เจ้าข้าเอ้ย เจ้าข้าเอ้ยย!!! จะพาไปดู ไปชม ทำความรู้จักกับ แหล่งมรดกโลก แห่งแรกของพม่า! 2014 New World Heritage!



ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับ ประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับกับประเทศไทย อย่างพม่า หรือเมียร์มา ที่มีแหล่งโบราณคดี และความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม อาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นคู่แค้นคู่ฟัดกันตลอดกับ อโยธยา ไทยแลนด์  แต่กลับไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเลยแม้แต่ที่เดียว! อาจจะเพราะปัญหาทางการเมืองและการปิดประเทศของพม่า

แต่ แต่ แต่!!!เมื่อพม่าเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ในปีนี้2014พม่าได้เสนอชื่อแหล่งโบราณคดีเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับทางยูเนสโก้ และล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ที่โดฮาร์ การ์ต้า ก็ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่เพิ่มมาอีก 26แห่ง เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม24ที่ มรดกโลกทางธรรมชาติ 4ที่ และ มรดกโลกแบบผสมอีก1ที่

แต่วันนี้เด็กชายสีขุ่นคนนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ1สถานที่เสียก่อน คือ แหล่งมรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศพม่า " Pyu Acient"

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์

สำหรับสถานที่นี้ได้ถูกขึ้นทะเบียนในชื่อของ "Pyu Acient Cities" หรือภาษาไทยแบบน้ำเต้าปูปลา คือ "แหล่งโบราณคดี เมืองโบราณของอาณาจักรชาวปยู"  ประหลาดใจ  

(ไอ่หย่าาา!! ชื่อไม่คุ้นหู ไปพม่ารู้จักแต่พุกาม ชเวดากอง มัณฑะเลย์ แต่นี้ม้ามืดมาแต่ไหน อยู่ดีๆแซงมาเป็นแหล่งมรดกโลกสะงั้น!!)
หลายคนอาจมีความคิดนี้ในหัว แต่ไปดูประวัติของ อาณาจักรชาวปยูกันก่อนครับ แล้วจะทึ่งไปตามๆกันเลย อิอิ

........................................................................................................................................................................
เริ่มเลยน่ะครับ ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักของเจ้าบ้านกันก่อน เจ้าของบ้านของเราในวันนี้ คือ "ชาวปยู" ชาวปยูชนชาติที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนชาวพม่าดั้งเดิมอีกน่ะครับ แต่นักวิชาการบางท่านก็ว่า "ชาวปยูนี้แหละ เป็นชาวพม่าแท้จริง100เปอร์เซนต์!"  โดยอาชีพหลักของชาวปยู คือ การทำเกษตรกรรม ด้วยความที่ดินในบริเวณที่ชาวปยูตั้งถิ่นฐานอยู่นั้น มีลักษณะเป็นที่ราบสูง (คล้ายๆภาคอีสานบ้านเรา) ถึงแม้จะมีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ในหน้าร้อน ก็แห้งเหือด เลือดแทบระเหยไปเลยก็ว่าได้!เม่าเป็นลม
แต่ชาวปยูก็มีความสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ โดยใช้มันสมองอันชาญฉลาด ทำวิธีการผันน้ำ จากแม่น้ำอิรวดี และแม่น้ำสายรอง เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำเกษตรกรรม และยังมีการขุดคูคลองรอบๆเมือง พร้อมอ่างเก็บน้ำ เพื่อไว้ใช้น้ำในยามหน้าแล้ง  

ความเจริญของชาวปยูไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ ชาวปยูได้เริ่มจับกลุ่มรวมกันสร้างอาณาจักรขนาดใหญ่ขึ้นมา มีชื่อว่า "อาณาจักรศรีเกษตร"



อาณาจักรที่ชาวปยูร่วมกันสร้างขึ้นมา คือ "อาณาจักรศรีเกษตร" ซึ่งมีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ขนาดกว้างขวาง กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของลุ่มน้ำอิรวดี โดยอาณาจักรศรีเกษตรนี้ ได้รับอิทธิพล ในเรื่องของภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และ พระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย! โดยศูนย์กลางหลักของอาณาจักรนี้ ตั้งอยู่ที่เมือง "ศรีเกษตร" ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับอาณาจักร แน่นอนว่า ศรีเกษตร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแน่ๆนอนๆ!! แต่เกษตรศรี ก็ไม่ไปคนเดียว เกษตรศรีได้รวบรวมพรรคพวก เมืองน้อง ที่เจริญมาพร้อมกันเมื่อพันปีก่อน ก้าวเท้าเข้าสู้เวทีโลกอย่างสมศักดิศรี โดยเมืองที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก ร่วมกับเกษตรศรี ก็มีเมือง เบคถาโน และ เมืองฮาลิน ซึ่งทั้ง3เมือง ได้ภูกผนึกรวมกันแล้วขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของพม่า ในชื่อ Pyu Acient Cities! เยี่ยม




แต่ในปัจจุบันนี้ ทั้งศรีเกษตร เบคถาโน และ ฮาลิน แทบจะไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ ในแหล่งโบราณคดีแห่งนี้มีเพียงซากปรักหักพัง ของโบราณสถาน เพราะ ยังไม่มีการจัดการที่ดีพอ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือเจดีย์ ซากเมืองโบราณ คูน้ำ กำแพงเมือง ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ปัจจุบันนี้ แหล่งโบราณคดีเมืองเก่าของชาวปยู คงจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น จาก Unesco และ ประเทศพม่าเอง เพราะต่อไปนี้ เมืองโบราณแห่งนี้ ไม่ได้เป็นสมบัติของพม่าประเทศเดียวแล้ว แต่นับต่อจากนี้ เมืองเก่านับพันปีแห่งนี้ จะเป็นสมบัติของคนทั้งโลก ที่ต้องช่วกันดูแลรักษาสืบต่อไป! เพี้ยนชนะเลิศเพี้ยนชนะเลิศเพี้ยนชนะเลิศเพี้ยนชนะเลิศเพี้ยนชนะเลิศ

ภาพภ่ายแสดงคูน้ำล้อมรอบเมือง ฮาลิน 1ในเมืองโบราณที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


ภาพถ่ายแสดงเขตกำแพงเมืองโบราณศรีเกษตร ที่เป็นวงกลมๆรอบๆน่ะครับ ภาพอาจไม่ชัดเท่าไร
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่