คราวที่แล้วรีวิวอาหารภารตะแบบ เซ้าเทิร์นสไตล์ไป คราวนี้ขอรีวิวแบบ นอร์ธเทิร์นสไตล์ (?) บ้าง แต่คราวนี้ขอรวบ 3 ร้านไว้ในคราวเดียวกันเลยล่ะกันค่ะ
เกิดจากการไปชิมตามรีวิวก่อนๆที่เจอในพันทิป ต่างเวลาต่างสถานที่นะคะ ซึ่งก็จะรีวิวไปตามลำดับที่เคยไปชิมก่อนหลังล่ะกันค่ะ ... copy มาจากเฟซบุ๊คส่วนตัวเช่นเคย ภาษาอาจจะเป็นภาษาพูดไปนิด หวังว่าชาวพันทิปคงไม่ถือสานะคะ
ร้านแรก Indian food เจริญนคร 17
ภารตะฟู้ด ... วันนี้พี่ฉายเดี่ยว
ด้วยความที่จะไปทำธุระที่ม. แต่ช่วงนี้ไม่สามารถเดินทางโดย 511 ได้ (จริงๆก็ได้แหละ แต่มันติดมาก เพราะต้องหนีม็อบ) เลยต้องไปม.โดยใช้ทางน้ำ นั่นคือ ว่ายไป!

จริงๆคือ BTS ลงที่สะพานตากสิน และต่อเรือ ด้วยความที่ออกจากบ้านช่วงก่อนเที่ยงเล็กน้อย และจำได้ว่าร้านอาหารภารตะนี้ก็ลงที่สถานีเดียวกัน เลยยังไม่ซัดก๋วยเตี๋ยวเนื้อปากซอย เก็บท้องไว้ลองอาหารต่างชาติดีกว่า ร้านนี้มีรีวิวในพันทิปอยู่นะ ... พอลง BTS สะพานตากสิน ก็ข้ามเรือ ในรีวิวจากพันทิปบอกเดินเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ ไม่ไกลจากท่าเรือข้ามฟากมากนัก แต่ความจริงคือ ถ้าเดินท่ามกลางแดดเที่ยงใกล้บ่าย มันจะไกลมาก มอร์ไซต์เถอะ 20 บาท
เดินก็ไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ระหว่างซอยเจริญนคร 17 กับ 19 โชคดีที่ซักประมาณซอย 15 มีเซเว่นให้แวะตากแอร์ซักพัก ไม่งั้นตายแหง๋ เดินๆไปแทบจะแวะนั่งร้านอื่นแทนซะละ ร้านอาหารแถวนั้นเยอะหลากหลายพอใช้ ร้านภารตะฟู้ดร้านนี้ เป็นร้านห้องแถวริมถนน ทาผนังสีเขียว ป้ายชื่อร้านก็โทนสีแดงๆส้มๆ อย่างกะเซเว่น ชื่อร้านคือ "Indian Food" คือ ตั้งชื่อง่ายมากอ่ะ เดินเข้าไปเจอฝรั่งนั่งรออาหารอยู่ก่อน รวมทั้งสิ้น 1 ท่าน ก็เซย์ไฮกันนิดนึง เพราะฝรั่งทักมาก่อน คุณครูภาษาปะกิตท่านหนึ่งสอนว่า ฝรั่งทักมาก็ให้ทักตอบไปนิดนึง เป็นมารยาท ในระหว่างนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆหน้าร้าน แต่ได้ยินเสียงตะหลิวกะทะหม้อทัพพีดังกุกกักอยู่หลังร้าน รอๆๆๆๆๆ รอไม่ไหวในที่สุด เดินโผล่หน้าไปในครัว บอกพ่อครัวเหงื่อซกที่หันหลังอยู่ว่า ขอสั่งอาหารหน่อย พ่อครัวเหงื่อซกพยักหน้ารับ พออาหารของฝรั่งเสร็จทุกอย่าง คุณพ่อครัวภารตะก็มารับออร์เดอร์จากพี่ วันนี้ฉายเดี๋ยวเลยสั่งมาน้อย
ที่สั่งมาก็มี นานกระเทียม, แกงถั่วเหลืองใส่โยเกิร์ต แกง Dal นั่นแหละ แล้วก็ลาสซี่มะม่วง คือ จะบอกว่าพี่พลาดที่สั่งนานกระเทียมนี่แหละ กลิ่นเนยและกระเทียมกลบความอร่อยของดาลไปเสียสิ้น แต่ดีที่ว่ามันเป็นแป้งที่เหนี่ยวนุ่ม ถ้ากินเปล่าๆและแผ่นเล็กกว่านี้คงอร่อยดี จะดีหน่อยก็ตรงที่ว่าพออาหารมาชิมดาลก่อน ทำให้รู้ว่าดาลโยเกิร์ตอร่อยมาก หอม รสชาตินี่ต้องบอกว่า เค็มๆผสมกลิ่นเครื่องเทศไม่เผ็ด ถ้าไม่ชิมดาลก่อนคงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไง คงโดนความเลี่ยนจากนานกระเทียมกลบไปเลย แต่ต้องบอกว่าสำหรับสัตว์กินเนื้ออย่างพี่ กินแกงถั่วเละๆไปซักพักถึงจะอร่อยแต่ก็เบื่อ คือ คนที่ชอบกินเนื้อวัว จะมีอารมณ์นึงที่จะสนุกกับการเคี้ยวเนื้อสัตว์และชอบกลิ่นที่หลายๆคนบอกว่าสาบแต่คนกินเนื้อจะบอกว่าหอม ดังนั้นการกินแกงที่เป็นมังสวิรัตขนาดนี้ ยอมรับว่า เบื่อจะกินเมื่อกินไปได้ครึ่งถ้วย ควานลงไปก็มีแต่ถั่ว ในการกินก็ไม่ต้องเคี้ยวอะไรเลย เอาลิ้นดุนๆถั่วก็เละจนกลืนได้ล่ะ มันนิ่มมาก ถึงจะอร่อยแต่ก็เซ็ง! ส่วนลาสซี่มะม่วง บอกตรงๆไม่ค่อยชอบ มันหวานไปหน่อย แต่ใครที่ชอบน้ำปั่นหวานๆคงชอบ แต่โนวเคสำหรับพี่ (แต่ก็กินจนหมดนะ) ... ครั้งหน้าไม่มีแน่นานกระเทียม และลาสซี่มะม่วง ขอสั่งเป็นลาสซี่แบบหวานดีกว่า คงสดชื่นได้รสโยเกิร์ตกว่าเยอะ
สนนราคา รวมทั้งสิ้น 170 บาท เป็นราคาที่ถือว่าไม่แพงสำหรับอาหารอินเดียนะ แล้วก็อาหารอินเดียเป็นอะไรที่ปริมาณเยอะจริงๆ กะให้คนกินอิ่มยันเช้าล่ะมั้ง จากรูปเหมือนแกงจะน้อยแต่ก็ไม่น้อยนะ ส่วนนานก็แผ่นใหญ่มาก ลาสซี่ที่ถ่ายมานี่ก็ดูดไปนิดนึงละ คือ เยอะอ่ะ
ปล.พี่ลองกินด้วยมือล่ะ ไม่สามารถจริงๆ โชคดีไม่มีใครอยู่ในร้าน คุณพ่อครัวก็อยู่หลังร้าน จะบอกว่าพี่กินได้มูมมามมากๆเมื่อกินด้วยมือ แถมหกเลอะเทอะไปหมด สุดท้ายช้อนส้อมกินได้เรียบร้อยและรวดเร็วกว่า สำหรับคนที่แม้แต่ข้าวเหนียวส้มตำยังใช้ช้อนส้อมกินแบบพี่ กินมือก็อร่อยแต่สาระรูปดูไม่ได้ พี่ก็บายล่ะ — feeling อิ่มมาก อิ่มยันค่ำ
อีกร้าน คือร้านเก่าแห่งแรกของไทยนั่นก็คือ Royal India สาขาพาหุรัดค่ะ
จริงๆภาระกิจวันนี้คือจะไปซื้อ DVD บอลลีวู้ดมูฟวี่ เรื่อง English Vinglish กับ Gulaab gang และอีกหนึ่งแผ่นตามอัธยาศัย ซึ่งก็ได้หนังของ Shahrukh Khan แสดงคู่กับ Deepika Padukone เรื่อง Chennai Express กลับมา (English Vinglish นี่เปิดโลกทัศน์หนังแขกเลยนะ recommended ต้องดูเลยเรื่องนี้ แค่ดู Sridevi ก็คุ้มแล้ว) (ส่วน Chennai Express นี่ยังไม่ได้ดู แต่รู้สึกว่าจะกวาดรางวัลมาเพียบ) จะเสียดายก็แต่ English Vinglish ที่ตั้งใจไปซื้อไม่มีแผ่นเดียว มีแต่แผ่นรวม แต่อีก 3 เรื่องที่รวมมาด้วยกันก็รู้สึกจะหนังดี ถึงดีมาก เอาเป็นว่าไม่คิดเยอะ
การเดินทางไปพาหุรัดวันนี้ เป็นหนแรกในชีวิตเลย ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่เมืองกรุงเป็นเด็กกรุงมาตลอด แต่ก็ไม่เคยไปเดินพาหุรัดเลย (เยาวราชก็ไม่เคย เคยแต่ผ่าน) ก่อนจะไปเลยเป็นอะไรที่ต้องหาข้อมูลพอๆกับการไปเสนอหัวข้อทีสิสกันเลยทีเดียว หลายๆคนคงเห็นสเตตัสเก่าในการถามทางแล้วล่ะนะ แต่นอกจากถามทางก็เอาเส้นทางที่ได้ไปขอเส้นทางในกูเกิ้ลแมพ จากนั้นก็จำลองการเดินทางด้วย street view ต่ออีกราวๆสามรอบ จะได้ไม่หลง ทั้งนี้ต้องขอบคุณน้องข้างบ้าน ที่บอกสายรถเมล์มาเมื่อเช้า ... ก็ไม่หลงนะ แต่ก็ งง ใช่น้อย
ไปไกล ไปเหนื่อย ไปงง ไปเกือบหลงทั้งทีจะแค่ไปซื้อหนังสามแผ่นแล้วกลับก็กระไร ไหนๆก็ไปถึงถิ่น little India แล้ว จะไม่ชิมอาหารภารตะร้านเก่าแก่ที่สุดในสยามคงไม่ได้ เพื่อไม่เป็นการเสียเที่ยว ก่อนเลือกดีวีดี ก็แว้บไปเติมพลังโรตีกันก่อนเลย เพราะ ไหนๆก็เที่ยงแล้วกินผิดเวลาจะไม่ดี กินช้าไปมันจะย่อยไม่ทันเย็น เดี๋ยวกินข้าวเย็นไม่ไหวต้องเททิ้ง เสียดาย ... ร้าน Royal India อยู่ถนนจักรเพชรเลย ป้ายนี่อยู่ติดถนนเลย แต่ตัวร้านจะอยู่เข้าไปในหลืบหน่อยนึง (อย่าเรียกซอยเลยนะ มันกระจ้อยร่อยมาก) เปิดประตูเข้าไปกลิ่นเครื่องเทศเตะจมูกแรงมาก ขนาดเราที่ว่าชอบเครื่องเทศยังรู้สึกว่าฉุน แตกต่างจากร้าน ทมิฬนาดู และร้านตรงซอยเจริญนคร 17 มาก คงเป็นเพราะ ครัวเค้าอยู่ติดกันมากแล้วร้านก็เล็กมาก มีไม่เกิน 10 โต๊ะอ่ะ เป็นร้านติดแอร์ การตกแต่งร้านคล้ายๆกับร้าน 13 เหรียญ (ใครแก่หน่อยจะทัน เป็นร้านพิซซ่าที่แต่งร้านด้วยการทำผนังเป็นอิฐสีแดง) ในร้านมีลูกค้านั่งอยู่โต๊ะละคน
ภารตะฟู้ด หรือ ที่คนปกติทั่วไปเรียกอาหารอินเดีย,อาหารแขก เป็นอาหารที่ปริมาณเยอะมาก เป็นไปได้ควรชวนกันไปกินเป็นหมู่คณะ ถึงจะได้กินหลายๆอย่างหน่อย แล้วก็มีคนช่วยแชร์เรื่องปริมาณ แต่เราไปวันธรรมดาเพื่อนก็ทำงานกันหมด เลยต้องกินคนเดียว แต่ต่อให้เพื่อนว่างก็ไม่กล้าชวนเพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนโอเคกับกลิ่นเครื่องเทศรึเปล่า เมื่อไปคนเดียวแต่อยากกินหลายๆอย่าง การสั่งอาหารเซ็ตหรือ Thali (ถาลี่ = ถาด) คือตัวเลือกที่ดี อาหารในถาดมีแกง 2 อย่าง (จากซ้ายไปขวา) เป็นแกงไก่ คงจะเป็นแกง curry แกงเต้าหู้ ข้าวผัดยี่หร่า Raita เป็นผักแช่โยเกิร์ตโรยยี่หร่า แล้วก็น้ำจิ้มผักชี รสชาติเปรี้ยวเผ็ด Naan 2 แผ่น แผ่นบนสุดน่าจะเป็น Papadum เป็นแผ่นแป้งกรอบมีเครื่องเทศ ข้างใต้ที่แผ่น Papadum บังอยู่ยังมี ไก่แทนดูรี อีกหนึ่งขา ตบท้ายด้วย ราสมาลัย (Rasmalai) ขนมหวานที่แยกถ้วยตามมาทีหลัง อ้อ! ที่ไม่มีรูปมาโชว์อีกอย่าง อันนี้สั่งต่างหากคือ Masala tea แล้วก็ยังมีน้ำเปล่า ไม่ได้สั่งแต่ยกมาให้และคงคิดตังค์อีก 1 ขวด ยี่ห้อสิงห์ ... ราคาทั้งหมดทั้งสิ้น 355 บาท
มาว่ากันด้วยรสชาติ เริ่มจากน้ำจิ้มผักชี ตอนกินก็โง่ตักกินเล่นๆ มาคิดได้ตอนนั่งรถกลับแล้วว่าเค้าคงเอามาให้จิ้มไก่ทันดูรีน่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร ไก่รสชาติเข้มข้นอยู่แล้ว ติดอยู่ตรงที่ว่ามันเป็นไก่ย่างแห้งเกิ๊น ถ้าไก่ย่างอีสานไปฟิวชั่นกับรสชาติไก่แทนดูรีคงดีไม่น้อย ต่อมา Raita กินไม่ได้ เพราะมันเป็น Raita แตงกวา ส่วนตัวเป็นคนไม่กินพืชผักตระกูลแตงทั้งหมด ถ้วยนี้เลยซดแต่โยเกิร์ตแต่ก็กินไม่ได้มาก เพราะ เหม็นกลิ่นแตงกวา ข้าวผัดยี่หร่าอันนี้อร่อย รสชาติที่คุ้นเคยกินกับไก่แทนดูรี คือตัวข้าวก็เป็นข้าวผัดมีความมันนิดนึง พอให้รู้ว่าผัดมา แล้วก็หอมกลิ่นยี่หร่าและเครื่องเทศอื่นๆ ฟิน!

แกงเต้าหู้ รู้สึกว่าไม่คุ้นลิ้น ฉุนเครื่องเทศไปนิด รสชาติออกเปรี้ยวๆฉุนๆมันๆ จะว่าเลี่ยนก็ไม่ใช่มันบอกไม่ถูก กินแต่เต้าหู้หมด ส่วนมะเขือเปาะเกาะเทาะหน้าแว่นหรือว่าถั่วลันเตา อันนี้มันเละจนแยกไม่ออกก็ปล่อยไว้งั้นแหละ ถ้วยสุดท้ายชอบสุดแกงไก่ คาดว่าเป็นแกง Curry กลมกล่อม เผ็ดจัดจ้าน เผ็ดกว่าที่เคยกินที่ร้านทมิฬนาดูอีก Papadum เป็นแป้งกรอบๆเค็มๆมีกลิ่นเครื่องเทศ ให้มาแผ่นเดียวแหละดีแล้ว หลายแผ่นจะเลี่ยนได้ กินเล่นๆก็อร่อยดี ส่วน Naan ดีใจมากที่ไม่มีน้ำมัน เย้ เย เย่ แป้งนุ่ม นุ่มแบบคล้ายแป้งโรตีปนแป้งพิซซ่านั่นแหละ อร่อยมาก แต่ก็กินไม่หมด เพราะให้มา 2 แผ่น เยอะมาก ต้องเก็บท้องไว้กินของหวานต่อ
ของหวานเป็นราสมาลัย เป็นก้อนชีสแช่น้ำนม ซึ่งนมก็ผสมเครื่องเทศและอัลมอน พอดีเคยกินแล้ว ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร รสชาติก็คล้ายๆกับที่เคยกิน ก็หวานๆมันๆตามสไตล์ขนมหวานอินเดีย ของร้านนี้เฉยๆ ซื้อแบบฟรีซของ Rangmahal มากินอร่อยกว่า (กลิ่นหอมกระวานชัดกว่า ส่วนของ Royal India กลิ่นนมจะชัดกว่า) และสุดท้ายพระเอกที่ไม่มีในเฟรม Masala tea เป็นชานมนี่แหละผสมเครื่องเทศมาซาลา ด้วยความที่เป็นคนกินกาแฟเลยไม่อินกับเมนูนี้เท่าไหร่ แต่หอมเครื่องเทศดีเหมือนกัน ชอบตรงกลิ่นมาซาลามันอมเปรี้ยวทำให้รู้สึดสดชื่นดี ... มานึกได้อีกทีก็ตอนขึ้นรถกลับแล้ว ว่าควรนำมาฟิวชั่นกะกาแฟ ให้กลายเป็น Masala coffee เลยไม่ได้ซื้อมาซาลาติดมือกลับมา เซ็งตัวเองจุงเบย คงต้องกลับไปซื้อมาซาลา มาใส่กาแฟเองอีกรอบแล้วล่ะ
ต่อร้านสุดท้ายในความเห็นแรกค่ะ
[CR] อาหารภารตะ นอร์ธเทิร์นสไตล์ (?) ... หลายๆร้านรวมกัน
เกิดจากการไปชิมตามรีวิวก่อนๆที่เจอในพันทิป ต่างเวลาต่างสถานที่นะคะ ซึ่งก็จะรีวิวไปตามลำดับที่เคยไปชิมก่อนหลังล่ะกันค่ะ ... copy มาจากเฟซบุ๊คส่วนตัวเช่นเคย ภาษาอาจจะเป็นภาษาพูดไปนิด หวังว่าชาวพันทิปคงไม่ถือสานะคะ
ร้านแรก Indian food เจริญนคร 17
ภารตะฟู้ด ... วันนี้พี่ฉายเดี่ยว
ด้วยความที่จะไปทำธุระที่ม. แต่ช่วงนี้ไม่สามารถเดินทางโดย 511 ได้ (จริงๆก็ได้แหละ แต่มันติดมาก เพราะต้องหนีม็อบ) เลยต้องไปม.โดยใช้ทางน้ำ นั่นคือ ว่ายไป!
เดินก็ไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ระหว่างซอยเจริญนคร 17 กับ 19 โชคดีที่ซักประมาณซอย 15 มีเซเว่นให้แวะตากแอร์ซักพัก ไม่งั้นตายแหง๋ เดินๆไปแทบจะแวะนั่งร้านอื่นแทนซะละ ร้านอาหารแถวนั้นเยอะหลากหลายพอใช้ ร้านภารตะฟู้ดร้านนี้ เป็นร้านห้องแถวริมถนน ทาผนังสีเขียว ป้ายชื่อร้านก็โทนสีแดงๆส้มๆ อย่างกะเซเว่น ชื่อร้านคือ "Indian Food" คือ ตั้งชื่อง่ายมากอ่ะ เดินเข้าไปเจอฝรั่งนั่งรออาหารอยู่ก่อน รวมทั้งสิ้น 1 ท่าน ก็เซย์ไฮกันนิดนึง เพราะฝรั่งทักมาก่อน คุณครูภาษาปะกิตท่านหนึ่งสอนว่า ฝรั่งทักมาก็ให้ทักตอบไปนิดนึง เป็นมารยาท ในระหว่างนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆหน้าร้าน แต่ได้ยินเสียงตะหลิวกะทะหม้อทัพพีดังกุกกักอยู่หลังร้าน รอๆๆๆๆๆ รอไม่ไหวในที่สุด เดินโผล่หน้าไปในครัว บอกพ่อครัวเหงื่อซกที่หันหลังอยู่ว่า ขอสั่งอาหารหน่อย พ่อครัวเหงื่อซกพยักหน้ารับ พออาหารของฝรั่งเสร็จทุกอย่าง คุณพ่อครัวภารตะก็มารับออร์เดอร์จากพี่ วันนี้ฉายเดี๋ยวเลยสั่งมาน้อย
ที่สั่งมาก็มี นานกระเทียม, แกงถั่วเหลืองใส่โยเกิร์ต แกง Dal นั่นแหละ แล้วก็ลาสซี่มะม่วง คือ จะบอกว่าพี่พลาดที่สั่งนานกระเทียมนี่แหละ กลิ่นเนยและกระเทียมกลบความอร่อยของดาลไปเสียสิ้น แต่ดีที่ว่ามันเป็นแป้งที่เหนี่ยวนุ่ม ถ้ากินเปล่าๆและแผ่นเล็กกว่านี้คงอร่อยดี จะดีหน่อยก็ตรงที่ว่าพออาหารมาชิมดาลก่อน ทำให้รู้ว่าดาลโยเกิร์ตอร่อยมาก หอม รสชาตินี่ต้องบอกว่า เค็มๆผสมกลิ่นเครื่องเทศไม่เผ็ด ถ้าไม่ชิมดาลก่อนคงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไง คงโดนความเลี่ยนจากนานกระเทียมกลบไปเลย แต่ต้องบอกว่าสำหรับสัตว์กินเนื้ออย่างพี่ กินแกงถั่วเละๆไปซักพักถึงจะอร่อยแต่ก็เบื่อ คือ คนที่ชอบกินเนื้อวัว จะมีอารมณ์นึงที่จะสนุกกับการเคี้ยวเนื้อสัตว์และชอบกลิ่นที่หลายๆคนบอกว่าสาบแต่คนกินเนื้อจะบอกว่าหอม ดังนั้นการกินแกงที่เป็นมังสวิรัตขนาดนี้ ยอมรับว่า เบื่อจะกินเมื่อกินไปได้ครึ่งถ้วย ควานลงไปก็มีแต่ถั่ว ในการกินก็ไม่ต้องเคี้ยวอะไรเลย เอาลิ้นดุนๆถั่วก็เละจนกลืนได้ล่ะ มันนิ่มมาก ถึงจะอร่อยแต่ก็เซ็ง! ส่วนลาสซี่มะม่วง บอกตรงๆไม่ค่อยชอบ มันหวานไปหน่อย แต่ใครที่ชอบน้ำปั่นหวานๆคงชอบ แต่โนวเคสำหรับพี่ (แต่ก็กินจนหมดนะ) ... ครั้งหน้าไม่มีแน่นานกระเทียม และลาสซี่มะม่วง ขอสั่งเป็นลาสซี่แบบหวานดีกว่า คงสดชื่นได้รสโยเกิร์ตกว่าเยอะ
สนนราคา รวมทั้งสิ้น 170 บาท เป็นราคาที่ถือว่าไม่แพงสำหรับอาหารอินเดียนะ แล้วก็อาหารอินเดียเป็นอะไรที่ปริมาณเยอะจริงๆ กะให้คนกินอิ่มยันเช้าล่ะมั้ง จากรูปเหมือนแกงจะน้อยแต่ก็ไม่น้อยนะ ส่วนนานก็แผ่นใหญ่มาก ลาสซี่ที่ถ่ายมานี่ก็ดูดไปนิดนึงละ คือ เยอะอ่ะ
ปล.พี่ลองกินด้วยมือล่ะ ไม่สามารถจริงๆ โชคดีไม่มีใครอยู่ในร้าน คุณพ่อครัวก็อยู่หลังร้าน จะบอกว่าพี่กินได้มูมมามมากๆเมื่อกินด้วยมือ แถมหกเลอะเทอะไปหมด สุดท้ายช้อนส้อมกินได้เรียบร้อยและรวดเร็วกว่า สำหรับคนที่แม้แต่ข้าวเหนียวส้มตำยังใช้ช้อนส้อมกินแบบพี่ กินมือก็อร่อยแต่สาระรูปดูไม่ได้ พี่ก็บายล่ะ — feeling อิ่มมาก อิ่มยันค่ำ
อีกร้าน คือร้านเก่าแห่งแรกของไทยนั่นก็คือ Royal India สาขาพาหุรัดค่ะ
จริงๆภาระกิจวันนี้คือจะไปซื้อ DVD บอลลีวู้ดมูฟวี่ เรื่อง English Vinglish กับ Gulaab gang และอีกหนึ่งแผ่นตามอัธยาศัย ซึ่งก็ได้หนังของ Shahrukh Khan แสดงคู่กับ Deepika Padukone เรื่อง Chennai Express กลับมา (English Vinglish นี่เปิดโลกทัศน์หนังแขกเลยนะ recommended ต้องดูเลยเรื่องนี้ แค่ดู Sridevi ก็คุ้มแล้ว) (ส่วน Chennai Express นี่ยังไม่ได้ดู แต่รู้สึกว่าจะกวาดรางวัลมาเพียบ) จะเสียดายก็แต่ English Vinglish ที่ตั้งใจไปซื้อไม่มีแผ่นเดียว มีแต่แผ่นรวม แต่อีก 3 เรื่องที่รวมมาด้วยกันก็รู้สึกจะหนังดี ถึงดีมาก เอาเป็นว่าไม่คิดเยอะ
การเดินทางไปพาหุรัดวันนี้ เป็นหนแรกในชีวิตเลย ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่เมืองกรุงเป็นเด็กกรุงมาตลอด แต่ก็ไม่เคยไปเดินพาหุรัดเลย (เยาวราชก็ไม่เคย เคยแต่ผ่าน) ก่อนจะไปเลยเป็นอะไรที่ต้องหาข้อมูลพอๆกับการไปเสนอหัวข้อทีสิสกันเลยทีเดียว หลายๆคนคงเห็นสเตตัสเก่าในการถามทางแล้วล่ะนะ แต่นอกจากถามทางก็เอาเส้นทางที่ได้ไปขอเส้นทางในกูเกิ้ลแมพ จากนั้นก็จำลองการเดินทางด้วย street view ต่ออีกราวๆสามรอบ จะได้ไม่หลง ทั้งนี้ต้องขอบคุณน้องข้างบ้าน ที่บอกสายรถเมล์มาเมื่อเช้า ... ก็ไม่หลงนะ แต่ก็ งง ใช่น้อย
ไปไกล ไปเหนื่อย ไปงง ไปเกือบหลงทั้งทีจะแค่ไปซื้อหนังสามแผ่นแล้วกลับก็กระไร ไหนๆก็ไปถึงถิ่น little India แล้ว จะไม่ชิมอาหารภารตะร้านเก่าแก่ที่สุดในสยามคงไม่ได้ เพื่อไม่เป็นการเสียเที่ยว ก่อนเลือกดีวีดี ก็แว้บไปเติมพลังโรตีกันก่อนเลย เพราะ ไหนๆก็เที่ยงแล้วกินผิดเวลาจะไม่ดี กินช้าไปมันจะย่อยไม่ทันเย็น เดี๋ยวกินข้าวเย็นไม่ไหวต้องเททิ้ง เสียดาย ... ร้าน Royal India อยู่ถนนจักรเพชรเลย ป้ายนี่อยู่ติดถนนเลย แต่ตัวร้านจะอยู่เข้าไปในหลืบหน่อยนึง (อย่าเรียกซอยเลยนะ มันกระจ้อยร่อยมาก) เปิดประตูเข้าไปกลิ่นเครื่องเทศเตะจมูกแรงมาก ขนาดเราที่ว่าชอบเครื่องเทศยังรู้สึกว่าฉุน แตกต่างจากร้าน ทมิฬนาดู และร้านตรงซอยเจริญนคร 17 มาก คงเป็นเพราะ ครัวเค้าอยู่ติดกันมากแล้วร้านก็เล็กมาก มีไม่เกิน 10 โต๊ะอ่ะ เป็นร้านติดแอร์ การตกแต่งร้านคล้ายๆกับร้าน 13 เหรียญ (ใครแก่หน่อยจะทัน เป็นร้านพิซซ่าที่แต่งร้านด้วยการทำผนังเป็นอิฐสีแดง) ในร้านมีลูกค้านั่งอยู่โต๊ะละคน
ภารตะฟู้ด หรือ ที่คนปกติทั่วไปเรียกอาหารอินเดีย,อาหารแขก เป็นอาหารที่ปริมาณเยอะมาก เป็นไปได้ควรชวนกันไปกินเป็นหมู่คณะ ถึงจะได้กินหลายๆอย่างหน่อย แล้วก็มีคนช่วยแชร์เรื่องปริมาณ แต่เราไปวันธรรมดาเพื่อนก็ทำงานกันหมด เลยต้องกินคนเดียว แต่ต่อให้เพื่อนว่างก็ไม่กล้าชวนเพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนโอเคกับกลิ่นเครื่องเทศรึเปล่า เมื่อไปคนเดียวแต่อยากกินหลายๆอย่าง การสั่งอาหารเซ็ตหรือ Thali (ถาลี่ = ถาด) คือตัวเลือกที่ดี อาหารในถาดมีแกง 2 อย่าง (จากซ้ายไปขวา) เป็นแกงไก่ คงจะเป็นแกง curry แกงเต้าหู้ ข้าวผัดยี่หร่า Raita เป็นผักแช่โยเกิร์ตโรยยี่หร่า แล้วก็น้ำจิ้มผักชี รสชาติเปรี้ยวเผ็ด Naan 2 แผ่น แผ่นบนสุดน่าจะเป็น Papadum เป็นแผ่นแป้งกรอบมีเครื่องเทศ ข้างใต้ที่แผ่น Papadum บังอยู่ยังมี ไก่แทนดูรี อีกหนึ่งขา ตบท้ายด้วย ราสมาลัย (Rasmalai) ขนมหวานที่แยกถ้วยตามมาทีหลัง อ้อ! ที่ไม่มีรูปมาโชว์อีกอย่าง อันนี้สั่งต่างหากคือ Masala tea แล้วก็ยังมีน้ำเปล่า ไม่ได้สั่งแต่ยกมาให้และคงคิดตังค์อีก 1 ขวด ยี่ห้อสิงห์ ... ราคาทั้งหมดทั้งสิ้น 355 บาท
มาว่ากันด้วยรสชาติ เริ่มจากน้ำจิ้มผักชี ตอนกินก็โง่ตักกินเล่นๆ มาคิดได้ตอนนั่งรถกลับแล้วว่าเค้าคงเอามาให้จิ้มไก่ทันดูรีน่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร ไก่รสชาติเข้มข้นอยู่แล้ว ติดอยู่ตรงที่ว่ามันเป็นไก่ย่างแห้งเกิ๊น ถ้าไก่ย่างอีสานไปฟิวชั่นกับรสชาติไก่แทนดูรีคงดีไม่น้อย ต่อมา Raita กินไม่ได้ เพราะมันเป็น Raita แตงกวา ส่วนตัวเป็นคนไม่กินพืชผักตระกูลแตงทั้งหมด ถ้วยนี้เลยซดแต่โยเกิร์ตแต่ก็กินไม่ได้มาก เพราะ เหม็นกลิ่นแตงกวา ข้าวผัดยี่หร่าอันนี้อร่อย รสชาติที่คุ้นเคยกินกับไก่แทนดูรี คือตัวข้าวก็เป็นข้าวผัดมีความมันนิดนึง พอให้รู้ว่าผัดมา แล้วก็หอมกลิ่นยี่หร่าและเครื่องเทศอื่นๆ ฟิน!
ของหวานเป็นราสมาลัย เป็นก้อนชีสแช่น้ำนม ซึ่งนมก็ผสมเครื่องเทศและอัลมอน พอดีเคยกินแล้ว ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร รสชาติก็คล้ายๆกับที่เคยกิน ก็หวานๆมันๆตามสไตล์ขนมหวานอินเดีย ของร้านนี้เฉยๆ ซื้อแบบฟรีซของ Rangmahal มากินอร่อยกว่า (กลิ่นหอมกระวานชัดกว่า ส่วนของ Royal India กลิ่นนมจะชัดกว่า) และสุดท้ายพระเอกที่ไม่มีในเฟรม Masala tea เป็นชานมนี่แหละผสมเครื่องเทศมาซาลา ด้วยความที่เป็นคนกินกาแฟเลยไม่อินกับเมนูนี้เท่าไหร่ แต่หอมเครื่องเทศดีเหมือนกัน ชอบตรงกลิ่นมาซาลามันอมเปรี้ยวทำให้รู้สึดสดชื่นดี ... มานึกได้อีกทีก็ตอนขึ้นรถกลับแล้ว ว่าควรนำมาฟิวชั่นกะกาแฟ ให้กลายเป็น Masala coffee เลยไม่ได้ซื้อมาซาลาติดมือกลับมา เซ็งตัวเองจุงเบย คงต้องกลับไปซื้อมาซาลา มาใส่กาแฟเองอีกรอบแล้วล่ะ
ต่อร้านสุดท้ายในความเห็นแรกค่ะ