อ่านคอลัมน์เหะหะพาทีของ “ซูม” ไทยรัฐ วันนี้แล้วถูกใจมากค่ะ
ต้องเอามาแบ่งปัน ขอยกช่วงที่น่าสนใจที่เป็นประเด็นหลักมาอ่านกันคะ
(ส่วนรายละเอียดเต็มกดลิงค์เลยค่ะ)
V
V
สำหรับของสหภาพยุโรปนั้น ก็เป็นนโยบายสำคัญอยู่ในข้อตกลงร่วมว่า
จะไม่ยอมรับการปกครองที่มิใช่ระบอบประชาธิปไตยโดยเด็ดขาด
ดังนั้น เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้แล้วเช่นนี้
การออกมาประณามของเขา จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องตื่นเต้น หรือตกใจเกินเหตุ
ในทางตรงข้ามเราควรจะต้องรับสถานการณ์อย่างใจเย็น
และพยายามใช้วิธีทางการทูตหรือความสัมพันธ์ในภาคเอกชนเท่าที่มีอยู่
ทำความเข้าใจกับอียู และหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้มากที่สุด
เป็นที่ตระหนักกันอยู่แล้วว่ารัฐประหารที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีใครอยากจะให้เกิด
ทาง คสช.เองก็แถลงทั้งด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษรว่า
จำเป็นต้องทำเพื่อให้การเผชิญหน้าและวิกฤติของประเทศไทยยุติลง
ซึ่งประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ก็เข้าใจและแสดงความเห็นในเชิงตอบรับ
รวมทั้งแสดงความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของ คสช.ผ่านโพลต่างๆ
ทาง คสช.เองก็มีโรดแม็ปที่ชัดเจน พร้อมกับกำหนดเวลาที่ค่อนข้างแน่นอนว่า
จะคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยใน 1 ปี 6 เดือน
ซึ่งขณะนี้ก็มีการจัดระเบียบการเตรียมตัวตามขั้นตอนต่างๆดังที่ทราบกันอยู่ แล้ว
สำหรับคำประณามหรือคำเตือน ซึ่งดูจะเป็นคำขู่เสียด้วยของอียู นั้น
เราก็ต้องเข้าใจเขา ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากเราค่อนข้างมาก
รวมถึงความรู้ความเข้าใจในเรื่องประชาธิปไตยของเขาที่ก้าวไปไกลมาก แล้ว
และมีระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงแล้ว
ทำให้เขาทึกทักไปว่าทุกประเทศในโลกควรจะเป็นอย่างเขาทั้งหมด
โดยลืมไปว่าสำหรับบางประเทศนั้นยังมีนักประชาธิปไตยจอมปลอม
และมีผู้ฉวยโอกาส ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของระบอบประชาธิปไตย
เพื่อตนเองและพวกพ้องอยู่เป็นอัน มาก
เมื่อเราเข้าใจเขาเช่นนี้...จะได้ขอบคุณเขาที่ช่วยเตือน
แต่ขณะเดียวกันก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจให้เขาทราบว่า
เหตุใดเราจึงต้องมี การปฏิวัติรัฐประหารและขอให้เขาเข้าใจว่า
ในที่สุดแล้วเราก็จะเดินไปสู่จุด เดียวกับเขานั่นเอง
ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของเพื่อนๆคอลัมนิสต์หลายๆคนที่เคยกล่าวไว้
ก่อนหน้านี้ว่าการรัฐประหารนั้นมีต้นทุนที่ค่อนข้างแพง
แต่เมื่อเราไม่มีทางเลือกต้องใช้มาตรการที่มีต้นทุนแพงนี้แล้ว
ก็ขอให้ใช้ และดำเนินการให้คุ้มค่าที่สุด
ด้วยการจัดระเบียบเตรียมระบบทบทวนกฎบัตร กฎหมายต่างๆ
เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริงทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นผลดี แก่ประเทศชาติในอนาคต
แต่ถ้าเราลนลานพอคนโน้นทักคนนี้ประณามคนนั้นขู่...
ก็ตกใจรีบกลับไปสู่ ระบอบประชาธิปไตยแบบมิได้จัดเตรียมอะไรไว้เลย
ในที่สุดความวุ่นวายต่างๆก็จะกลับมาอีก
จะไม่คุ้มเลยครับกับความเสี่ยงจากการถูกประณาม...
ถูกคัดค้านจากนานาชาติ ในการปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้.
“ซูม”
http://www.thairath.co.th/content/431970
<><> เดินหน้าต่อไป เมื่อมั่นใจเรามาถูกทาง <><>
ต้องเอามาแบ่งปัน ขอยกช่วงที่น่าสนใจที่เป็นประเด็นหลักมาอ่านกันคะ
(ส่วนรายละเอียดเต็มกดลิงค์เลยค่ะ)
V
V
สำหรับของสหภาพยุโรปนั้น ก็เป็นนโยบายสำคัญอยู่ในข้อตกลงร่วมว่า
จะไม่ยอมรับการปกครองที่มิใช่ระบอบประชาธิปไตยโดยเด็ดขาด
ดังนั้น เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้แล้วเช่นนี้
การออกมาประณามของเขา จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องตื่นเต้น หรือตกใจเกินเหตุ
ในทางตรงข้ามเราควรจะต้องรับสถานการณ์อย่างใจเย็น
และพยายามใช้วิธีทางการทูตหรือความสัมพันธ์ในภาคเอกชนเท่าที่มีอยู่
ทำความเข้าใจกับอียู และหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้มากที่สุด
เป็นที่ตระหนักกันอยู่แล้วว่ารัฐประหารที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีใครอยากจะให้เกิด
ทาง คสช.เองก็แถลงทั้งด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษรว่า
จำเป็นต้องทำเพื่อให้การเผชิญหน้าและวิกฤติของประเทศไทยยุติลง
ซึ่งประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ก็เข้าใจและแสดงความเห็นในเชิงตอบรับ
รวมทั้งแสดงความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของ คสช.ผ่านโพลต่างๆ
ทาง คสช.เองก็มีโรดแม็ปที่ชัดเจน พร้อมกับกำหนดเวลาที่ค่อนข้างแน่นอนว่า
จะคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยใน 1 ปี 6 เดือน
ซึ่งขณะนี้ก็มีการจัดระเบียบการเตรียมตัวตามขั้นตอนต่างๆดังที่ทราบกันอยู่ แล้ว
สำหรับคำประณามหรือคำเตือน ซึ่งดูจะเป็นคำขู่เสียด้วยของอียู นั้น
เราก็ต้องเข้าใจเขา ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากเราค่อนข้างมาก
รวมถึงความรู้ความเข้าใจในเรื่องประชาธิปไตยของเขาที่ก้าวไปไกลมาก แล้ว
และมีระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงแล้ว
ทำให้เขาทึกทักไปว่าทุกประเทศในโลกควรจะเป็นอย่างเขาทั้งหมด
โดยลืมไปว่าสำหรับบางประเทศนั้นยังมีนักประชาธิปไตยจอมปลอม
และมีผู้ฉวยโอกาส ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของระบอบประชาธิปไตย
เพื่อตนเองและพวกพ้องอยู่เป็นอัน มาก
เมื่อเราเข้าใจเขาเช่นนี้...จะได้ขอบคุณเขาที่ช่วยเตือน
แต่ขณะเดียวกันก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจให้เขาทราบว่า
เหตุใดเราจึงต้องมี การปฏิวัติรัฐประหารและขอให้เขาเข้าใจว่า
ในที่สุดแล้วเราก็จะเดินไปสู่จุด เดียวกับเขานั่นเอง
ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของเพื่อนๆคอลัมนิสต์หลายๆคนที่เคยกล่าวไว้
ก่อนหน้านี้ว่าการรัฐประหารนั้นมีต้นทุนที่ค่อนข้างแพง
แต่เมื่อเราไม่มีทางเลือกต้องใช้มาตรการที่มีต้นทุนแพงนี้แล้ว
ก็ขอให้ใช้ และดำเนินการให้คุ้มค่าที่สุด
ด้วยการจัดระเบียบเตรียมระบบทบทวนกฎบัตร กฎหมายต่างๆ
เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริงทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นผลดี แก่ประเทศชาติในอนาคต
แต่ถ้าเราลนลานพอคนโน้นทักคนนี้ประณามคนนั้นขู่...
ก็ตกใจรีบกลับไปสู่ ระบอบประชาธิปไตยแบบมิได้จัดเตรียมอะไรไว้เลย
ในที่สุดความวุ่นวายต่างๆก็จะกลับมาอีก
จะไม่คุ้มเลยครับกับความเสี่ยงจากการถูกประณาม...
ถูกคัดค้านจากนานาชาติ ในการปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้.
“ซูม”
http://www.thairath.co.th/content/431970