการตัดหัว หลังจากที่หัวของสินธุขาด เลือดนั้นก็เกิดเป็นสีแดงสดใสสาดไปทั่วทั้งสวรรค์ บังเกิดเป็นผงเจิมสีแดงสดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ผงนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ผงสินธู" นั่นเอง และหัวของอสูรสินธุก็ตกอยู่ ณ หมู่บ้านโมเรกาวน์แห่งนี้
ปัญจเทวตา (มหาเทวะ 5 พระองค์ คือ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระศักติ และสุริยเทพ) ได้ขอให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป พระคเณศจึงเนรมิตสวยัมภูมูรติแห่งนี้ขึ้น และเนื่องจากพระคเณศทรงนกยูงมาในการปราบสินธุ สวยัมภูมูติแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "ศรีมยุเรศวร"
ผู้ที่มาสักการะองค์ "พระศรีมยุเรศวร" จะปราศจากอุปสรรคและอันตรายใดๆมาแผ้วพานจะพบแต่ความสำเร็จความสุขความเจริญ
ผมรู้สึกถึงพระกรุณาของพระคเณศ ที่ทรงให้ผมได้ถ่ายภาพพระองค์จากที่ใกล้ๆทั้งๆที่ไม่ค่อยมีใครได้ถ่ายยกเว้นงานสำคัญ พระคเณศทรงประทานความกรุณาให้ผมได้ชื่นชมพระบารมี
อย่าช้าทีมาต่อที่ เทวสถานที่ 3
เทวสถานศรีจินดามณี (Shri Chintamani) ตั้งอยู่ที่ เทอูร์ ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเทวสถานอัษฏวินายักกะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งเนื่องจากผู้ที่มาบูชาตั้งจิตอธิฐานสิ่งใดก้อได้ตามปรารถนาดังหวังทุกรายไป
ประวัติเทวสถานแห่งนี้ เทวตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่า กษัตริย์อภิจิต และ พระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อ คณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในสามโลก วันหนึ่งคณราชและกองทหารที่ติดตามออกมาล่าสัตว์ได้ผ่านมาทางอาศรมของ ฤาษีกปิละ จึงได้ขอพักเหนื่อยบริเวณอาศรม พระฤาษีมีความเมตตาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งเชิญราชบุตรและผู้ติดตามกินอาหารที่อาศรม พระฤาษีใช้ แก้วจินตามณี ก้อคือแก้วสารพัดนึก นึกสิ่งใดก้อได้สิ่งนั้น พระฤาษีเนรมิตอาหารเลี้ยงคณราชและกองทหารทั้งหมด เมื่อคณราชทราบว่าพระฤาษีมีแก้วที่ทรงคุณวิเศษ เกิดความโลภอยากได้จินดามณีมาก ถึงกับเอ่ยปากขอ ฝ่ายพระฤาษีเห็นว่าเป็นของพระราชทานจากองค์อินทรา พระฤาษีจึงปฏิเสธ เมื่อขอไม่ได้คณราชจึงใช้กำลังแย่งชิงจินดามณีมาเป็นของตน จากนั้นอาศรมของพระฤาษีตกอยู่ในความลำบากเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารที่จะนำมาเลี้ยงคนในอาศรม ฤาษีกปิลบวงสรวงยันยะพิธี อ้อนวอนต่อองค์พระคเณศขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ คืนนั้นคณราชฝันไปว่าฤาษีกปิลได้ยกกองกำลังมาเพื่อนำจินดามณีกลับคืน หนึ่งในพลเสนาของพระฤาษีได้ตัดหัวคณราชด้วยขวาน รุ่งเช้าคณราชบันดาลโทสะจากความฝันจึงจัดแต่งกองกำลังเพื่อไปสังหารฤาษีกปิล
พระคเณศทรงเสด็จมาช่วยฤาษีกปิล ทำลายกองกำลังของคณราชจนหมดสิ้น คณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระคเณศ สุดท้ายถูกพระคเณศสังหาร
มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชก่อขึ้น พระฤาษีอธิษฐาน ทูลขอให้พระคเณศทรงประทับอยู่ ณ.ที่แห่งนี้ตลอดไป และได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า "ศรีจินดามณี"
ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี โอม เจ คชานันคณะปติ นะโมนะมาฮา
พรุ่งนี้มาต่อ ภาคสามครับ