ครั้งหนึ่ง..ฉันเคยเป็นเด็กที่ครูบอกแม่ว่า..พาลูกไปหาหมอเถอะ

เรื่องมีอยู่ว่า
ตอนเราอยู่อนุบาล เราไม่คุยกับใครเลย กับทั้งครูและเพื่อน ตั้งแต่เช้าจนกลับถึงบ้าน
จนครูเรียกแม่ไปพบ แล้วบอกว่า  ลูกแม่อาจจะมีปัญหาเรื่องพัฒนาการ อาจจะเป็นใบ้ หรือมีปัญหาทางจิตใจ ให้ไปพบแพทย์
แม่เครียดมาก แม่เถียงครูว่าลูกชั้นปกติ (อันนี้แม่เล่าให้ฟังนะ จำไม่ได้หรอก)
แม่เป็นคนเดียวที่เชื่อว่าลูกปกติ แม่ทำทุกวิถีทางให้ครูเชื่อแบบแม่ เพราะอยู่บ้านเราคุยกับแม่นะ แต่ไม่อยากคุยกับครูกับเพื่อน ไม่คุยกับใครเลยจนกลับบ้าน (ตอนนี้ก็ยังไม่รู้สาเหตุ แต่ว่าหายแล้วนะ)
มีวันหนึ่งแม่ให้พ่อไปซื้อเครื่องวิทยุ ที่อัดม้วนเทปได้ มาเพื่ออัดเสียงเราไปยืนยังนกับครู แต่เรารู้เลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้าน แล้วก็ไม่คุยกับใครเลย จนแน่ใจว่าพ่อเลิกอัดเทปแล้ว ถึงคุยกับคนในบ้าน
เวลาสอบอ่านหนังสือเรากดดันมาก ครูทั้งด่าทั้งว่า จนเราร้องไห้ จึงให้เรากลับไปนั่งที่ ปวดฉี่ก็ไม่กล้าบอกครู (คือไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรนักหนาถึงไม่พูด) สอบก็ได้ที่โหล (เพราะไม่มีคะแนนสอบอ่านเลย) แต่โรงเรียนเราเรียนง่ายๆ เราก็จบ อนุบาล 2 มีครูคนนึงอยากช่วยเราเค้าบอกว่าเราเรียนรู้เรื่องแต่ทดสอบทางภาษายาก เพราะไม่พูด เลยให้ลองทดสอบทางคณิตศาสตร์ ถามพวกจำนวน ถามว่าลูกปัดในเชือก 2 เส้นนี้รวมกันได้กี่เม็ด ตอบกี่เม็ดชูนิ้วตอบ ก็ตอบได้หมด (คือไก่กาเองอะคำถาม ==") เลยข้ามไปเรียน ป.1 เลย เพราะครูคิดว่าขึ้น ป.1 แล้วจะยอมพูด ปรากฏก็ไม่พูด
จนวันนึงครูก็วางแผนกัน ว่าเราทำรองเท้าเค้าพัง ให้เราขอโทษ ถ้าไม่ขอโทษไม่ให้ไปไหน กดดันอยู่นาน เราก็ปล่อยมุกเดิม คือร้องไห้  ปรากฏครูคนนี้ไม่ยอมค่าาา ยังบังคับให้เราพูด ขอโทษต่อไป จนในที่สุด...เออก็ได้วะ ..."ขอโทษค่ะ"...คำแรกในชีวิต ณ โรงเรียนนี้หลุดออกมา ยิ่งกว่าวินาทีทำคลอด ทุกคนแถวนั้นตะโกน "เฮ่ๆๆๆ" พร้อมกัน เพื่อนบางคนวิ่งไปทั่วโรงเรียนบอกเพื่อนในโรงเรียนว่า "เห้ย AAA พูดได้ ไปดู AAA พูดเร็ว" (กูน่าจะตั้งกระป๋องเก็บตังแบบงานวัดว่ะ เข้ามาดูกูพูดจ่าย 5 บาท รวยแน่)  คือความรู้สึกตอนนั้นเหมือนถูกหลอกนะ แต่ก็เหมือนได้ถูกปลดปล่อย คือหลังจะนั้นพูดไม่หยุดจนทุกวันนี้ 5 55555 ไม่อายแล้ว ตอนนี้ชอบจับไมค์มาก มีความสุขกับการเม้ามอย เหมือนเราสามารถสื่อสารสิ่งที่เราคิดได้ ลืมบอก พอเราพูดได้การเรียนเราดีขึ้นเลยนะ จากที่โหล่ มาอยู่ที่ 4 ของห้องปัจจุบัน เราเรียนปี 4 แล้ว ในคณะหนึ่ง มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง อีก เกือบ 3 ปีก็จะได้เป็นบัณฑิตแล้วนะ พอนึกถึงวันนั้นอดไม่ได้ที่จะขอบคุณแม่ ที่ถึงแม้ว่าคนทั้งโลกจะบอกว่าหนูเป็นเด็กพัฒนาการช้า เป็นเด็กโรคจิต เด็กใบ้  หนูรู้ว่าแม่เคยเสียใจเพราะแม่ทุกคนย่อมมีความหวังกับลูก แต่แม่คือผู้หญิงคนเดียวในโรงเรียนที่สู้กับคำกล่าวหาเหล่านั้นแทนหนู จูงหนูกลับบ้าน เชื่อในตัวหนู เชื่อมาทุกวันจนหนูมีวันนี้ ขอบคุณคุณครูคนที่ให้หนูข้ามชั้น และคนที่ทำให้หนูพูดได้ด้วยนะคะ คิดถึงมาก วันนี้หนูโตแล้วนะ พูดเก่งกว่าครูอีก ฮิฮิ

ใครมีลูกแบบเรา อย่าเพิ่งท้อใจนะคะ ช่วยกันหาทางแก้ไข และไว้ใจในตัวเค้า

เรื่องตอนวันเด็กของคุณเป็นยังไงมาแชร์กันนะคะ ;)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่