อยากจะเล่าเหตุการณ์เป็นอุทาหรณ์ ให้คนป่วยที่กำลังจะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปากช่องนานา หรือญาติทุกคนทราบ ปกติพี่เราเป็นคนแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว. ทำงานร้านเพื่อนเกษตร
เหตุการณ์เกิดวัน พฤหัสที่ 19 มิ.ย 2557
พี่สาวจูนกลับมาจากทำงานตอนเย็น รู้สึกว่าหายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย ทำอะไรก็เหนื่อย จะพูด จะเดินก็เหนื่อย แม่เลยพาไป รพ. ปากช่องนานา พบหมอตรวจโรคทั่วไป หมอวินิจฉัยว่าเครียดลงกระเพาะ ให้ยากลับมากิน
วันศุกร์ที่20 มิ.ย.2557 พี่จ๋อมไปทำงานไม่ไหว ยังมีภาวะอาการเดิม นอนอยู่บ้านเฉยๆ
วันเสาร์ที่21 มิ.ย.2557 ก็ยังมีอาการเดิม จนมาช่วง5โมงเย็น พี่จ๋อมบอกว่าแน่นหน้าอก หายใจไม่ได้ แล้วตัวก็เหลืองซีด เหงื่อออกแต่ตัวเย็นมาก เป็นลมไปแม่รีบพาส่ง รพ.เดิม เพราะใกล้บ้านที่สุด วันนี้พี่จ๋อมเป็นหนักมาก พูดไม่รู้เรื่อง ฉี่แตก อาเจียน จำใครไม่ได้ เข้าห้องฉุกเฉิน เวรห้องฉุกเฉินหมอคนเดิมที่ตรวจเมื่อวันพฤหัส พี่จ๋อมนอนรอบนเตียง พยาบาล หมอ ไม่ทำห่าไรสักอย่าง นั่งคุยกันนั่งเล่นโทรศพท์กัน ไม่สนใจอาการคนไข้ที่นอนร้องโอยๆอยู่บนเตียง ผ่านไป20นาทียังไม่มีการรักษาใดๆ จนพี่จ๋อมร้องกรี้ดลั่นห้องเพราะหายใจไม่ได้ แน่นหน้าอกมาก เหงื่อแตก เราเห็นพี่เราร้องก็อดทนไม่ไหว เปิดประตูไปดู ได้ยินเสียงพยาบาลผู้หญิงคนนึง จิตใจเลวมาก พูดว่าพี่จ๋อม "แค่หน้ามืดเป็นลมทำไมต้องร้องลั่นโวยวาย เดี๋ยวส่งมหาราชเลย" เท่านั้นล่ะ เราก็ต่อว่าพยาบาลในห้องฉุกเฉินเลย "พวกจะรออะไรกัน ไม่ทำอะไรสักอย่าง ให้คนป่วยนอนรออยู่ได้ พวกนั่งเล่นโทรศัพท์เฉยๆหรอ" เราโทรหาพี่คนนึงเป็นพยาบาลที่ รพ.เอกชน สอบถามเรื่องการย้าย รพ. ได้ความว่าต้องพาไปเอง เราบอกแม่บ้านที่เดินมาคุยกับแม่ว่าจะย้าย รพ. แล้ว ที่นี้ไม่ทำอะไรเลย มั่วแต่รอ แม่บ้านเดินเข้าไปบอกพยาบาลอีกครั้ง เราได้ยินแม่บ้านบอกกับพยาบาลคนนึงว่าเค้าจะย้าย รพ. แล้ว เค้าบอกว่าไม่ทำอะไรเลย พยาบาลคนนั้นพูดว่า "จะมาบอกว่าไม่ทำอะไรได้ไง ถ้าไม่ทำอะไรก็คงให้นอนเฉยๆแล้ว" หลังจากโดนหลายคนต่อว่ามีพยาบาลคนนึงเดินไปเอาออกซิเจนใส่ให้พี่จ๋อม พี่จ๋อมนิ่งไปสักพัก หมอเรียกให้เราไปเอาไปสั่งยามาให้ ฉีดยาให้ แล้วให้กลูโคส หมอที่รักษาเดินออกมาคุยกับเรากับแม่ บอกว่าพี่จ๋อมมีภาวะเครียดทำให้ร่างกายเป็นแบบนี้ หมอตรวจทุกอย่างแล้ว ร่างกายปกติดีทุกอย่าง พอกลูโคสหมด เที่ยงคืนได้กลับบ้าน ไม่ให้แอดมิดอะไร ไม่รอดูอาการอะไรอีก
วันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.2557 ตอนเย็น แม่พาไปคลินิกหมอพิบูล หมอพิบูลแจ้งว่า ฉีดยาให้ไม่ได้ เพราะไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร กลัวว่าฉีดยาให้จะเป็นอันตราย หมอให้กลับมาที่ รพ.ปากช่องนานาอีกครั้ง
วันจันทร์ที่ 23มิ.ย.2557 พ่อพาพี่จ๋อมมา รพ.ปากช่องนานาอีกครั้ง หมอคนใหม่ เจาะเลือด ตรวจฉี่ ตรวจหาไทรอย ตรวจความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ปอด ตรวจทุกอย่าง แต่ให้รอผลตรวจอีก1อาทิตย์ให้ใบนัดกลับมา เย็นวันจันทร์เราโทรหาพี่จ๋อมสอบถามอาการ พี่จ๋อมพูดผ่านโทรศัพท์มาว่า เหนื่อยไม่มีแรง ด้วยน้ำเสียงเบาๆ เราตอบพี่สาวเราว่าไป รพ.กรุงเทพ เถอะ อย่ารอเลย พี่จ๋อมบอกไม่ไป ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวก็หาย
วันอังคารที่ 24 มิ.ย. 2557 พี่จ๋อมไปทำงานไม่ไหว นอนอยู่บ้าน เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น วันนี้กินข้าวได้บ้าง ตอนค่ำพี่จ๋อมบ่นว่าร้อนแม่เปิดพัดลมให้แรงขึ้น นอนหลับไปตั้งแต่3ทุ่ม แต่พอเที่ยงคืน พี่จ๋อมเกิดอาการช็อค น้ำลายฟูมปาก แม่เราจับตัวเขย่า พี่เขยเรารีบไปเรียกคนมาช่วยอุ้มพี่เราไป ระหว่างทาวพี่เราจับมือป้าที่นั่งไปด้วย จับมือป้ามาแตะตรงหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง เหมือนพยายามจะบอกให้ช่วยอะไร แม่กับพี่เขยเรารีบพามา รพ.ใกล้บ้าน ขับรถไม่ถึง5นาที หวังให้ทีมแพทย์ช่วยเหลือชีวิตพี่จ๋อมอีกครั้ง มาถึงรพ. พยาบาลปั๊มหัวใจให้ ฉีดยาให้ แต่ร่างกายพี่เราไม่ตอบสนองใดๆแล้ว เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจตายไปแล้ว หมอที่รักษาคนสุดท้ายบอกกับแม่ว่า ป้าครับทำใจนะคะ โอกาสรอดยากมาก คือมาถึงผมช้าไป เป็นมากขนาดนี้แล้ว ร่างกายไม่ตอบสนองแล้ว ทำไมหมอที่รักษาก่อนหน้านี้ถึงไม่ยอมแอดมิดดูอาการคนไข้ ทำไมปล่อยให้เป็นมากขนาดนี้
จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ อยากจะถามทีมแพทย์ผู้รักษาผู้ป่วย จรรยาบรรณมีไหม เรียนแพทย์มาหรอ วินิจฉัยโรคยังผิดพลาด แล้วทำไมไม่ให้แอดมิดรอดูอาการอื่นๆ ทำไมต้องต่อว่าผู้ป่วยที่มารักษาตัวที่มาฝากชีวิตไว้กับพวกคุณ ที่คนอื่นเรียกว่าหมอ พยาบาล ใส่ชุดขาวแต่จิตใจสกปรกมาก ถอดออกเถอะ ถ้าใจไม่รักที่จะช่วยเหลือคนอื่น อย่ามาเป็นเลยพยาบาลหรือแพทย์เนี่ย แล้วอยากจะฝากถึงผู้บริหาร รพ.ปากช่องนานา ให้ลงมาดูการทำงานของบุคลากรของท่านว่าเป็นยังไง นี้ไม่ใช่เคสแรกที่ต้องมาเสียชีวิตเพราะความบกพร่องของทีมแพทย์ห้องฉุกเฉิน มีอีกหลายเคสหลายกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว คนที่เสียชีวิตไม่ใช่ญาติพี่น้องพ่อแม่ของพวกคุณสิ คุณถึงดูแลชีวิตพวกเค้าแบบปล่อยปะละเลย ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวพวกคุณ คงไม่มีเวลามานั่งเล่นโทรศัพท์กันใช่ไหม คงจะกระตือรือร้นในหน้าที่มากกว่านี้ใช่ไหม แล้วคงไม่ต่อว่าคนป่วยที่นอนรอให้พวกคุณช่วยชีวิตใช่ไหม เสียใจที่สุดกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ฝาก จนท. ที่ทำงานรับใช้ประชาชน อยากให้นึกถึงใจเขาใจเราบ้าง
ขอแชร์ เรื่องการรักษาผู้ป่วยของทีมแพทย์ ห้องER รพ.ปากช่องนานา เราจะฟ้องร้องให้พี่สาวเรา
เหตุการณ์เกิดวัน พฤหัสที่ 19 มิ.ย 2557
พี่สาวจูนกลับมาจากทำงานตอนเย็น รู้สึกว่าหายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย ทำอะไรก็เหนื่อย จะพูด จะเดินก็เหนื่อย แม่เลยพาไป รพ. ปากช่องนานา พบหมอตรวจโรคทั่วไป หมอวินิจฉัยว่าเครียดลงกระเพาะ ให้ยากลับมากิน
วันศุกร์ที่20 มิ.ย.2557 พี่จ๋อมไปทำงานไม่ไหว ยังมีภาวะอาการเดิม นอนอยู่บ้านเฉยๆ
วันเสาร์ที่21 มิ.ย.2557 ก็ยังมีอาการเดิม จนมาช่วง5โมงเย็น พี่จ๋อมบอกว่าแน่นหน้าอก หายใจไม่ได้ แล้วตัวก็เหลืองซีด เหงื่อออกแต่ตัวเย็นมาก เป็นลมไปแม่รีบพาส่ง รพ.เดิม เพราะใกล้บ้านที่สุด วันนี้พี่จ๋อมเป็นหนักมาก พูดไม่รู้เรื่อง ฉี่แตก อาเจียน จำใครไม่ได้ เข้าห้องฉุกเฉิน เวรห้องฉุกเฉินหมอคนเดิมที่ตรวจเมื่อวันพฤหัส พี่จ๋อมนอนรอบนเตียง พยาบาล หมอ ไม่ทำห่าไรสักอย่าง นั่งคุยกันนั่งเล่นโทรศพท์กัน ไม่สนใจอาการคนไข้ที่นอนร้องโอยๆอยู่บนเตียง ผ่านไป20นาทียังไม่มีการรักษาใดๆ จนพี่จ๋อมร้องกรี้ดลั่นห้องเพราะหายใจไม่ได้ แน่นหน้าอกมาก เหงื่อแตก เราเห็นพี่เราร้องก็อดทนไม่ไหว เปิดประตูไปดู ได้ยินเสียงพยาบาลผู้หญิงคนนึง จิตใจเลวมาก พูดว่าพี่จ๋อม "แค่หน้ามืดเป็นลมทำไมต้องร้องลั่นโวยวาย เดี๋ยวส่งมหาราชเลย" เท่านั้นล่ะ เราก็ต่อว่าพยาบาลในห้องฉุกเฉินเลย "พวกจะรออะไรกัน ไม่ทำอะไรสักอย่าง ให้คนป่วยนอนรออยู่ได้ พวกนั่งเล่นโทรศัพท์เฉยๆหรอ" เราโทรหาพี่คนนึงเป็นพยาบาลที่ รพ.เอกชน สอบถามเรื่องการย้าย รพ. ได้ความว่าต้องพาไปเอง เราบอกแม่บ้านที่เดินมาคุยกับแม่ว่าจะย้าย รพ. แล้ว ที่นี้ไม่ทำอะไรเลย มั่วแต่รอ แม่บ้านเดินเข้าไปบอกพยาบาลอีกครั้ง เราได้ยินแม่บ้านบอกกับพยาบาลคนนึงว่าเค้าจะย้าย รพ. แล้ว เค้าบอกว่าไม่ทำอะไรเลย พยาบาลคนนั้นพูดว่า "จะมาบอกว่าไม่ทำอะไรได้ไง ถ้าไม่ทำอะไรก็คงให้นอนเฉยๆแล้ว" หลังจากโดนหลายคนต่อว่ามีพยาบาลคนนึงเดินไปเอาออกซิเจนใส่ให้พี่จ๋อม พี่จ๋อมนิ่งไปสักพัก หมอเรียกให้เราไปเอาไปสั่งยามาให้ ฉีดยาให้ แล้วให้กลูโคส หมอที่รักษาเดินออกมาคุยกับเรากับแม่ บอกว่าพี่จ๋อมมีภาวะเครียดทำให้ร่างกายเป็นแบบนี้ หมอตรวจทุกอย่างแล้ว ร่างกายปกติดีทุกอย่าง พอกลูโคสหมด เที่ยงคืนได้กลับบ้าน ไม่ให้แอดมิดอะไร ไม่รอดูอาการอะไรอีก
วันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.2557 ตอนเย็น แม่พาไปคลินิกหมอพิบูล หมอพิบูลแจ้งว่า ฉีดยาให้ไม่ได้ เพราะไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร กลัวว่าฉีดยาให้จะเป็นอันตราย หมอให้กลับมาที่ รพ.ปากช่องนานาอีกครั้ง
วันจันทร์ที่ 23มิ.ย.2557 พ่อพาพี่จ๋อมมา รพ.ปากช่องนานาอีกครั้ง หมอคนใหม่ เจาะเลือด ตรวจฉี่ ตรวจหาไทรอย ตรวจความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ปอด ตรวจทุกอย่าง แต่ให้รอผลตรวจอีก1อาทิตย์ให้ใบนัดกลับมา เย็นวันจันทร์เราโทรหาพี่จ๋อมสอบถามอาการ พี่จ๋อมพูดผ่านโทรศัพท์มาว่า เหนื่อยไม่มีแรง ด้วยน้ำเสียงเบาๆ เราตอบพี่สาวเราว่าไป รพ.กรุงเทพ เถอะ อย่ารอเลย พี่จ๋อมบอกไม่ไป ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวก็หาย
วันอังคารที่ 24 มิ.ย. 2557 พี่จ๋อมไปทำงานไม่ไหว นอนอยู่บ้าน เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น วันนี้กินข้าวได้บ้าง ตอนค่ำพี่จ๋อมบ่นว่าร้อนแม่เปิดพัดลมให้แรงขึ้น นอนหลับไปตั้งแต่3ทุ่ม แต่พอเที่ยงคืน พี่จ๋อมเกิดอาการช็อค น้ำลายฟูมปาก แม่เราจับตัวเขย่า พี่เขยเรารีบไปเรียกคนมาช่วยอุ้มพี่เราไป ระหว่างทาวพี่เราจับมือป้าที่นั่งไปด้วย จับมือป้ามาแตะตรงหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง เหมือนพยายามจะบอกให้ช่วยอะไร แม่กับพี่เขยเรารีบพามา รพ.ใกล้บ้าน ขับรถไม่ถึง5นาที หวังให้ทีมแพทย์ช่วยเหลือชีวิตพี่จ๋อมอีกครั้ง มาถึงรพ. พยาบาลปั๊มหัวใจให้ ฉีดยาให้ แต่ร่างกายพี่เราไม่ตอบสนองใดๆแล้ว เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจตายไปแล้ว หมอที่รักษาคนสุดท้ายบอกกับแม่ว่า ป้าครับทำใจนะคะ โอกาสรอดยากมาก คือมาถึงผมช้าไป เป็นมากขนาดนี้แล้ว ร่างกายไม่ตอบสนองแล้ว ทำไมหมอที่รักษาก่อนหน้านี้ถึงไม่ยอมแอดมิดดูอาการคนไข้ ทำไมปล่อยให้เป็นมากขนาดนี้
จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ อยากจะถามทีมแพทย์ผู้รักษาผู้ป่วย จรรยาบรรณมีไหม เรียนแพทย์มาหรอ วินิจฉัยโรคยังผิดพลาด แล้วทำไมไม่ให้แอดมิดรอดูอาการอื่นๆ ทำไมต้องต่อว่าผู้ป่วยที่มารักษาตัวที่มาฝากชีวิตไว้กับพวกคุณ ที่คนอื่นเรียกว่าหมอ พยาบาล ใส่ชุดขาวแต่จิตใจสกปรกมาก ถอดออกเถอะ ถ้าใจไม่รักที่จะช่วยเหลือคนอื่น อย่ามาเป็นเลยพยาบาลหรือแพทย์เนี่ย แล้วอยากจะฝากถึงผู้บริหาร รพ.ปากช่องนานา ให้ลงมาดูการทำงานของบุคลากรของท่านว่าเป็นยังไง นี้ไม่ใช่เคสแรกที่ต้องมาเสียชีวิตเพราะความบกพร่องของทีมแพทย์ห้องฉุกเฉิน มีอีกหลายเคสหลายกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว คนที่เสียชีวิตไม่ใช่ญาติพี่น้องพ่อแม่ของพวกคุณสิ คุณถึงดูแลชีวิตพวกเค้าแบบปล่อยปะละเลย ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวพวกคุณ คงไม่มีเวลามานั่งเล่นโทรศัพท์กันใช่ไหม คงจะกระตือรือร้นในหน้าที่มากกว่านี้ใช่ไหม แล้วคงไม่ต่อว่าคนป่วยที่นอนรอให้พวกคุณช่วยชีวิตใช่ไหม เสียใจที่สุดกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ฝาก จนท. ที่ทำงานรับใช้ประชาชน อยากให้นึกถึงใจเขาใจเราบ้าง