สวัสดีครับ..งับ..งับงับ
เข้าพันทิปมาตั้งกะชาติที่แล้วแต่ไม่เคยตั้งกระทู้โพสต์ภาพกับชาวบ้านเขาเลยเพราะเกรงใจคนดู กลัวคนดูฮากแตก(มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงปรี๊ดด)
จึงได้แต่ป่วนกระทู้ชาวบ้านเขาไปทั่วอย่างสม่ำเสมอ แอบสังหรณ์ใจเหมือนกันว่าอีกไม่นานคงจะเจอดี 55
วันนี้ขอพลีชีพ(พลีชีพ ภาษาอีสานเขาว่า"โสตาย"พะน่ะ)โพสต์ภาพสักนิดนะครับ ก่อนที่สึนามิจะมากวาดเอาคอมฯผมลงไปถวายพญานาค
เอ้อ..ผมจำไม่ได้แล้วว่าเห็นข่าวจากที่ไหนที่เขาบอกหมอดูทายว่าจะมีสึนามิ
ภาพพวกนี้ก็ถ่ายไว้ต่างกรรมต่างเวร เฮ้ย ต่างกรรมต่างวาระครับ ผสมกันไปแบบมั่วๆท่านผู้ชมอาจจะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน ข้าน้อยก็ต้องกราบง่ามteenเพื่อขอประทานอภัยไว้ล่วงหน้า
บางภาพก็เคยโพสต์แจมในกระทู้ท่านอื่นมาแล้วก็มี วันนี้ก็มายัดเยียดให้ดูกันอีก...เอาละ ไปดูรูปกันก่อนดีกว่า ถ้าพร่ำเพ้อจนน้ำลายแตกฟองแล้วจะเบรคไม่อยู่...เชิญหาความรำคาญได้เลย(กรุณาดูภาพให้สวยด้วยนะครับ55)
ขอเปิดที่รูปพระก่อนนะจ๊ะ...พุทธัง วันทามิ สาธุ
จากนั้นก็มาไว้อาลัยให้กับเรือเอียงผู้ได้รับตำแหน่งขวัญใจช่างภาพกัน ได้ข่าวว่าตอนนี้พังไปเรียบร้อย...

ภาพนี้หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมเป็นแบบนี้ซ้อนเลเย่อร์หรือเปล่า ความจริงไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการตั้งใจเลยครับ มันเกิดขึ้นเองเนื่องจากผมเสียบฟิลเตอร์ ND ผิดช่อง(ด้านหนึ่งใส่ช่องแรกอีกด้านใส่ช่องที่สอง)จึงทำให้แสงรั่วและสะท้อนเข้าหน้าเลนส์ ผมเห็นมันแปลกดีจึงไม่ลบทิ้ง

แฉลบไปสามพันโบกมั่งดีกว่า
ครั้งแรกที่ไปที่นี่เมื่อสามปีก่อนก็หลงไหลเสน่ห์ของสามพันโบกเข้าให้อย่างจังจึงต้องไปอีกหลายครั้ง
แต่ครั้งหลังๆไม่ได้นอนรีสอร์ทเพราะว่ามันเสียเวลาเดินทางจึงเอาเต๊นท์ไปกางนอนเฝ้าโบกกันริมแม่น้ำโขงนั่นเลย
ทำให้สะดวกในการลงไปถ่ายรูปทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น อาหารการกินห้องน้ำห้องท่าก็บริบูรณ์ไม่มีอะไรต้องห่วง

ทุ่งแสลงหลวงแห่งความประทับใจ
ครั้งนั้นเดินทางคนเดียวโดยเอาเต๊นท์ไปกางนอนท้าลมหนาว ประมาณตีห้าขับรถฝ่าสายหมอกขึ้นจุดชมวิวเพื่อรอถ่ายรูป แต่ในระหว่างทางเจอกวางตัวบะเหิ่มเดินอ้อยอิ่งข้ามถนนไปโดยไม่ใส่เสื้อกันหนาว 55

เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสไปถ่ายภาพวัดอรุณ ไปถึงก็เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้สะเปะสะปะเพราะไม่รู้ว่าเขาถ่ายมุมไหนกัน เดินไปเจอร้านอาหารมั่งโรงแรมมั่งมันไม่มีที่ให้ถ่าย จนที่สุดก็เดินมาถึงสวนสาธารณะตรงท่าเตียน(มั้ง)จึงตัดสินใจกางกลด เย้ย กางขาตั้งกล้องและนับว่าโชคดีที่หยิบเอา70-200ไปด้วย จึงเอาขึ้นขาตั้งแทนเลนส์ไวด์(คือจุดที่ถ่ายอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดและค่อนข้างไกลถ้าใช้เลนส์ไวด์มันจะเห็นพระปรางค์เล็กเท่าลูกเจี๊ยบเท่านั้นเอง)
ขอปิดด้วยรูปที่ตั้งกล้องถ่ายตัวเองก็แล้วกัน ให้เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่มก็พอ...อาย อิอิ
วันนั้นแสงสวยมากแต่มันมาเร็วไปเร็วเหลือเกิน ทำให้เกือบถ่ายไม่ทันเพราะกล้องตั้งอยู่มุมต่ำพอตั้งกล้องเสร็จนายแบบจะต้องรีบหอบพุง(พอๆกับคนท้องแก่)ปีนขึ้นไปบนโขดหินแล้วยืนพุงกางอย่างที่เห็น นึกถึงตอนถ่ายภาพนี้ทีไรก็ขำตัวเองทุกที 55
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาและดูจนจบโดยไม่อ้วก 55 จะติจะชมหรือดุด่าว่ากล่าวอะไรก็ตามสะดวกเถอะจ้า
ขอให้ทุกท่านเฮงๆรวยๆ โลกสวยกันทุกคน เย้ยย... ราตรีสวัสดิ์ครับ
555*****ภาพถ่ายขำๆของผม*****555
เข้าพันทิปมาตั้งกะชาติที่แล้วแต่ไม่เคยตั้งกระทู้โพสต์ภาพกับชาวบ้านเขาเลยเพราะเกรงใจคนดู กลัวคนดูฮากแตก(มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงปรี๊ดด)
จึงได้แต่ป่วนกระทู้ชาวบ้านเขาไปทั่วอย่างสม่ำเสมอ แอบสังหรณ์ใจเหมือนกันว่าอีกไม่นานคงจะเจอดี 55
วันนี้ขอพลีชีพ(พลีชีพ ภาษาอีสานเขาว่า"โสตาย"พะน่ะ)โพสต์ภาพสักนิดนะครับ ก่อนที่สึนามิจะมากวาดเอาคอมฯผมลงไปถวายพญานาค
เอ้อ..ผมจำไม่ได้แล้วว่าเห็นข่าวจากที่ไหนที่เขาบอกหมอดูทายว่าจะมีสึนามิ
ภาพพวกนี้ก็ถ่ายไว้ต่างกรรมต่างเวร เฮ้ย ต่างกรรมต่างวาระครับ ผสมกันไปแบบมั่วๆท่านผู้ชมอาจจะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน ข้าน้อยก็ต้องกราบง่ามteenเพื่อขอประทานอภัยไว้ล่วงหน้า
บางภาพก็เคยโพสต์แจมในกระทู้ท่านอื่นมาแล้วก็มี วันนี้ก็มายัดเยียดให้ดูกันอีก...เอาละ ไปดูรูปกันก่อนดีกว่า ถ้าพร่ำเพ้อจนน้ำลายแตกฟองแล้วจะเบรคไม่อยู่...เชิญหาความรำคาญได้เลย(กรุณาดูภาพให้สวยด้วยนะครับ55)
ขอเปิดที่รูปพระก่อนนะจ๊ะ...พุทธัง วันทามิ สาธุ
จากนั้นก็มาไว้อาลัยให้กับเรือเอียงผู้ได้รับตำแหน่งขวัญใจช่างภาพกัน ได้ข่าวว่าตอนนี้พังไปเรียบร้อย...
ภาพนี้หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมเป็นแบบนี้ซ้อนเลเย่อร์หรือเปล่า ความจริงไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการตั้งใจเลยครับ มันเกิดขึ้นเองเนื่องจากผมเสียบฟิลเตอร์ ND ผิดช่อง(ด้านหนึ่งใส่ช่องแรกอีกด้านใส่ช่องที่สอง)จึงทำให้แสงรั่วและสะท้อนเข้าหน้าเลนส์ ผมเห็นมันแปลกดีจึงไม่ลบทิ้ง
แฉลบไปสามพันโบกมั่งดีกว่า
ครั้งแรกที่ไปที่นี่เมื่อสามปีก่อนก็หลงไหลเสน่ห์ของสามพันโบกเข้าให้อย่างจังจึงต้องไปอีกหลายครั้ง
แต่ครั้งหลังๆไม่ได้นอนรีสอร์ทเพราะว่ามันเสียเวลาเดินทางจึงเอาเต๊นท์ไปกางนอนเฝ้าโบกกันริมแม่น้ำโขงนั่นเลย
ทำให้สะดวกในการลงไปถ่ายรูปทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น อาหารการกินห้องน้ำห้องท่าก็บริบูรณ์ไม่มีอะไรต้องห่วง
ทุ่งแสลงหลวงแห่งความประทับใจ
ครั้งนั้นเดินทางคนเดียวโดยเอาเต๊นท์ไปกางนอนท้าลมหนาว ประมาณตีห้าขับรถฝ่าสายหมอกขึ้นจุดชมวิวเพื่อรอถ่ายรูป แต่ในระหว่างทางเจอกวางตัวบะเหิ่มเดินอ้อยอิ่งข้ามถนนไปโดยไม่ใส่เสื้อกันหนาว 55
เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสไปถ่ายภาพวัดอรุณ ไปถึงก็เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้สะเปะสะปะเพราะไม่รู้ว่าเขาถ่ายมุมไหนกัน เดินไปเจอร้านอาหารมั่งโรงแรมมั่งมันไม่มีที่ให้ถ่าย จนที่สุดก็เดินมาถึงสวนสาธารณะตรงท่าเตียน(มั้ง)จึงตัดสินใจกางกลด เย้ย กางขาตั้งกล้องและนับว่าโชคดีที่หยิบเอา70-200ไปด้วย จึงเอาขึ้นขาตั้งแทนเลนส์ไวด์(คือจุดที่ถ่ายอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดและค่อนข้างไกลถ้าใช้เลนส์ไวด์มันจะเห็นพระปรางค์เล็กเท่าลูกเจี๊ยบเท่านั้นเอง)
ขอปิดด้วยรูปที่ตั้งกล้องถ่ายตัวเองก็แล้วกัน ให้เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่มก็พอ...อาย อิอิ
วันนั้นแสงสวยมากแต่มันมาเร็วไปเร็วเหลือเกิน ทำให้เกือบถ่ายไม่ทันเพราะกล้องตั้งอยู่มุมต่ำพอตั้งกล้องเสร็จนายแบบจะต้องรีบหอบพุง(พอๆกับคนท้องแก่)ปีนขึ้นไปบนโขดหินแล้วยืนพุงกางอย่างที่เห็น นึกถึงตอนถ่ายภาพนี้ทีไรก็ขำตัวเองทุกที 55
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาและดูจนจบโดยไม่อ้วก 55 จะติจะชมหรือดุด่าว่ากล่าวอะไรก็ตามสะดวกเถอะจ้า
ขอให้ทุกท่านเฮงๆรวยๆ โลกสวยกันทุกคน เย้ยย... ราตรีสวัสดิ์ครับ