ตื่ดตึ่ง!
เสียงเตือนเฟสบุคดังขึ้น ตามวิสัยคนบ้าเฟสอย่างผมแล้ว
มือทั้งสองข้างก็ยากจะไม่กดดูข้อความแล้วตอบทันที
เออ! ลืมแนะนำตัวก็เอาแฮะผม ผมชื่อเจ๋ง เป็นนิสิตม.ดังคณะ วิศวกรรมโยธา แหมถึงคณะผมจะเรียนค่อนข้างหนักและดูเหมือนใช้แรงงานนิดนึง แต่ผมก็มีศิลปะอารมณ์ศิลปินในตัวนะครับ จะเห็นได้จากผมชอบวาดภาพศิลป์ ชอบฟังเพลง และอ่านนิยายเรื่องสั้นต่างๆ เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ผมรู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เอ … จะว่าไป เธอก็ไม่เด็กล่ะครับ เธอชื่อ หนูดี หนูดีเป็นเฟรชชี่ม.รัฐในต่างจังหวัดครับ เห็นว่าเรียนบริหารอะไรสักอย่างนี่แหละผมก็จำไม่ค่อยแม่นแฮะ เราสองคนรู้จักกันผ่านทางโซเซียวยอดฮิต ก็เฟสบุคนั่นแหละครับ เราคุยกันมาพักใหญ่ทำให้ผมได้ทราบว่าเธอเขียนเรื่องสั้นและนิยายหลายๆแนวผ่านทางเว็บเด็กดี ก็นะ อย่างที่บอกผมชอบอ่านนิยายอยู่แล้วนี่ ผมเลยถือโอกาสเข้าไปอ่านงานเขียนของเธอเรื่อยๆ แต่ที่ชอบสุดเห็นจะเป็นแนวสยองขวัญนั่นแหละครับ
“ดีค่ะ พี่เจ๋งทำไรอยู่คะ”
“ดีครับ ฟังเพลง เราอ่ะทำไรอยู่ กินไรยังนี่”
“เพิ่งแต่งเรื่องสั้นเสร็จ กินข้าวแล้วค่ะ แล้วพี่อ่ะ”
“แล้ว เอ๋ นิยายเรื่องใหม่เหรอ ชื่อเรื่องอะไรอ่ะ”
“12 Book of Heavan. 12คัมภีร์สวรรค์”
“แฟนตาซี”
“แฟนตาซีกึ่งกำลังภายใน นี่15ตอนแล้วนะคะ”
“โห 15 แล้วเหรอ เดี๋ยวพี่เข้าไปอ่านนะ แต่….เรื่องมันยาวแฮะมีที่มันสั้นๆกว่านี้ไหมอ่ะ”
สารภาพตามตรงเลยนะครับ ถึงผมจะชอบอ่านนิยายแต่ ณ ช่วงเวลานี้ผมก็ไม่ได้อยู่ในช่วงอารมณ์ที่จะอ่านอะไรยาวๆครับ โรคขี้เกียจมันครอกงำซะแล้วครับ
“โห แย่จุง นี่ๆ พอดีหนูดีมีเรื่องสั้นที่แต่งไว้นานแล้วแต่ไม่ได้เอาลง แนวสยองขวัญด้วย เดี๋ยวเอาลงให้ลองอ่านนะคะ”
“จัดไปครับ”
ผมเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ เธอหายไปพักใหญ่แล้วเธอก็ทักแชตกลับมาอีกครั้ง
“เรื่อง เรือนหอรอเฮี้ยนนะคะ นี่ลิ้งนะคะ ลงแล้วค่ะ”
“ครับ” เม้าของผมถูกลากมาคลิกตามลิ้งอย่างรวดเร็ว
บ้านเรือนไทยล้านนาทางภาคเหนือถูกขายต่อๆมาจนกระทั่งคู่บ่าวสาวซื้อมาทำเรือนหอจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ผมอ่านจนจบแล้วก็ทักแชตเธอกลับไป
“พี่ว่าเราเหมาะกับแนวนี้นะ”
ผมแนะนำตามความรู้สึกหลังจากที่อ่านงานเขียนของเธอในหลายๆแนว แล้วหลังจากนั้นเธอก็หันมาแต่งเรื่องสั้นแนวสยองขวัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วผมก็เป็นนักอ่านประจำตัวของเธอไปแล้วเสียนั้น เราสองคนติดต่อพูดคุยกันผ่านทางเฟสบุคประมาณเกือบสองปีแล้วเราก็นัดบอดเจอกัน
นัดแรกผมชวนเธอไปดูหนังที่เซ็นทัลปิ่นเกล้าแล้วเธอก็ตอบตกลง แต่แล้วพอถึงเวลานัด ผมรอเธอเกือบ3ชม.แล้วเธอก็ไม่มา
“นัดแล้วไม่มานะL”
“ขอโทษค่ะ พอดีมีเรื่องด่วนกระทันหัน”
“เรื่อง”
“เพื่อนหนูดีประสบอุบัติเหตุกระทันหันระหว่างขับรถเข้ากรุงเทพเป็นตายเท่ากัน”
“อ่อ ไม่เป็นไร”
“ไม่โกรธหนูดีนะคะ”
“ครับ ไว้คราวหน้าก็ได้”
เมื่อได้อ่านเหตุผลเธอผมก็หายโกรธทันที จากวันนั้นเราก็คุยกันตามปกติ แล้วผมก็นัดเธอครั้งที่สอง เรานัดกันที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมสิริกิต แต่ครั้งนี้ผมไม่ลืมที่จะขอเบอร์เธอไว้กันพลาด เมื่อถึงวันนัดผมมารอเธอที่หน้างาน อีกนั้นแหละเธอโทรมาบอกจะมาเลทหน่อยให้เข้าเดินงานไปก่อน และอย่าลืมหาหนังสือของเธอด้วย ผมเลยเข้าไปเดินเที่ยวและช็อปปิ้งหนังสืออยู่หลายชั่วโมง แต่ก็ไม่ลืมที่แวะไปสำนักพิมพ์เพื่อซื้อหนังสือของเธอ จนแล้วจนรอดผ่านไปหลายชั่วโมงจนกระทั่งเริ่มมืดแล้วเธอก็ยังไม่มา ผมโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจที่จะกลับทันทีที่มุ่งตรงไปMRT ผมก็พบกับหญิงสาวที่ผมแสนจะคุ้นตาเธอจากรูปถ่าย วันนี้เธอมาในลุคผมดำยาวสลวยถูดมัดเกล้าหางม้าสูง เสื้อชีฟองขาวจนเห็นเกาะอกสีดำด้านในคู่กับกางเกงยีนสีดำ ใช่แล้ว เธอคือหนูดี เธอยืนส่งยิ้มให้ผมอยู่หน้าMRTรอยยิ้มของเธอดูเศร้าซึมซึ่งขัดกับการแต่งกายของเธอมาก
“ทิ้งพี่รอนานเลย เล่นตัวนะเรา”
ผมเดินเข้าไปทักเธอก่อน เธอส่งยิ้มพร้อมตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ขอโทษนะคะพอดีแบตโทรหมดน่ะค่ะ หนูดีเพิ่งกลับจากทำบุญ100วันน่ะค่ะ ไปเดินเที่ยวตลาดนัดจตุรจักรกันไหมคะ”
“ก็ดี หนูดีกินไรยัง”
“กินแล้วค่ะ พี่ล่ะ”
“แล้วเหมือนกัน งั้นเราไปเดินเที่ยวสวนกันเถอะ”
ว่าแล้วเราทั้งสองก็เดินลงMRTมุ่งตรงไปตลาดนัดสวนจตุรจักรด้วยกัน แม้จะเริ่มค่ำแล้วแต่ตลาดนัดจุตรจักรในวันเสาร์ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่คับคั่ง เราสองคนเดินซื้อของเดินเที่ยวกันจนเหนื่อยแล้วผมจึงส่งเธอขึ้นรถกลับไปหอเพื่อนของเธอตามที่เธอบอก
“วันนี้สนุกมากไว้วันหลังเราไปเที่ยวกันอีกนะคะ”
“ครับ แต่ห้ามสายอีกนะ” ผมกระเซ้าสาวน้อยในแชตอย่างอารมณ์ดี
“รับประกันเลยค่ะคราวนี้”
หลังจากวันนั้นเราคุยกันมาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่ง
“พี่เจ๋งมาเที่ยวที่หอหนูดีไหมคะ พอดีพรุ่งนี้วันสำคัญแต่ไม่มีคนมาหาหนูดีเลย”
มาแปลกแฮะ ถึงแม้เราจะเที่ยวหรือนัดเจอกันบ่อยแต่ทว่าเธอไม่เคยเชื้อเชิญหรือพูดถึงทางบ้านให้ผมทราบเลย แต่นี่อยู่ๆเธอมาชวนผมไปหอพักเธอเสียอย่างนั้น
“ก็ได้ครับ แต่…จะดีเหรอ พี่เป็นผู้ชายอยู่กับหนูดีสองต่อสองมันจะดูไม่ดีเอานะ” ถึงจะอยากไปแต่ผมก็ต้องไว้ฟอร์มสุภาพบุรุษบ้างแหละ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาค้างยังได้มีตั้งหลายห้อง”
“งั้นเอาที่อยู่มาสิ พี่จะไปแต่เช้าแต่ขอค้างด้วยนะ^^”
“ค่ะ 138หอสรัญพร อ.บางปะอิน จ.อยุธยาค่ะ”
“ครับแล้วเจอกันนะ”
คืนนั้นผมยอมรับเลยว่าทั้งตื่นเต้นและจิตนาการไปไกลจนนอนไม่หลับ ผมรีบตื่นแต่ไก่โห่พร้อมซื้อขนมและตั๋วรถตู้ตีไปอยุธยาแต่เที่ยวแรก
‘หอสรัญพร’ ป้ายไม่ค่อยข้างเก่า กรวดเล็กๆปูคลุมตลอดทางเข้าบริเวณสองด้านเป็นลีลาวดีสีขาวเหลืองที่ออกดอกสวย หอนี้แบ่งเป็นลักษณะบ้านเป็นหลังๆมากกว่าเป็นห้องๆในตึกเดียวกัน ผมเดินไล่บ้านเลขที่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอบ้านหลังสุดท้าย บ้านหลังสีเบจ ตกแต่งอย่างเรียบๆภายในมีเปลญวนถูกแขวนอยู่ไหวเอนเบาๆราวกับมีคนนั่งอยู่ในนั้น
' 138 หอสรัญพร ' ผมก้มมองกระดาษโน็ตที่อยู่ของหนูดี สลับกับมองป้ายไม้ที่เขียนบ้านเลขที่อย่างชัดเจน
กริ๊งง กริ๊งง
รอบแรก.....
กริ้ง กริ้ง
รอบสอง ยังคงเงียบเหมือนเดิม
กริ๊ง
"หนูดีอยู่รึเปล่าครับ เปิดประตูรับพี่หน่อยสิครับ" ผมตะโกนให้เธอเปิดประตูออกมารับเพราะกดกริ่งสักพักก็ไม่มีท่าทีที่เจ้าของบ้านจะออกมารับเลย
"ขอโทษนะครับพี่ เมื่อกี้พี่ตะโกนเรียกใครนะครับ?" เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามเอ่อถามด้วยความสงสัยปนระแวง
"พี่มาหาหนูดีน่ะ พอดีเธอบอกให้พี่มาหาที่นี่" ผมตอบด้วยเป็นมิตร
"อะไรนะครับ!? หนูดีนัดมานี่ นัดได้ไงเธอตายมาปีกว่าแล้วนะครับ" เด็กหนุ่มร้องลั่นด้วยความประหลาดใจจนหนังสือหลุดจากมือของเรา
"ไม่ใช่แล้วล่ะครับน้อง ก็พี่เพิ่งคุยกับเธอมานี่เอง อ่อ นั่นไงเธอยืนอยู่ที่ระเบียงกวักมือเรียกพี่ใหญ่แล้ว" ผมตอบด้วยท่าทีสบายๆมือทั้งสองข้างชี้และโบกไปยังระเบียง
"ไม่เห็นมีเลยครับพี่ หนูดีตายนานแล้วจริงๆนะครับ เชื่อผมทีเถอะ" เด็กหนุ่มกล่าวใบหน้าเขาเริ่มขาวซีดตัวเริ่มสั่นอย่างหวาดกลัวอะไรบ้างอย่าง
"สงสัยเราจะเรียนหนักไปล่ะมั้ง พักๆบ้างนะน้อง เดี๋ยวพี่เข้าบ้านก่อนนะ โชคดีๆ" ผมกล่าวกับชายหนุ่มจบก็เดินเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนั้นยืนตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ผมเดินเข้าไปผลักประตูไม้สีขาวเข้าไปในบ้านสีเบจ เธอยิ้มหวานให้ผมอย่างมีเลสนัย ใช่! เวลานี้ผมกำลังหลงใหลเธอ แถมผมแอบจินตนาการถึงเธอไปในทางชู้สาวหรือเลยเถิดจนถึงเตียงแล้วนั่น!!
“มาแล้วเหรอคะ? เหนื่อยไหมคะ? เข้าไปในบ้านกัน หนูดีทำกับข้าวไว้รอแล้ว” แหม ผมหัวใจแทบจะหลุดจากอกด้วยความตื่นเต้น ทำไมน่ะเหรอครับ นอกจากยิ้มหวานชวนฝันแล้ว น้ำเสียงที่นุ่มนวล บวกกับมือนุ่มๆที่อาจเย็นไปบางแต่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาเข้ามาเกาะกุมข้อมือพลางฉุดผมเข้าไปในบ้าน
“ครับ” ผมพูดเพียงคำเดียวพร้อมกับก้าวเท้าตามเธอเขาไปในบ้านอย่างตื่นเต้น แต่ผมก็เหลือบมองไปด้านนอกก็ยังคงเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นหน้าซีดเผือกตะลึงอยู่
ห้องสีขาวถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ กลางห้องมีโต๊ะกลมที่เต็มไปด้วยอาหารคาวหวานชวนรับประทาน กลิ่นน้ำมันหอมฟุ้งไปทั่วห้อง เธอจูงผมมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับตักอาหารให้ผม
“ทานเยอะๆนะคะ หนูดีตั้งใจทำให้พี่เจ๋งโดยเฉพาะ” รสชาติของอาหารของหนูดีรสชาติดีสมชื่อ มื้อนั้นผมจัดหนักไปจนอิ่มแปล้ เรานั่งคุยกันสักพักหนึ่งเธอก็ชวนผมเข้าไปในห้องนอนของเธอ!!
เอาสิครับ! หวานหมูผมน่ะสิงานนี้ มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ ผมเดินตามเธอเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย
“พี่เจ๋งนั่งเล่นบนเตียงก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูดีไปเอาของสักครู่ อย่ายุ่งกับตู้ไม้สักนั่นนะคะ”
“ครับ” พูดจบเธอก็ทิ้งผมไว้ในห้องเพียงลำพัง
มนุษย์เราก็แปลกอย่างหนึ่งนะ อะไรที่เป็นความลับเรามักอยากรู้เสมอ ผมค่อยๆเปิดประตูตู้ไม้สักอย่างเบามือ ในนั้นมีกรอบรูปและโถอัฐถิวางไว้คู่กัน ผมเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้นมาดูให้ชัดเจน
นางสาว รมณ์ฤดี พิราลัย
ชาตะ 1 มกราคม พ.ศ. 2536
มรณะ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ใช่ครับ! มันคือกรอบรูปงานศพ แถมในรูปนั้นคือ รูปหนูดีในชุดที่เราเจอกันครั้งแรก! คำพูดของเด็กหนุ่มที่พูดกับผมก่อนเข้าบ้าน หวนเข้ามาในหัว วินาทีนี้ ผมเชื่อแล้วครับที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง
เมื่อตั้งสติได้ ผมรีบใส่เกียร์หมาปิดประตูออกจากห้องนอนของหนูดีทันที
“พี่เจ๋ง.... หนูดี.....เตือน...แล้ว...นี่.....คะ....อย่าเปิด...ตู้...นั่น!” เสียงเย็นระเยือกของหนูดีดังขึ้น พร้อมกลิ่นเน่าที่อบอวลไปทั่วห้อง สายตาผมเหลือบไปเห็นโต๊ะที่ผมเพิ่งทานข้าวเสร็จเมื่อสักครู่ สิ่งที่เห็นทำให้กระเพาะอาหารของผมปั่นป่วนขึ้นมาทันที หนอนสารพัดชนิดนอนดิ้นอยู่ในจาน พร้อมกับซากมนุษย์!
ผมพุ่งตัวไปที่ประตูทางออกทันที อนิจจา!!! ประตูกับปิดสนิทแน่น ผมพยายามเขย่าประตูออก ก็มีบางอย่างตกลงมา
หัวมนุษย์!!!
หัวของหนูดีร่วงลงมาใส่ผม ใบหน้าขาวซีดอาบด้วยเลือดครึ่งแสยะยิ้มชวนผวา
“หน่ะ ...หนู...ดะ...ดี...เป็น...ผะ...ผี” ผมติดอ่างชั่วขณะ มือม้าแขนขาอ่อนแรงจนแทบทรงตัวตัวไม่อยู่
“ค่ะ หนูดีตายแล้ว แล้วพี่เป็นรายต่อไป!” ศีรษะนั้นเอ่ยกับผมอย่างช้าๆ ผมพยายามผลักหน้าต่างแทนประตูแต่ทว่าก็ยังแน่นสนิท
“จะหนีหนูดีไปไหนคะที่รัก? อยู่กับหนูดี คอยอ่านนิยายของหนูดีที่นี่นะคะ” เธอพูดจบ ปากกาคอแร้งก็ปักเข้าที่ท้ายทอยผม ปากกานั้นค่อยๆลากผ่านรอบคอผมจนขาดจากกัน เธอยิ้มหวานให้ผมซึ่งมองดูร่างของตัวเองล้มลงอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
ตึ๊ง ตึ่ง
“นิยายของหนูดีสนุกจังเลยนะครับ พี่อยากเห็นตอนหนูดีเขียนนิยายจัง” แชตจากชายหนุ่มผู้ติดตามนิยายจากนักเขียนออนไลน์สาวปริศนาเด้งขึ้นมา
“ก็มาหาสิคะ หนูดีจะรอ!!”
นักเขียนออนไลน์มรณะ (เรื่องสั้น)
เสียงเตือนเฟสบุคดังขึ้น ตามวิสัยคนบ้าเฟสอย่างผมแล้ว
มือทั้งสองข้างก็ยากจะไม่กดดูข้อความแล้วตอบทันที
เออ! ลืมแนะนำตัวก็เอาแฮะผม ผมชื่อเจ๋ง เป็นนิสิตม.ดังคณะ วิศวกรรมโยธา แหมถึงคณะผมจะเรียนค่อนข้างหนักและดูเหมือนใช้แรงงานนิดนึง แต่ผมก็มีศิลปะอารมณ์ศิลปินในตัวนะครับ จะเห็นได้จากผมชอบวาดภาพศิลป์ ชอบฟังเพลง และอ่านนิยายเรื่องสั้นต่างๆ เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ผมรู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เอ … จะว่าไป เธอก็ไม่เด็กล่ะครับ เธอชื่อ หนูดี หนูดีเป็นเฟรชชี่ม.รัฐในต่างจังหวัดครับ เห็นว่าเรียนบริหารอะไรสักอย่างนี่แหละผมก็จำไม่ค่อยแม่นแฮะ เราสองคนรู้จักกันผ่านทางโซเซียวยอดฮิต ก็เฟสบุคนั่นแหละครับ เราคุยกันมาพักใหญ่ทำให้ผมได้ทราบว่าเธอเขียนเรื่องสั้นและนิยายหลายๆแนวผ่านทางเว็บเด็กดี ก็นะ อย่างที่บอกผมชอบอ่านนิยายอยู่แล้วนี่ ผมเลยถือโอกาสเข้าไปอ่านงานเขียนของเธอเรื่อยๆ แต่ที่ชอบสุดเห็นจะเป็นแนวสยองขวัญนั่นแหละครับ
“ดีค่ะ พี่เจ๋งทำไรอยู่คะ”
“ดีครับ ฟังเพลง เราอ่ะทำไรอยู่ กินไรยังนี่”
“เพิ่งแต่งเรื่องสั้นเสร็จ กินข้าวแล้วค่ะ แล้วพี่อ่ะ”
“แล้ว เอ๋ นิยายเรื่องใหม่เหรอ ชื่อเรื่องอะไรอ่ะ”
“12 Book of Heavan. 12คัมภีร์สวรรค์”
“แฟนตาซี”
“แฟนตาซีกึ่งกำลังภายใน นี่15ตอนแล้วนะคะ”
“โห 15 แล้วเหรอ เดี๋ยวพี่เข้าไปอ่านนะ แต่….เรื่องมันยาวแฮะมีที่มันสั้นๆกว่านี้ไหมอ่ะ”
สารภาพตามตรงเลยนะครับ ถึงผมจะชอบอ่านนิยายแต่ ณ ช่วงเวลานี้ผมก็ไม่ได้อยู่ในช่วงอารมณ์ที่จะอ่านอะไรยาวๆครับ โรคขี้เกียจมันครอกงำซะแล้วครับ
“โห แย่จุง นี่ๆ พอดีหนูดีมีเรื่องสั้นที่แต่งไว้นานแล้วแต่ไม่ได้เอาลง แนวสยองขวัญด้วย เดี๋ยวเอาลงให้ลองอ่านนะคะ”
“จัดไปครับ”
ผมเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ เธอหายไปพักใหญ่แล้วเธอก็ทักแชตกลับมาอีกครั้ง
“เรื่อง เรือนหอรอเฮี้ยนนะคะ นี่ลิ้งนะคะ ลงแล้วค่ะ”
“ครับ” เม้าของผมถูกลากมาคลิกตามลิ้งอย่างรวดเร็ว
บ้านเรือนไทยล้านนาทางภาคเหนือถูกขายต่อๆมาจนกระทั่งคู่บ่าวสาวซื้อมาทำเรือนหอจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ผมอ่านจนจบแล้วก็ทักแชตเธอกลับไป
“พี่ว่าเราเหมาะกับแนวนี้นะ”
ผมแนะนำตามความรู้สึกหลังจากที่อ่านงานเขียนของเธอในหลายๆแนว แล้วหลังจากนั้นเธอก็หันมาแต่งเรื่องสั้นแนวสยองขวัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วผมก็เป็นนักอ่านประจำตัวของเธอไปแล้วเสียนั้น เราสองคนติดต่อพูดคุยกันผ่านทางเฟสบุคประมาณเกือบสองปีแล้วเราก็นัดบอดเจอกัน
นัดแรกผมชวนเธอไปดูหนังที่เซ็นทัลปิ่นเกล้าแล้วเธอก็ตอบตกลง แต่แล้วพอถึงเวลานัด ผมรอเธอเกือบ3ชม.แล้วเธอก็ไม่มา
“นัดแล้วไม่มานะL”
“ขอโทษค่ะ พอดีมีเรื่องด่วนกระทันหัน”
“เรื่อง”
“เพื่อนหนูดีประสบอุบัติเหตุกระทันหันระหว่างขับรถเข้ากรุงเทพเป็นตายเท่ากัน”
“อ่อ ไม่เป็นไร”
“ไม่โกรธหนูดีนะคะ”
“ครับ ไว้คราวหน้าก็ได้”
เมื่อได้อ่านเหตุผลเธอผมก็หายโกรธทันที จากวันนั้นเราก็คุยกันตามปกติ แล้วผมก็นัดเธอครั้งที่สอง เรานัดกันที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมสิริกิต แต่ครั้งนี้ผมไม่ลืมที่จะขอเบอร์เธอไว้กันพลาด เมื่อถึงวันนัดผมมารอเธอที่หน้างาน อีกนั้นแหละเธอโทรมาบอกจะมาเลทหน่อยให้เข้าเดินงานไปก่อน และอย่าลืมหาหนังสือของเธอด้วย ผมเลยเข้าไปเดินเที่ยวและช็อปปิ้งหนังสืออยู่หลายชั่วโมง แต่ก็ไม่ลืมที่แวะไปสำนักพิมพ์เพื่อซื้อหนังสือของเธอ จนแล้วจนรอดผ่านไปหลายชั่วโมงจนกระทั่งเริ่มมืดแล้วเธอก็ยังไม่มา ผมโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจที่จะกลับทันทีที่มุ่งตรงไปMRT ผมก็พบกับหญิงสาวที่ผมแสนจะคุ้นตาเธอจากรูปถ่าย วันนี้เธอมาในลุคผมดำยาวสลวยถูดมัดเกล้าหางม้าสูง เสื้อชีฟองขาวจนเห็นเกาะอกสีดำด้านในคู่กับกางเกงยีนสีดำ ใช่แล้ว เธอคือหนูดี เธอยืนส่งยิ้มให้ผมอยู่หน้าMRTรอยยิ้มของเธอดูเศร้าซึมซึ่งขัดกับการแต่งกายของเธอมาก
“ทิ้งพี่รอนานเลย เล่นตัวนะเรา”
ผมเดินเข้าไปทักเธอก่อน เธอส่งยิ้มพร้อมตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ขอโทษนะคะพอดีแบตโทรหมดน่ะค่ะ หนูดีเพิ่งกลับจากทำบุญ100วันน่ะค่ะ ไปเดินเที่ยวตลาดนัดจตุรจักรกันไหมคะ”
“ก็ดี หนูดีกินไรยัง”
“กินแล้วค่ะ พี่ล่ะ”
“แล้วเหมือนกัน งั้นเราไปเดินเที่ยวสวนกันเถอะ”
ว่าแล้วเราทั้งสองก็เดินลงMRTมุ่งตรงไปตลาดนัดสวนจตุรจักรด้วยกัน แม้จะเริ่มค่ำแล้วแต่ตลาดนัดจุตรจักรในวันเสาร์ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่คับคั่ง เราสองคนเดินซื้อของเดินเที่ยวกันจนเหนื่อยแล้วผมจึงส่งเธอขึ้นรถกลับไปหอเพื่อนของเธอตามที่เธอบอก
“วันนี้สนุกมากไว้วันหลังเราไปเที่ยวกันอีกนะคะ”
“ครับ แต่ห้ามสายอีกนะ” ผมกระเซ้าสาวน้อยในแชตอย่างอารมณ์ดี
“รับประกันเลยค่ะคราวนี้”
หลังจากวันนั้นเราคุยกันมาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่ง
“พี่เจ๋งมาเที่ยวที่หอหนูดีไหมคะ พอดีพรุ่งนี้วันสำคัญแต่ไม่มีคนมาหาหนูดีเลย”
มาแปลกแฮะ ถึงแม้เราจะเที่ยวหรือนัดเจอกันบ่อยแต่ทว่าเธอไม่เคยเชื้อเชิญหรือพูดถึงทางบ้านให้ผมทราบเลย แต่นี่อยู่ๆเธอมาชวนผมไปหอพักเธอเสียอย่างนั้น
“ก็ได้ครับ แต่…จะดีเหรอ พี่เป็นผู้ชายอยู่กับหนูดีสองต่อสองมันจะดูไม่ดีเอานะ” ถึงจะอยากไปแต่ผมก็ต้องไว้ฟอร์มสุภาพบุรุษบ้างแหละ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาค้างยังได้มีตั้งหลายห้อง”
“งั้นเอาที่อยู่มาสิ พี่จะไปแต่เช้าแต่ขอค้างด้วยนะ^^”
“ค่ะ 138หอสรัญพร อ.บางปะอิน จ.อยุธยาค่ะ”
“ครับแล้วเจอกันนะ”
คืนนั้นผมยอมรับเลยว่าทั้งตื่นเต้นและจิตนาการไปไกลจนนอนไม่หลับ ผมรีบตื่นแต่ไก่โห่พร้อมซื้อขนมและตั๋วรถตู้ตีไปอยุธยาแต่เที่ยวแรก
‘หอสรัญพร’ ป้ายไม่ค่อยข้างเก่า กรวดเล็กๆปูคลุมตลอดทางเข้าบริเวณสองด้านเป็นลีลาวดีสีขาวเหลืองที่ออกดอกสวย หอนี้แบ่งเป็นลักษณะบ้านเป็นหลังๆมากกว่าเป็นห้องๆในตึกเดียวกัน ผมเดินไล่บ้านเลขที่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอบ้านหลังสุดท้าย บ้านหลังสีเบจ ตกแต่งอย่างเรียบๆภายในมีเปลญวนถูกแขวนอยู่ไหวเอนเบาๆราวกับมีคนนั่งอยู่ในนั้น
' 138 หอสรัญพร ' ผมก้มมองกระดาษโน็ตที่อยู่ของหนูดี สลับกับมองป้ายไม้ที่เขียนบ้านเลขที่อย่างชัดเจน
กริ๊งง กริ๊งง
รอบแรก.....
กริ้ง กริ้ง
รอบสอง ยังคงเงียบเหมือนเดิม
กริ๊ง
"หนูดีอยู่รึเปล่าครับ เปิดประตูรับพี่หน่อยสิครับ" ผมตะโกนให้เธอเปิดประตูออกมารับเพราะกดกริ่งสักพักก็ไม่มีท่าทีที่เจ้าของบ้านจะออกมารับเลย
"ขอโทษนะครับพี่ เมื่อกี้พี่ตะโกนเรียกใครนะครับ?" เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามเอ่อถามด้วยความสงสัยปนระแวง
"พี่มาหาหนูดีน่ะ พอดีเธอบอกให้พี่มาหาที่นี่" ผมตอบด้วยเป็นมิตร
"อะไรนะครับ!? หนูดีนัดมานี่ นัดได้ไงเธอตายมาปีกว่าแล้วนะครับ" เด็กหนุ่มร้องลั่นด้วยความประหลาดใจจนหนังสือหลุดจากมือของเรา
"ไม่ใช่แล้วล่ะครับน้อง ก็พี่เพิ่งคุยกับเธอมานี่เอง อ่อ นั่นไงเธอยืนอยู่ที่ระเบียงกวักมือเรียกพี่ใหญ่แล้ว" ผมตอบด้วยท่าทีสบายๆมือทั้งสองข้างชี้และโบกไปยังระเบียง
"ไม่เห็นมีเลยครับพี่ หนูดีตายนานแล้วจริงๆนะครับ เชื่อผมทีเถอะ" เด็กหนุ่มกล่าวใบหน้าเขาเริ่มขาวซีดตัวเริ่มสั่นอย่างหวาดกลัวอะไรบ้างอย่าง
"สงสัยเราจะเรียนหนักไปล่ะมั้ง พักๆบ้างนะน้อง เดี๋ยวพี่เข้าบ้านก่อนนะ โชคดีๆ" ผมกล่าวกับชายหนุ่มจบก็เดินเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนั้นยืนตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ผมเดินเข้าไปผลักประตูไม้สีขาวเข้าไปในบ้านสีเบจ เธอยิ้มหวานให้ผมอย่างมีเลสนัย ใช่! เวลานี้ผมกำลังหลงใหลเธอ แถมผมแอบจินตนาการถึงเธอไปในทางชู้สาวหรือเลยเถิดจนถึงเตียงแล้วนั่น!!
“มาแล้วเหรอคะ? เหนื่อยไหมคะ? เข้าไปในบ้านกัน หนูดีทำกับข้าวไว้รอแล้ว” แหม ผมหัวใจแทบจะหลุดจากอกด้วยความตื่นเต้น ทำไมน่ะเหรอครับ นอกจากยิ้มหวานชวนฝันแล้ว น้ำเสียงที่นุ่มนวล บวกกับมือนุ่มๆที่อาจเย็นไปบางแต่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาเข้ามาเกาะกุมข้อมือพลางฉุดผมเข้าไปในบ้าน
“ครับ” ผมพูดเพียงคำเดียวพร้อมกับก้าวเท้าตามเธอเขาไปในบ้านอย่างตื่นเต้น แต่ผมก็เหลือบมองไปด้านนอกก็ยังคงเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นหน้าซีดเผือกตะลึงอยู่
ห้องสีขาวถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ กลางห้องมีโต๊ะกลมที่เต็มไปด้วยอาหารคาวหวานชวนรับประทาน กลิ่นน้ำมันหอมฟุ้งไปทั่วห้อง เธอจูงผมมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับตักอาหารให้ผม
“ทานเยอะๆนะคะ หนูดีตั้งใจทำให้พี่เจ๋งโดยเฉพาะ” รสชาติของอาหารของหนูดีรสชาติดีสมชื่อ มื้อนั้นผมจัดหนักไปจนอิ่มแปล้ เรานั่งคุยกันสักพักหนึ่งเธอก็ชวนผมเข้าไปในห้องนอนของเธอ!!
เอาสิครับ! หวานหมูผมน่ะสิงานนี้ มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ ผมเดินตามเธอเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย
“พี่เจ๋งนั่งเล่นบนเตียงก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูดีไปเอาของสักครู่ อย่ายุ่งกับตู้ไม้สักนั่นนะคะ”
“ครับ” พูดจบเธอก็ทิ้งผมไว้ในห้องเพียงลำพัง
มนุษย์เราก็แปลกอย่างหนึ่งนะ อะไรที่เป็นความลับเรามักอยากรู้เสมอ ผมค่อยๆเปิดประตูตู้ไม้สักอย่างเบามือ ในนั้นมีกรอบรูปและโถอัฐถิวางไว้คู่กัน ผมเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้นมาดูให้ชัดเจน
นางสาว รมณ์ฤดี พิราลัย
ชาตะ 1 มกราคม พ.ศ. 2536
มรณะ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ใช่ครับ! มันคือกรอบรูปงานศพ แถมในรูปนั้นคือ รูปหนูดีในชุดที่เราเจอกันครั้งแรก! คำพูดของเด็กหนุ่มที่พูดกับผมก่อนเข้าบ้าน หวนเข้ามาในหัว วินาทีนี้ ผมเชื่อแล้วครับที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง
เมื่อตั้งสติได้ ผมรีบใส่เกียร์หมาปิดประตูออกจากห้องนอนของหนูดีทันที
“พี่เจ๋ง.... หนูดี.....เตือน...แล้ว...นี่.....คะ....อย่าเปิด...ตู้...นั่น!” เสียงเย็นระเยือกของหนูดีดังขึ้น พร้อมกลิ่นเน่าที่อบอวลไปทั่วห้อง สายตาผมเหลือบไปเห็นโต๊ะที่ผมเพิ่งทานข้าวเสร็จเมื่อสักครู่ สิ่งที่เห็นทำให้กระเพาะอาหารของผมปั่นป่วนขึ้นมาทันที หนอนสารพัดชนิดนอนดิ้นอยู่ในจาน พร้อมกับซากมนุษย์!
ผมพุ่งตัวไปที่ประตูทางออกทันที อนิจจา!!! ประตูกับปิดสนิทแน่น ผมพยายามเขย่าประตูออก ก็มีบางอย่างตกลงมา
หัวมนุษย์!!!
หัวของหนูดีร่วงลงมาใส่ผม ใบหน้าขาวซีดอาบด้วยเลือดครึ่งแสยะยิ้มชวนผวา
“หน่ะ ...หนู...ดะ...ดี...เป็น...ผะ...ผี” ผมติดอ่างชั่วขณะ มือม้าแขนขาอ่อนแรงจนแทบทรงตัวตัวไม่อยู่
“ค่ะ หนูดีตายแล้ว แล้วพี่เป็นรายต่อไป!” ศีรษะนั้นเอ่ยกับผมอย่างช้าๆ ผมพยายามผลักหน้าต่างแทนประตูแต่ทว่าก็ยังแน่นสนิท
“จะหนีหนูดีไปไหนคะที่รัก? อยู่กับหนูดี คอยอ่านนิยายของหนูดีที่นี่นะคะ” เธอพูดจบ ปากกาคอแร้งก็ปักเข้าที่ท้ายทอยผม ปากกานั้นค่อยๆลากผ่านรอบคอผมจนขาดจากกัน เธอยิ้มหวานให้ผมซึ่งมองดูร่างของตัวเองล้มลงอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
ตึ๊ง ตึ่ง
“นิยายของหนูดีสนุกจังเลยนะครับ พี่อยากเห็นตอนหนูดีเขียนนิยายจัง” แชตจากชายหนุ่มผู้ติดตามนิยายจากนักเขียนออนไลน์สาวปริศนาเด้งขึ้นมา
“ก็มาหาสิคะ หนูดีจะรอ!!”