หาก จดฯ สมรส ผู้หญิงจะเสียเปรียบ จริงเหรอค่ะ

ตามนั้นเลยค่ะ สงสัยค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
อมยิ้ม04..เป็น "เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย" ..ก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายค่ะ ^^

..อย่างแรก พี่ขอพูดถึงเรื่อง "ลูก" ก่อน ..เรื่องเงินๆ ทองๆ เอาไว้ทีหลัง..
"ลูก" ที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่จดทะเบียนสมรสกัน เค้าก็เป็น "บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย" ของพ่อแม่ทันที
มีสิทธิในฐานะ "ทายาท" ทันที โดยกำเนิดค่ะ ..ทรัพย์สินอะไรที่พ่อแม่หาไว้ พอเราไม่อยู่ ทรัพย์สินก็ตกเป็นของลูกเราได้ทันที
..ต่อให้ไม่ทันได้ทำพินัยกรรมไว้ก็ตาม..

..หากพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนฯ .. ลูกเกิดมาปุ๊บ จะได้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ "แม่" เพียงผู้เดียว
ส่วนความเป็น "ลูกของพ่อ" ..ต้องรอให้พ่อไปจดรับรองบุตร หรือบางกรณีต้องร้องต่อศาล ให้พิพากษาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย

..ต่อมา ประเด็นเรื่องเงินๆ ทองๆ .. เราก็ต้องรู้จักคำว่า "สินส่วนตัว" กับ "สินสมรส" ก่อน
สินส่วนตัว ..มี 4 ประเภท คือ ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนแต่งงาน ,
ทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือได้มาโดยเสน่หา ,
ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย เครื่องมือประกอบอาชีพ
และ ทรัพย์สินที่เป็นของหมั้น จะถือเป็นสินส่วนตัวของผู้หญิงค่ะ

ส่วนสินสมรส  ได้แก่ ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส ,
ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาโดยพินัยกรรม โดยระบุว่าให้เป็นสินสมรส
และ ทรัพย์สินที่เป็นกำไรสุทธิหรือดอกผลของสินส่วนตัว

เมื่อรู้ดังนี้แล้ว เมื่อจดทะเบียนปุ๊บ .. เงินเดือนของสามี ก็คือ สินสมรส ..5555
บ้านที่สามีซื้อไว้ก่อนแต่งงานกับเรา ..ถ้าปล่อยให้เช่า ค่าเช่า เป็นสินสมรส ( บ้าน เป็นสินส่วนตัวของเค้า )
แหวนเพชร กำไลทอง กระเป๋าหลุยส์ ฯลฯ ที่สามีซื้อให้ .. เป็นสินส่วนตัวของเมีย
ที่ดิน ที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเมีย ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ แม้ว่าได้รับหลังจากแต่งงานแล้ว ..เป็นสินส่วนตัวของเมีย
แต่ถ้าเอาที่ดินมรดกนี้มาทำให้เกิดดอกผลงอกเงย ..ดอกผลนี้เป็นสินสมรส
..อะไรประมาณนี้แหละค่ะ

นอกจากนี้ เมื่อเป็น "เมียตามกฎหมาย" .. คู่สมรส จะทำนิติกรรมสัญญาอะไร ก็มีผลผูกพันกับเมีย
ดังนั้น เมียต้อง "รับรู้" ก่อนนะจ๊ะ ..
ใครจะว่า ผัวเมียเหมือนเสื้อผ้า ..พี่น้องเหมือนแขนขา .. ให้ไปเซ็นค้ำประกันหรือกู้ร่วมกับใครเรื่อยเปื่อย
โปรดตระหนักถึงความจำเป็นของ "คู่สมรส" ด้วย ว่าต้องรับผิดชอบเต็มๆ เสมือนไปเซ็นนิติกรรมนั้นเอง ..ก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน
..โปรดอย่าว่าเมียใจร้ายเลยนะจ๊ะ..ถ้าจะท้วงติงให้คิดดีๆ ก่อนซี้ซั้วเซ็นอะไรให้ใครไป

และเมื่อกฎหมายคุ้มครองเรื่องทรัพย์สิน ..ก็คุ้มครองเรื่องหนี้สินด้วย..
หนี้สิน ที่เกิดจากการใช้ร่วมกัน เช่น ผัวกู้เงินมาลงทุนค้าขาย แล้วเจ๊ง .. อันนี้ เมียต้องช่วยรับผิดชอบ ..
..แต่ถ้าช่วงนี้บอลโลก ผัวติดหนี้พนันบอล สมมุติเอาบ้าน เอารถที่เป็นสินสมรส ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
แล้วไม่มีปัญญาผ่อนหนี้ จะถูกยึดบ้าน ยึดรถ .. เจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ยึดได้ แต่ได้แค่ครึ่งเดียว คือเฉพาะส่วนของผัวตัวดี
ส่วนของเมีย มีกฎหมายคุ้มครองค่ะ .. แต่เรื่องแบบนี้ต้องนำสืบดีๆ ..ว่าหนี้นั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผัวคนเดียว..

นอกจากนี้ ก็มีรายละเอียดเรื่องของสิทธิในการลดหย่อนภาษี ซึ่งมีส่วนของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ , บุตรตามกฎหมาย ,
เบี้ยประกันชีวิต และลดหย่อนบิดามารดา ซึ่งให้ไปถึงพ่อปู่แม่ย่า พ่อตาแม่ยาย..ที่อายุเกิน 60 และรายได้ไม่เกินปีละ 30,000

..ส่วนที่ "เสีย" .. สมัยก่อน คือ เสีย "สาว"  .. จาก "นางสาว" เป็น "นาง"
และเสีย "สกุล" เดิม .. เพราะต้องเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลของสามี
..แต่ก่อนล้อกันว่า ..เสียทั้งหน้า เสียทั้งหลัง !
แต่สมัยนี้ ล้อไม่ได้แล้ว เพราะจดทะเบียนแล้ว ก็ยังสามารถอนุรักษ์ความ "สาว" ไว้ได้ ..
มีลูกโตเป็นหนุ่ม ..แม่ยังเป็น "นางสาว" ซะอย่างนั้น !
..ก็ว่ากันไปค่ะ ^^

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ..ทางเลือก เป็นของท่าน... ต่างคน ต่างมีเหตุผล มีความพึงพอใจของตัวเอง ..
ก็แล้วแต่จะพิจารณาค่ะ ว่าแบบไหนจะเหมาะกับตัวท่านที่สุด
..พี่ก็นำเสนอความคิดเห็นไปตามความรู้กฎหมาย ในระดับชาวบ้าน ของพี่เท่านั้นล่ะค่ะ อมยิ้ม16
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่