7 พ.ค 57 วันที่ 5 แล้วนะ วันนี้รีบตื่นแต่เช้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะว่าต้องไปอู่หลิงหยวน ไม่อยากออกสายเพราะเป็นวันหยุดด้วย คิดว่านักท่องเที่ยวคงจะเยอะ แต่ดูเหมือนว่าจะโชคร้ายเข้าแล้ว เพราะฝนตกตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน กว่าจะหยุดก็ปาเข้าไปเกือบ 8 โมงเช้า แต่ก็ยังถือว่าโชคดีนะคะ เพราะตอนลงมาที่ล็อบบี้เจอนักเที่ยวชาวอเมริกัน เกาะกลุ่มกันอยู่ 4 คนกำลังยืนฟังเจ้าของโรงแรมอธิบายเส้นทางอยู่พอดี(ภาษาจีนนะคะ เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นมี 1 คน เป็นไกด์ชาวอเมริกันที่พูดภาษาจีนได้) และเมื่อเขาหันมาเจอเราก็อธิบายอีกรอบเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวไปพร้อมกลุ่มนี้นะ เขาจะเรียกรถให้จ่าย 10 Y เหมือนที่ขึ้นรถประจำทางนั้นแหละ คิดในใจเออโชคดีเนอะถ้าทู่ซี้ออกไปก่อนหน้านี้คงต้องเดินไปขึ้นรถที่สถานีเอง อันนี้ขึ้นรถหน้าโรงแรมเลยสะดวกดี และเพราะความที่ฝนตก ทำให้จุดซื้อตั๋วมีนักท่องเที่ยวไม่มากนักไม่ต้องต่อแถวนาน
เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็เดินเข้าไปเลยค่ะ ระบบที่นี่เขาไฮเทคทีเดียว ใช้วิธีแสกนนิ้วมือเอาก็ได้แล้ว แหม่...ไม่แปลกใจที่ราคาตั๋วแพงเอาเรื่อง สำหรับการเดินในวันนี้ และเป็นเพราะเช้านี้ฝนตกหนักมาก ทำให้ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณเจ้าของโรงแรมก็เลยแนะนำให้เดินเรียบลำธารแส้ทองจินเปียนซี (อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ เราจำไม่ได้จริงๆ ว่าประตูทางเข้าฝั่งนี้เรียกว่าอะไร แต่ฝั่งนี้เป็นทางเข้าอีกทางหนึ่งที่คนส่วนมากมักจะมาในวันที่ 2 หากใครทราบเข้ามาแนะนำนะคะ)




สำหรับเส้นทางเดินนี้ ให้เดินเลียบริมน้ำไปเรื่อยๆ ทางเดินประมาณ 2-5 กิโลเมตร (อันนี้คุณเจ้าของโรงแรมบอกมา) และมันก็จริงๆ ค่ะ เดินนานหน่อย แต่ก็คุ้มค่ะ เพราะสวยมากๆ อีกอย่างอากาศเย็นสบาย บางจุดฝนก็ตกปรอยๆ ทำให้ไม่ร้อน และทำให้เหนื่อยน้อยหน่อยคะ ระหว่างทางเดินจะพบจุดขายของ ให้แวะพักเหนื่อย เติมพลังหลายจุดค่ะ และที่สำคัญไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เพราะมีเพื่อนร่วมหลายคนที่เดินไปกับเรา เดินตามๆ กันไปได้ค่ะ อีกอย่างตามจุดแวะพัก ก็สามารถถามไถ่พ่อค้า แม่ค้าแถวนั้นได้ค่ะ



หลังจากที่เดินมานานพอสมควร ก็จะถึงจุดรถบัสจอดจากจุดนี้เราสามารถขึ้นรถบัส เพื่อไปจุดชมวิวภาพวาดหมื่นลี้ จากจุดนี้เราก็ข้ามไปอีกฝั่งและถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่าถ้าจะไปจุดชมภาพวาดหมื่นลี้จะต้องขึ้นรถตรงไหน เจ้าหน้าที่ดูแลก็จะชี้ให้เราขึ้นไปรอบนรถ อันนี้ค่อนข้างสะดวกนะคะ และทุกจุดจอดรถบัสก็จะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการทุกทีแค่ยื่นแผนที่ และชี้จุดที่เราจะไป เขาก็จะพาเราไปขึ้นรถค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ปัญหาเรื่องภาษา แทบจะไม่มีค่ะ ใช้ภาษากายและแผนที่เป็นหลักก็ได้ค่ะ แต่เมื่อไปถึงจุดชมภาพวาดหมื่นลี้ ก็ต้องผิดหวังอย่างแรงค่ะ เพราะว่าฟ้าปิด มองอะไรแทบจะไม่เห็นเลยค่ะ แต่ก็ยังดีที่พอมีเวลา เราก็เลยแวะทานข้าวที่นี่ซะเลย เรียกว่านั่งดูคนเดินผ่านไป ผ่านมา แม้จะตาลาย ตาก็สนุกดีค่ะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญก็นั่งรถบัส ต่อไปยังประตูออกอีกฝั่งหนึ่ง เพราะว่าชักจะเย็นแล้วกลับดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยแวะมาจุดนี้ใหม่แล้วกัน หลังจากตัดสินใจได้ ก็ขึ้นรถบัสกลับเมื่อถึงประตูทางออก ก็เดินออกมาสักพัก จะเห็นคิวรถรถมินิบัสจอดเรียงอยู่ มีสายคือ 1และ 2 เราเลือกขึ้นสาย 1 เพราะคุณเจ้าของโรงแรมได้บอกไว้ว่าให้ขึ้นสาย 1 และจ่าย 1 หยวนค่ะ หลังจากขึ้นไปแล้วก็งงว่าจะเอาไงต่อดี โชคดีคุณคนขับรถใจดีเห็นเราทำหน้างง ก็เลยมองหน้าเราพร้อมด้วยสายตาที่มีคำถาม 555 แบบนี้ล่ะใช่เลย รีบอ้าปากทันที จางเจียเจี้ย เขาก็พยักหน้าเป็นอันเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายค่ะ
หลังจากรถออกมาสักพัก รถก็จะผ่านวงเวียน ตรงนี้แหละค่ะที่เราต้องลงแต่คุณขับรถเขาดันลืม เขาขับเลยไปนิดนึง และคงนึกได้ถึงบอกให้เราลงนี้ เราก็งงเนอะแล้วจะให้ฉ้าน....เดินไปทางไหน ก็ดันจอดกลางวงเวียนซะขนาดนั้น คุณคนขับรถออกรถไปประมาณเกือบ 2 เมตร คุณพี่แกก็จอดและกวักมือเราและเดินนำเราให้เดินตามที่จุดจอดรถบัสไปจางเจียเจี้ย เรางี้ซึ้งอ่ะ ... จากอู่หลิงหยวน ไปจางเจียเจี้ย ค่ารถ 12 หยวนนะคะ นั่งไปหลับไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยค่ะ รถจอดที่สถานีรถบัสเช่นเคยค่ะ ด้วยความที่เหนื่อย เมื่อยล้า รีบจ้ำกลับไปโรงแรมอย่างเร็วค่ะ ล้างหน้าตาล้างตาล้มตัวลงนอนอย่างด่วน เพราะขาล้าแทบจะลากไม่ไหว สุดท้ายทนหิ้วไม่ไหวก็ต้องลุกค่ะ เจอหน้าคุณเจ้าของโรงแรมก็อดไม่ได้ที่จะขอบคุณ เพราะความใจดีของเขาแท้ๆ ทำให้เราเที่ยวได้สนุกและครบถ้วน แถมยังจะพาเราไปจองตั๋วรถไฟอีกต่างหาก เราก็เลยบอกว่าหากคุณว่างเมื่อไหร่รบกวนด้วยนะ จากนั้นก็ขอตัวไปหาข้าวกินก่อน หลังกินข้าวอิ่มหนำกลับมาจะขอรบกวนถามทางไปสถานีรถไฟ(5555 จริงๆ ก็จะให้คุณเขาพาไปนั่นแหละ)
แต่เผอิญเห็นคุณเขาไม่ว่าง และเราก็คิดว่าไม่น่าจะยากก็เลยออกเดินไปเอง ออกไปหน้าปากซ้ายแล้วก็เลี้ยวซ้ายค่ะ ถามสาวๆ แถวนั้นค่ะว่าสถานีรถไฟไปทางไหน เขาก็ยิ้มน่ารักแล้วก็บอกให้เราเดินตรงไปค่ะ จากนั้นถึงสามแยกไฟแดง ก็ให้เลี้ยวขวาแล้วก็เดินตรงไปค่ะ แล้วก็จะเจอสถานีรถไฟ ก่อนถึงสถานีรถไฟจะเจอสถานีรถบัสค่ะ(ด้านหน้าค่ะ ปกติเห็นแต่ด้านหลัง) ถึงตรงนี้ถามคนแถวนั้นก็ได้ค่ะว่าสถานีรถไฟอยู่ตรงไหน เขาก็จะชี้ให้เราค่ะ (จากที่เจอคนจีนใจดีนะคะ) เดินเข้าไปในสถานีโอ้โห...ใหญ่โตค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำค่ะด้วย เราก็รี่เข้าไปเลยค่ะ เหมือนเคยค่ะ กางหนังสือ ชี้ตัวอักษรเขาก็เช็คข้อมูลให้เราเบื้องต้นและก็บอกเรามีตั๋ว จากนั้นก็พาเราไปที่ช่องขายตั๋ว เราเขียนวันเดินทางยื่นให้เจ้าหน้าที่เขาก็คีย์ข้อมูลและหันจอมาให้เราดูค่ะ เป็นอันตกลง เราก็ยื่นพาสปอร์ตให้เขา เขาก็ถึงบางอ้อ...กันใหญ่ และเพราะเห็นเราเป็นคนไทยยกมือไหว้เรากันใหญ่ รู้สึกดีค่ะ...
สรุปซื้อตั๋วรถไฟไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ หลังจากหมดห่วงเรื่องตั๋วรถไฟ ก็เดินกลับโรงแรม ถึงเวลาพักผ่อนซะที ....เหนื่อยมาทั้งวันล่ะ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินกันต่อคิดว่าอย่างนั้นค่ะ แต่กว่าจะหลับปาเข้าไปตี 2 หึ หึ ฉ้าน..จะบ้า...นอนไม่หลับค่ะ นั่งดูซีรีส์จีนจบไปหลายเรื่องค่ะ ภาพคม เสียงดังฟังชัด แต่ไม่เข้าใจสักคำ ก็ยังดีช่วยให้ไม่เงียบค่ะ เพราะแถวนั้นแค่ 4ทุ่ม ก็เงียบแทบจะได้ยินเสียงแมวเดิน
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ค่ะ 17 พ.ค. 57
1. ค่าเข้าอุทยาน 248 Y
2. ค่ารถจากจางเจียเจี้ย ไปอู่หลิงหยวน (ไป-กลับ) 24 Y
3. ค่ารถไฟไปอู่ฮั่น 178 Y (Hard Sleeper Upper มีเตียงเหลือแค่ชั้นบนค่ะ)
4. ค่าอาหาร 75 Y
• สรุปวันนี้จ่ายไป 525 Y = 2,725 บาท อัตราแลกเปลี่ยนตอนที่แลกเงินไป 5.19 บาท ต่อหยวน
[CR] เมื่อยัยอ้วนลากกระเป๋า ตะลุยเดี่ยวไชน่าแลนด์ Can’t Speak Chinese5
เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็เดินเข้าไปเลยค่ะ ระบบที่นี่เขาไฮเทคทีเดียว ใช้วิธีแสกนนิ้วมือเอาก็ได้แล้ว แหม่...ไม่แปลกใจที่ราคาตั๋วแพงเอาเรื่อง สำหรับการเดินในวันนี้ และเป็นเพราะเช้านี้ฝนตกหนักมาก ทำให้ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณเจ้าของโรงแรมก็เลยแนะนำให้เดินเรียบลำธารแส้ทองจินเปียนซี (อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ เราจำไม่ได้จริงๆ ว่าประตูทางเข้าฝั่งนี้เรียกว่าอะไร แต่ฝั่งนี้เป็นทางเข้าอีกทางหนึ่งที่คนส่วนมากมักจะมาในวันที่ 2 หากใครทราบเข้ามาแนะนำนะคะ)
สำหรับเส้นทางเดินนี้ ให้เดินเลียบริมน้ำไปเรื่อยๆ ทางเดินประมาณ 2-5 กิโลเมตร (อันนี้คุณเจ้าของโรงแรมบอกมา) และมันก็จริงๆ ค่ะ เดินนานหน่อย แต่ก็คุ้มค่ะ เพราะสวยมากๆ อีกอย่างอากาศเย็นสบาย บางจุดฝนก็ตกปรอยๆ ทำให้ไม่ร้อน และทำให้เหนื่อยน้อยหน่อยคะ ระหว่างทางเดินจะพบจุดขายของ ให้แวะพักเหนื่อย เติมพลังหลายจุดค่ะ และที่สำคัญไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เพราะมีเพื่อนร่วมหลายคนที่เดินไปกับเรา เดินตามๆ กันไปได้ค่ะ อีกอย่างตามจุดแวะพัก ก็สามารถถามไถ่พ่อค้า แม่ค้าแถวนั้นได้ค่ะ
หลังจากที่เดินมานานพอสมควร ก็จะถึงจุดรถบัสจอดจากจุดนี้เราสามารถขึ้นรถบัส เพื่อไปจุดชมวิวภาพวาดหมื่นลี้ จากจุดนี้เราก็ข้ามไปอีกฝั่งและถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่าถ้าจะไปจุดชมภาพวาดหมื่นลี้จะต้องขึ้นรถตรงไหน เจ้าหน้าที่ดูแลก็จะชี้ให้เราขึ้นไปรอบนรถ อันนี้ค่อนข้างสะดวกนะคะ และทุกจุดจอดรถบัสก็จะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการทุกทีแค่ยื่นแผนที่ และชี้จุดที่เราจะไป เขาก็จะพาเราไปขึ้นรถค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ปัญหาเรื่องภาษา แทบจะไม่มีค่ะ ใช้ภาษากายและแผนที่เป็นหลักก็ได้ค่ะ แต่เมื่อไปถึงจุดชมภาพวาดหมื่นลี้ ก็ต้องผิดหวังอย่างแรงค่ะ เพราะว่าฟ้าปิด มองอะไรแทบจะไม่เห็นเลยค่ะ แต่ก็ยังดีที่พอมีเวลา เราก็เลยแวะทานข้าวที่นี่ซะเลย เรียกว่านั่งดูคนเดินผ่านไป ผ่านมา แม้จะตาลาย ตาก็สนุกดีค่ะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญก็นั่งรถบัส ต่อไปยังประตูออกอีกฝั่งหนึ่ง เพราะว่าชักจะเย็นแล้วกลับดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยแวะมาจุดนี้ใหม่แล้วกัน หลังจากตัดสินใจได้ ก็ขึ้นรถบัสกลับเมื่อถึงประตูทางออก ก็เดินออกมาสักพัก จะเห็นคิวรถรถมินิบัสจอดเรียงอยู่ มีสายคือ 1และ 2 เราเลือกขึ้นสาย 1 เพราะคุณเจ้าของโรงแรมได้บอกไว้ว่าให้ขึ้นสาย 1 และจ่าย 1 หยวนค่ะ หลังจากขึ้นไปแล้วก็งงว่าจะเอาไงต่อดี โชคดีคุณคนขับรถใจดีเห็นเราทำหน้างง ก็เลยมองหน้าเราพร้อมด้วยสายตาที่มีคำถาม 555 แบบนี้ล่ะใช่เลย รีบอ้าปากทันที จางเจียเจี้ย เขาก็พยักหน้าเป็นอันเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายค่ะ
หลังจากรถออกมาสักพัก รถก็จะผ่านวงเวียน ตรงนี้แหละค่ะที่เราต้องลงแต่คุณขับรถเขาดันลืม เขาขับเลยไปนิดนึง และคงนึกได้ถึงบอกให้เราลงนี้ เราก็งงเนอะแล้วจะให้ฉ้าน....เดินไปทางไหน ก็ดันจอดกลางวงเวียนซะขนาดนั้น คุณคนขับรถออกรถไปประมาณเกือบ 2 เมตร คุณพี่แกก็จอดและกวักมือเราและเดินนำเราให้เดินตามที่จุดจอดรถบัสไปจางเจียเจี้ย เรางี้ซึ้งอ่ะ ... จากอู่หลิงหยวน ไปจางเจียเจี้ย ค่ารถ 12 หยวนนะคะ นั่งไปหลับไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยค่ะ รถจอดที่สถานีรถบัสเช่นเคยค่ะ ด้วยความที่เหนื่อย เมื่อยล้า รีบจ้ำกลับไปโรงแรมอย่างเร็วค่ะ ล้างหน้าตาล้างตาล้มตัวลงนอนอย่างด่วน เพราะขาล้าแทบจะลากไม่ไหว สุดท้ายทนหิ้วไม่ไหวก็ต้องลุกค่ะ เจอหน้าคุณเจ้าของโรงแรมก็อดไม่ได้ที่จะขอบคุณ เพราะความใจดีของเขาแท้ๆ ทำให้เราเที่ยวได้สนุกและครบถ้วน แถมยังจะพาเราไปจองตั๋วรถไฟอีกต่างหาก เราก็เลยบอกว่าหากคุณว่างเมื่อไหร่รบกวนด้วยนะ จากนั้นก็ขอตัวไปหาข้าวกินก่อน หลังกินข้าวอิ่มหนำกลับมาจะขอรบกวนถามทางไปสถานีรถไฟ(5555 จริงๆ ก็จะให้คุณเขาพาไปนั่นแหละ)
แต่เผอิญเห็นคุณเขาไม่ว่าง และเราก็คิดว่าไม่น่าจะยากก็เลยออกเดินไปเอง ออกไปหน้าปากซ้ายแล้วก็เลี้ยวซ้ายค่ะ ถามสาวๆ แถวนั้นค่ะว่าสถานีรถไฟไปทางไหน เขาก็ยิ้มน่ารักแล้วก็บอกให้เราเดินตรงไปค่ะ จากนั้นถึงสามแยกไฟแดง ก็ให้เลี้ยวขวาแล้วก็เดินตรงไปค่ะ แล้วก็จะเจอสถานีรถไฟ ก่อนถึงสถานีรถไฟจะเจอสถานีรถบัสค่ะ(ด้านหน้าค่ะ ปกติเห็นแต่ด้านหลัง) ถึงตรงนี้ถามคนแถวนั้นก็ได้ค่ะว่าสถานีรถไฟอยู่ตรงไหน เขาก็จะชี้ให้เราค่ะ (จากที่เจอคนจีนใจดีนะคะ) เดินเข้าไปในสถานีโอ้โห...ใหญ่โตค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำค่ะด้วย เราก็รี่เข้าไปเลยค่ะ เหมือนเคยค่ะ กางหนังสือ ชี้ตัวอักษรเขาก็เช็คข้อมูลให้เราเบื้องต้นและก็บอกเรามีตั๋ว จากนั้นก็พาเราไปที่ช่องขายตั๋ว เราเขียนวันเดินทางยื่นให้เจ้าหน้าที่เขาก็คีย์ข้อมูลและหันจอมาให้เราดูค่ะ เป็นอันตกลง เราก็ยื่นพาสปอร์ตให้เขา เขาก็ถึงบางอ้อ...กันใหญ่ และเพราะเห็นเราเป็นคนไทยยกมือไหว้เรากันใหญ่ รู้สึกดีค่ะ...
สรุปซื้อตั๋วรถไฟไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ หลังจากหมดห่วงเรื่องตั๋วรถไฟ ก็เดินกลับโรงแรม ถึงเวลาพักผ่อนซะที ....เหนื่อยมาทั้งวันล่ะ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินกันต่อคิดว่าอย่างนั้นค่ะ แต่กว่าจะหลับปาเข้าไปตี 2 หึ หึ ฉ้าน..จะบ้า...นอนไม่หลับค่ะ นั่งดูซีรีส์จีนจบไปหลายเรื่องค่ะ ภาพคม เสียงดังฟังชัด แต่ไม่เข้าใจสักคำ ก็ยังดีช่วยให้ไม่เงียบค่ะ เพราะแถวนั้นแค่ 4ทุ่ม ก็เงียบแทบจะได้ยินเสียงแมวเดิน
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ค่ะ 17 พ.ค. 57
1. ค่าเข้าอุทยาน 248 Y
2. ค่ารถจากจางเจียเจี้ย ไปอู่หลิงหยวน (ไป-กลับ) 24 Y
3. ค่ารถไฟไปอู่ฮั่น 178 Y (Hard Sleeper Upper มีเตียงเหลือแค่ชั้นบนค่ะ)
4. ค่าอาหาร 75 Y
• สรุปวันนี้จ่ายไป 525 Y = 2,725 บาท อัตราแลกเปลี่ยนตอนที่แลกเงินไป 5.19 บาท ต่อหยวน