ราคาที่ต้องจ่ายของ ตู่

ท่านที่เคารพรักครับ  เคยมีคำพูดกล่าวเอาไว้ว่า  ในสงครามนั้น เราอาจจะถูกฆ่าเพียงครั้งเดียว  
แต่ในทางการเมือง เราอาจจะถูกฆ่าหลายหน  ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

และเคยมีคำพูดกล่าวเอาไว้อีกว่า  อุดมคติทางการเมือง  คือเชือกเส้นใหญ่ ที่นักการเมืองใช้โหนไต่เต้าไปสู่การมีอำนาจ

สำหรับสองคำคมที่เอ่ยมานี้   คนไม่สนใจการเมือง  ไม่เคยใส่ใจ เพราะไม่ได้เกี่ยวพันถึงชีวิตประจำวัน

แต่สำหรับนักหากินทางการเมือง  สองคำคมนี้ สำคัญนัก


คำว่าผู้บริสุทธิ์ มักจะโดนเอ่ยถึงเสมอๆตามสื่อ ในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำ
ที่ก่อเกิดความเสียหายไปกับเหตุการณ์แบบ พลอยฟ้า พลายฝน ไม่รู้ตัว

ผู้บริสุทธิ์คือผู้ไม่รู้คุณโหน่ ไม่รู้คุณเหน่นั่นเอง  และเวลานี้ ผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก กำลังได้รับผลกระทบ แบบไม่รู้เนื้อ รู้ตัว
หรือรู้แต่ทำอะไรไม่ได้ ขัดขืนไม่ได้ แสดงออกไม่ได้ มีปาก มีเสียงก็ไม่ได้   ทั้งๆที่ผู้บริสุทธิ์อาจจะไม่ใช่สีใดๆ หรือไม่เคยสนใจทางการเมืองเลย

เราทุกคนอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่วันใด ก็วันหนึ่งได้ง่ายๆ ในท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง เช่นอยู่ๆ ชูสามนิ้วไม่ได้
อยู่ๆฉีกตั๋วหนังไม่ได้ อยู่ๆอ่านหนังสือไปด้วย กินแซนวิชไม่ด้วยก็ไม่ได้

หรืออยู่ๆ ผู้บริสุทธิ์ก็ได้ดูดนตรีฟรี ดูหนังฟรี โดยที่ผู้บริสุทธิ์ยัง งงๆ ว่า ทำไมได้ดูฟรี   ก็ไหนว่าของฟรีไม่มีในโลก

ที่เอ่ยถึงมาเหล่านี้  ผู้บริสุทธิ์ไม่รู้หรอกว่า ตู่เหนื่อย  แต่คนอื่นๆ กำลังเอามือลูบปาก รอกินเหยื่อ

สำหรับคอการเมือง ที่ติดตามการเมือง ในห้องการเมืองมาตลอดแบบบริสุทธิ์ใจ
ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนจากห้องการเมือง หรือ ไม่ได้หวังเอาชื่อห้องการเมือง ราชดำเนินแห่งนี้ไปต่อรองเพื่อหาผลประโยชน์

หรือคอการเมือง ที่เข้ามาติดตามการเมืองแบบปัจเจกชน  ไม่มุ่งหวังรวมกลุ่มไปต่อรอง หรือเรียกร้องเงินใดๆ

คงจะพอคิดภาพการเมืองที่ผ่านมาออกว่า   ใครทำงานล้มเหลว และมีใครบ้างที่ใกล้เคียงกับคำว่า สำเร็จ

หากเอ่ยถึงคำว่าทำงานล้มเหลว   คอการเมืองจะเห็นได้ว่า กำนันเอย  ม็อบกลุ่มอื่นเอย  องค์กรอิสระเอย
ต่างไม่สามารถทำงานได้แบบเด็ดขาด  ทั้งๆที่ไม่มีใครออกมาเหยงๆกดดันหรือ กล้าท้าทายต่อสู้เลย

แต่สุดท้ายม็อบ หรือองค์กร ก็ฝ่อไปเอง

อาจจะเพราะว่าที่ผ่านมา กลยุทธ์การทำลายของม็อบข้างถนน หรือขององค์กรอิสระต่างๆ โดนประชาชนอ่านออกแบบชัดเจน เห็นไส้ เห็นพุง

จึงไม่มีใครกล้าออกหน้า  ทำลายรัฐบาลแบบจะๆ เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด

คอการเมืองจึงจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาวิกฤตแล้ว  วิกฤตเล่า  เหมือนโยนก้อนหิน มาถามทาง

แต่ไม่มีใคร ไม่มีม็อบใด หรือองค์กรใด กล้าออกหน้าทำลาย  แม้แต่นายสุรชัย  ประธานเถื่อน ก็ไม่กล้า

สุดท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล  แต่เพราะทีมงานเหล่านั้น ทำลายรัฐบาลไม่ได้

บทสรุป จึงคือการเสี่ยงของตู่

คำถามสำหรับคอการเมืองคือว่า  จากนี้ไป ไม่นาน จะมีเค้กก้อนใหญ่ ในตำแหน่งต่างๆ  ที่ใครๆก็วิ่งเข้าหา

และดูเหมือนกำนันจะฉลาดและไวปานวอกกว่าเพื่อน  เมื่อรู้ว่าตำแหน่งมีจำกัด การจัดงานให้จ่ายเข้าทุน เพื่อได้เสนอหน้าเป็นข่าว
จึงเหมือนอ่านออกถึงด้านลึกของจิตใจ พวกนิยมการแต่งตั้งทั้งหลายว่า  

ยังไง ยังไงก็ต้องเป็นหมูวิ่งมาชนปังตอ  ให้เชือด เพราะความอยากได้ใคร่ดี ต้องจ่ายเข้ากองทุนกำนัน อีกจนได้ ( ฮา )

แต่สุดท้ายตู่เบรคจน หัวทิ่ม   เพรารู้ว่า  เหล่าประดาที่เสนอหน้า และอยากได้ใครดี  ในตำแหน่งแห่งหนต่างๆ จากนี้ไปนั้น

ไม่เคยมีใคร ทำอะไร คุณยิ่งลักษณ์ได้เลย   แต่กลับอยากได้รางวัล

สำหรับตู่แล้ว  " ราคาที่ต้องจ่าย "  คือ หมุดหมายแรกว่า  จะรู้ทันคนเหล่านี้หรือไม่

เพราะยุคสมัยนายบังสนธิ  ก็จ่ายให้กับคนเหล่านี้ ที่ล้วนหน้าเดิมๆ ที่วนเวียนรายล้อมรอบ เรียกง่ายๆว่า

เสนอหน้าขอแบ่งส่วนบุญ ครั้งแล้ว   ครั้งเล่า พอเข้าไปก็รวมกลุ่มกัน ป่วนบ้าน  ป่วนเมือง


มันคือราคาที่ต้องจ่าย ให้คนดีครับตู่  คนอย่าง สนธิ พิภพ สุริยะใส  พงษ์พัฒน์  พรรค ปชป
และเหล่าอาจารย์ตามมหาลัย  หรือนักวิชาการ ที่ชเลียร์เก่ง

การเมืองมันจำเป็นต้องให้คนเหล่านี้ ที่เป็นสัมภเวสีอิงแอบทางการเมือง  ได้กินด้วย


อยู่ที่ว่าตู่จะคิดอย่างไร   จะรู้ทันคนเหล่านั้นหรือไม่

เพราะคนเหล่านั้น  ก็กำลังรออย่างใจจด ใจจ่อให้ตู่ " คืนความสุข " ให้ครับ   ( ฮา )

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่