อย่างคนที่เงินเดือน 4 หมื่นขึ้นไป ถึงเงินเดือนเป็นแสน ก็จะมองรถอย่าง Civic Altis Camry Accord เป็นรถราคากลางๆในย่าน 1 ล้านกว่าๆ
ส่วน Benz BMW ก็จะราคาแพงกว่านั้น 3-4 เท่า ลูกค้ากลุ่มนี้อาจจะเริ่มจากรถญี่ปุ่นก่อน แล้วสุดท้ายก็ใช้รถยุโรป 3 ล้านอัพได้
สำหรับชนกลุ่มล่าง หรือคนธรรมดาๆ รายได้ไม่มาก ก็จะมอง Eco car กับ b car และ c car รุ่นล่างๆ เงินเดือนเริ่มต้นจาก หมื่นต้นๆ ไปจบลงที่
3-4 หมื่น โอกาสจะขับ Benz BMW ไม่มีปัญญาแน่ๆ ถ้าจะเอาจากเงินเดือนเพียวๆ ซึ่งก็กลายเป็นว่ามีแบรนด์ MG มาอยู่ตรงนี้ที่ราคา บ้านๆ 1 ล้าน
ซึ่งมันก็มีคุณภาพประมาณว่าอยากจะ premium แบบรถยุโรปยี่ห้อดังๆ ส่วนราคาก็แพงงกว่ารถ eco car อย่าง March ประมาณ 2 เท่า
ผมเพิ่งเห็นว่า หน้าตาแย่ๆ ของ MG6 มันมาจากความพยายามจะเอาหน้า MG F รถที่เป็นที่รู้จักของค่ายในอดีต มาเชื่อมรอยต่อ
ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไหร่
และนี่อาจจะเป็น positioning ของ CO-SAIC ของแบรนด์ MG ในอนาคต ที่มีศูนย์บริการ เครือข่ายอะไหล่ซ่อมบำรุงแพร่หลาย
และรุ่นถัดไปที่หน้าตาดูอินเตอร์กว่านี้ ไม่ได้ก๊อปปี้รถดังสมัยก่อนของตัวเองมา สิ่งที่คาดหวังอยากให้เป็นคือ
1 รถและอะไหล่ทน 2 อะไหล่ถูก 3 อะไหล่ไว 4 ซ่อมง่าย
และข้อ 5 ที่จะตามมาหลังจากมีทั้ง 4 ข้อครบท้วนบริบูรณ์คือ ราคาขายต่อที่จะดีขึ้นตามลำดับ
ซึ่งน่าจะพยายามเลียนแบบ Isuzu Toyota ตามลำดับ แต่ทุนจะมีหนาขนาดนั้นมั้ย ผมคิดว่าเจ้าของเงินคง
อยากเอาไปลงอย่างอื่นมากกว่า เพราะได้ทุนคืนเร็วทันใจกว่า ได้กำไรเยอะกว่า สุดท้าย MG ก็จะไม่สำเร็จมากนัก
เหมือนอย่าง ค่ายรถรองๆ ทั่วไปในท้องตลาด หรือแม้กระทั่งต้องม้วนเสื่อเลยรึเปล่า ซึ่งถ้าเน้นแต่จะขายได้โดยไม่คำนึงถึง
องค์ประกอบหลักทั้ง 4 สุดท้ายยอดขายก็จะ fade ลงเรื่อยๆ แบบ Chevrolet-Ford มีแต่เพิ่ม product ใหม่ๆ technology ใหม่ๆ
แล้วจุดธูปขอฟ้าให้รถรุ่นใหม่เกิดฮิตขายดีหรือคู่แข่งเกิดพลาดเองขึ้นมา ก็แค่นั้น
MG6 premium brand รถยุโรป((โดยจีน) สำหรับคนจน-คนชั้นกลาง?
อย่างคนที่เงินเดือน 4 หมื่นขึ้นไป ถึงเงินเดือนเป็นแสน ก็จะมองรถอย่าง Civic Altis Camry Accord เป็นรถราคากลางๆในย่าน 1 ล้านกว่าๆ
ส่วน Benz BMW ก็จะราคาแพงกว่านั้น 3-4 เท่า ลูกค้ากลุ่มนี้อาจจะเริ่มจากรถญี่ปุ่นก่อน แล้วสุดท้ายก็ใช้รถยุโรป 3 ล้านอัพได้
สำหรับชนกลุ่มล่าง หรือคนธรรมดาๆ รายได้ไม่มาก ก็จะมอง Eco car กับ b car และ c car รุ่นล่างๆ เงินเดือนเริ่มต้นจาก หมื่นต้นๆ ไปจบลงที่
3-4 หมื่น โอกาสจะขับ Benz BMW ไม่มีปัญญาแน่ๆ ถ้าจะเอาจากเงินเดือนเพียวๆ ซึ่งก็กลายเป็นว่ามีแบรนด์ MG มาอยู่ตรงนี้ที่ราคา บ้านๆ 1 ล้าน
ซึ่งมันก็มีคุณภาพประมาณว่าอยากจะ premium แบบรถยุโรปยี่ห้อดังๆ ส่วนราคาก็แพงงกว่ารถ eco car อย่าง March ประมาณ 2 เท่า
ผมเพิ่งเห็นว่า หน้าตาแย่ๆ ของ MG6 มันมาจากความพยายามจะเอาหน้า MG F รถที่เป็นที่รู้จักของค่ายในอดีต มาเชื่อมรอยต่อ
ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไหร่
และนี่อาจจะเป็น positioning ของ CO-SAIC ของแบรนด์ MG ในอนาคต ที่มีศูนย์บริการ เครือข่ายอะไหล่ซ่อมบำรุงแพร่หลาย
และรุ่นถัดไปที่หน้าตาดูอินเตอร์กว่านี้ ไม่ได้ก๊อปปี้รถดังสมัยก่อนของตัวเองมา สิ่งที่คาดหวังอยากให้เป็นคือ
1 รถและอะไหล่ทน 2 อะไหล่ถูก 3 อะไหล่ไว 4 ซ่อมง่าย
และข้อ 5 ที่จะตามมาหลังจากมีทั้ง 4 ข้อครบท้วนบริบูรณ์คือ ราคาขายต่อที่จะดีขึ้นตามลำดับ
ซึ่งน่าจะพยายามเลียนแบบ Isuzu Toyota ตามลำดับ แต่ทุนจะมีหนาขนาดนั้นมั้ย ผมคิดว่าเจ้าของเงินคง
อยากเอาไปลงอย่างอื่นมากกว่า เพราะได้ทุนคืนเร็วทันใจกว่า ได้กำไรเยอะกว่า สุดท้าย MG ก็จะไม่สำเร็จมากนัก
เหมือนอย่าง ค่ายรถรองๆ ทั่วไปในท้องตลาด หรือแม้กระทั่งต้องม้วนเสื่อเลยรึเปล่า ซึ่งถ้าเน้นแต่จะขายได้โดยไม่คำนึงถึง
องค์ประกอบหลักทั้ง 4 สุดท้ายยอดขายก็จะ fade ลงเรื่อยๆ แบบ Chevrolet-Ford มีแต่เพิ่ม product ใหม่ๆ technology ใหม่ๆ
แล้วจุดธูปขอฟ้าให้รถรุ่นใหม่เกิดฮิตขายดีหรือคู่แข่งเกิดพลาดเองขึ้นมา ก็แค่นั้น