ขอบฟ้าอันดามัน (58)

กระทู้สนทนา
ขอบฟ้าอันดามัน (58)

     ปราการเตรียมสิ่งจำเป็นทุกอย่างลงในเป้ รวมถึงปืน .38 หัวระเบิด
คนที่รู้เกี่ยวกับงานของปราการ ที่เขากำลังจะออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ มีนายหัวกัมปนาท
และนาวาโทเอกสิทธิ เท่านั้น
     “หมึกต้องออกเดินทางเวลาตีสี่ นายหัวกัมปนาทยืนกรานที่จะเป็นคนไปส่ง
พอถึงแล้วรออยู่ที่ท่าเรือปากบารา คนที่มารับ เขาจะมีรหัสหมึก และหมึกก็จะมีรหัสเขา
เพื่อเป็นการยืนยันว่าใช่คนที่มีหน้าที่มารับจริง”

“ครับ พี่เอก”

“พี่คุยกับนายหัวกัมปนาท ดูเขาไม่อยากให้หมึกรับงานนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น
หมึกมีสิทธิเลือกหรือปฏิเสธได้นะ”

“พ่อเขาห่วงผม เป็นเรื่องธรรมดาครับ”

     “วันที่ขึ้นฝั่งมา หมึกไปพบหลวงปู่ที่ภูเก็ต ท่านว่าอย่างไร”

“ท่านว่าเส้นทางลำบาก ต้องมีความศรัทธาและยึดมั่นในความดี แล้วทุกอย่างจะแก้ไขได้
ท่านมอบสิ่งนี้มาให้ผมคล้องคอไว้ตลอดห้ามถอดออก” นาวาโทเอกสิทธิ มองดูที่คอหมึก
เขาแขวนไว้คล้ายตะกรุด แต่ข้างในเหมือนเป็นชิ้นผ้าม้วนจนเล็ก

     “เรื่องทางนี้พี่จะบอกว่า หมึกต้องรีบเข้าไปรับงานด่วนที่กรุงเทพ และ พี่ให้เคิร์ก
ทำหน้าที่เป็นไดร์ฟลีดเดอร์แทน ไม่ต้องห่วงทางนี้ ไม่ต้องห่วงลันดา พี่จะบอกว่าหมึกติดงานไม่นานก็จะกลับมา
ซึ่งก็เป็นความจริง ถ้าทางเราได้คนแทน พี่จะรีบจัดการให้เร็วที่สุด
หมึกจะได้กลับบ้าน ไม่น่านานเกินสามเดือนนะ”

“ครับผม”

     ตลอดทางเข้าสู่ฝั่งท่าเรือปากบารา นายหัวเงียบ ไม่มีบทสนทนา หมึกรู้ถึงความรักและห่วงของพ่อ
แต่เขาต้องหยุดทุกความคิดที่จะทำให้งานเสีย เรือมาถึงท่าเรือตีห้ากว่า

     “พ่อดูแลตัวเองด้วยครับ” เสียงพูดดูสะดุดหายไปเฉยๆ กัมปนาทกอดลูกชายแน่น
ดวงตาแดงกล่ำ

“พระคุ้มครองลูกของพ่อด้วย” แล้วเขาก็ผละไปที่เรือ เร่งเครื่องทยานออกจากฝั่ง
หมึกมองจนลับสายตา เขาสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเดินไปนั่งที่ร้านกาแฟ กินกาแฟยังไม่ทันหมดถ้วย
ชายวัยสามสิบกว่าก็เข้ามานั่งลงข้างๆ

“2804 ฉลามวาฬ” หมึกตอบกลับ

“0749 นางนวล” เขาสบตายิ้มให้แล้วเดินนำไปที่รถเก๋งสีขาว

     หมึกในชุดเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงเลสีน้ำเงิน เขาหยิบแว่นกันแดดมาสวม
รถมุ่งหน้าเข้าสู่ยะลาในตอนเช้า ตะวันขึ้นสว่างจับขอบฟ้าแล้ว

     ที่หน้าหาดรีสอร์ท ลันดายกกาแฟมาสองถ้วยเดินหาพี่หมึก

“ป้าใหญ่คะ พี่หมึกยังไม่ตื่นหรือคะ”

“นี่เกือบหกโมงแล้ว ตื่นแล้วนะ คงไปวิ่งหรือเดินที่ชายหาดน่ะ”

     ลันดาวางถ้วยกาแฟลง เดินเลียบไปตามชายหาด นายหัวกัมปนาทยืนกอดอก
ทอดสายตาออกไปไกลลิบ มองดูตะวันดวงเดียวกันที่กำลังขึ้นพ้นเหนือน้ำ
เสียงฝีเท้าย่ำมาทางด้านหลังพร้อมเสียงเรียก

“คุณลุงคะ เห็นพี่หมึกไหมคะ”
     แวบหนึ่งในสายตานายหัวกัมปนาท ลันดาเห็นแววตาแปลกๆ เธอไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“เขาต้องเข้ากรุงเทพด่วนเรื่องงาน ลุงเพิ่งกลับมาจากส่งพี่เขานี่แหละ”

“ม่วงๆเอารถมา” รถขับมาส่งนายหัวและลันดาที่เรือนใหญ่

     นาวาโทเอกสิทธินั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก

“พี่เอก พี่หมึกต้องไปทำอะไรกรุงเทพคะ”

“เขาโทรมาดึกแล้ว พี่หมึกคงไปไม่นาน ทางนี้พี่ให้คุณเคิร์กดูแลเด็กกลุ่มของหมึกแทน”

     นายหัววายุตื่นแล้วเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือลูก”

“หมึกบินเข้ากรุงเทพไฟล์ทเช้านี้ มีงานด่วนมาจากกรมประมงครับผม”นาวาโทเอกสิทธิเอ่ยขึ้น

“แล้วเขาจะกลับมาทันงานฉลองกับเด็กๆไหม”

“ผมจะเช็คกับทางโน้นอีกทีครับ”

“แปลกนะ หมึกลูกชายนายน่ะ ไปมาไม่ค่อยบอกใคร” วายุบ่น

     “งานของหมึกจะเป็นอย่างนี้บ่อยๆครับ” เอกกสิทธิตอบ

“ถ้ามีครอบครัวแล้วจะทำอย่างไร” นายหัวถามอย่างกังวล

“ขืนเป็นแบบนี้ ไม่ดีแน่”  วายุพูดเหมือนต่อว่าเพื่อนเกลอ แต่เขาทำเฉยก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์

“หมึกเขากะจะกลับมาทำที่รีสอร์ทเต็มเวลา  งานอื่นคงจะเลิกแล้วล่ะครับ เมื่อถึงตอนนั้น”

“น่าจะชินนะครับ เขาไปๆมาๆอย่างนี้บ่อย”  งานแก้ต่างเป็นหน้าที่ของนาวาโทเอกสิทธิ

“แต่ลันดาไม่ชินค่ะ” เสียงเครือบอกถึงความไม่เข้าใจ และขัดใจ

“เมื่อวานนั่งคุยกับลันดาจนสี่ทุ่ม ไม่เห็นบอกอะไร ทำเหมือนลันดาเป็นคนนอก ไม่ดีเลย”

“อย่าคิดอะไรมากนะ หากเจอแล้วค่อยคุยกันให้รู้ความ” พ่อวายยุเข้ามาโอบลูกสาวและกอดไว้
เขารู้ดีว่าลันดาหวั่นไหวและเป็นห่วงหมึก

“ตอนนี้งานดูแลเด็กสำคัญกว่าอย่าเสียอารมณ์เลย”

     การดำน้ำสิ้นสุดลงในบ่ายวันที่สอง เด็กๆทุกคนบ่นหาดอกเตอร์ปราการ และดูไม่ร่าเริงเหมือนเคย

     “อาจารย์มีงานด่วนต้องเข้าไปที่กรมประมง  ถึงอยู่สุดท้ายเราก็ต้องแยกกันอยู่ดี
เพราะคลอสที่สอนจบแล้ว” นั้นคือคำตอบสั้นๆ

“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ  ไม่ใช่นิสัยอาจารย์ด้วย เขาต้องการเห็นความสำเร็จของพวกเรา แต่นี่”

“ไม่ต้องพูดมากสุดเขต ทุกคนเตรียมอาบน้ำงานเริ่มหกโมงนะ”

     “ไม่สนุกเลย เจ้าของงานไม่อยู่ มันเหงาๆ โหวงเหวงยังไงไม่รู้นะ” โอฬารพูด
เพื่อนพลอยพยักหน้า หลายคนรู้สึกเหมือนโอฬาร

“อาจารย์ต้องมีธุระสำคัญแน่ สายตาที่เขามองพวกเราอย่างภูมิใจ ผมสังเกตเห็นบ่อยๆ
งานต้องสำคัญมาก ไม่งั้น อาจารย์คงไม่ไปแบบนี้แน่ เขาเคยพูดบ่อยๆ เมื่อเราโตแล้วต้องรับผิดชอบการงานอย่าให้บกพร่อง
มันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เอาเถอะ อย่าทำให้เสียความตั้งใจดอกเตอร์ปราการเลย งานจะกร่อยซะหมดนะ”
การันต์พูดก่อนแยกไปอาบน้ำแต่งตัว

     “ลันดาอาบน้ำแล้ว แต่ยังนั่งเหม่อยู่ที่ชานเรือน เข็มอัปสรแต่งตัวแล้วกำลังจะลงไปที่งาน

“ลันดาไปแต่งตัวเถอะไป เดี๋ยวหมึกก็กลับมา เขาไปไม่นานหรอก ถ้าต้องไปนานเขาจะสั่งงาน
โน่นนี่ไว้เยอะเลย เชื่อพี่เค็มสิคะ”

“ค่ะ เดี๋ยวตามลงไปนะคะ”

     นายหัวเพิ่งแต่งตัวเสร็จเขาทำหน้าฉงน ที่เห็นลันดายังนั่งเฉย

“เหนื่อยหรือลูก” เขาเขามากอดลันดาไว้ แล้วทำนบน้ำตาก็พังลงเสียงสะอื้นถี่ๆอย่าอัดอั้นใจ
จนเสื้อตัวเก่งนายหัวเปียกไปด้วยน้ำตาลูกสาว

     “อย่าอ่อนแอลูก ไม่มีอะไรเลย พี่หมึกไปทำงาน เมื่อคืนลันดาเข้านอนแล้วเขาพูดกับพ่อ
และนายหัวกัมปนาทว่าเสร็จงานแล้วเขาจะแต่งงานกับลันดา คนอย่างหมึกเขาเลือกลูก
เพราะหนูเป็นคนฉลาดเป็นคู่คิดเขาได้ แต่หนูมีแต่ร้องให้อย่างไม่มีเหตุผล และไม่มีสติพ่อว่า
ไม่ดีแน่ เราต้องเข้มแข็งนะลูกเชื่อพ่อเถอะ” เสียงอบอุ่น และอ้อมแขนทำให้ลันดาได้คิด
“ค่ะ หนูอาบน้ำแล้วจะตามลงไปนะคะ”
     อาหารบุปเฟ่เรียงยาว มีซุ้มบาร์เบียร์ และซุ้มบาร์บิคิว เด็กๆออกไปตักอาหารเสียงดังเป็นระยะๆ

“วันนี้อยากคุยๆกันเข้าไปให้มันไปเลย” นายหัววายุเอ่ย

“ค่ะ วันนี้สนุกกันให้เต็มที่นะคะ เรามีแขกรับเชิญ สักครู่จะมาเล่นกีต้าร์ ใครจะขึ้นมาแจมได้เลย
ท้ายรายการดอกเตอร์ปราการฝากคลิปวิดีโอไว้เราจะเปิดให้ทุกคนดูค่ะ” เข็มอัปสรขึ้นไปกล่าวเปิดงานแทนหมึก
เธออยู่ในชุดกระโปรงสวย สีชมพูบานเย็น ขับผิวเนียนเข้มให้เด่นในยามค่ำคืน เคิร์กมองแทบไม่ละสายตา

      “สงสัยได้เขยต่างชาติสองคนแน่ คนหนึ่งฮอลแลนด์ อีกคนออสเตรเลีย ไม่ขาดทุนแน่”
วายุแหย่เพื่อน นายหัวกัมปนาทหัวเราะในลำคอ นั่งจิบไวน์ช้าๆ

     ลันดาแต่งชุดเดรสสีครีมริ้ว สีม่วงเม็ดมะปรางเนื้อผ้าพลิ้วสวย คอกลมแขวนสร้อยของพี่หมึก
ชุดเแขนกุด มีระบายซ้อนกันสองชั้นที่ปลายแขน ด้วยผ้าชีฟองเนื้อนิ่มสีครีม
ทับด้วยสีม่วงเป็นปีกบางสวย ใบหน้าลงเครื่องสำอางอ่อนๆ ก่อนจะลงมาที่งาน โทรศัพท์จากหมึกดังขึ้น

“ลันดา พี่หมึกนะครับ อย่าโกรธพี่หมึกนะเพราะงานด่วนมาก ต้องมาเลย แล้วพี่หมึกจะรีบกลับ
พี่รักลันดาที่สุดครับ สนุกสนานกับเด็กแทนพี่หมึกด้วย รักนะครับ” เท่านี้ก็ทำให้ใบหน้าในชุดสวย
ดูแจ่มใสขึ้นกว่าเดิม แม้ไม่เต็มร้อย

     เด็กๆทยอย มานั่งจับกลุ่ม เคิร์กเอากีต้าร์ขึ้นมาเกาตั้งสาย เสียงเป่าปากอย่างพอใจ
นายหัววายุเอามาอีกตัว มานั่งใกล้ๆเคิร์ก ทั้งคู่เล่นนดนตรีไล่เสียงอยู่ครู่หนึ่งแล้ว อินโทก็ขึ้นด้วยเพลงน่ารักๆ
ที่เด็กๆย้อนนึกถึงช่วงเยาว์วัย...Puff the magic dragon live by the sea... เด็กร้องตามอย่างครื้นเครง
มีการขอเพลงมาเป็นระยะๆ นายหัววายุขอเล่นเพลงโปรดเองแต่โดนใจลูกสาวเต็มๆ
ด้วยเพลง “Leaving on the jet plane” .... ‘Cause I’m leaving on the jet plane..don’t know when I be
Back again .... Oh! bebe I hate to go.. ตบท้ายด้วยฝีมือเคิร์ก กับเพลงมากความหมาย
“To Sir With Love....”

     แสงไฟสลัวลง วิดีโอฉายไปที่จอโปรเจคเตอร์เป็นหน้าดอกเตอร์ปราการ
“ ผมต้องขอโทษ ที่ไม่มีโอกาสดีได้ร่วมฉลองกับพวกเรา แต่ทุกคนจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป
ผมภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยสร้างบุคลากร อันเป็นกำลังสำคัญของชาติ ผมขอเพียงให้เราก้าวต่อไปจนจบ
และออกมาทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ และส่วนรวม เท่านี้ผมก็มีความสุข
จากการให้แล้วครับ ในอนาคตผมต้องเจอพวกคุณอีกแน่นอน
ขอให้ทุกคนโชคดี” รอยยิ้มกว้างฟันสวยเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ดวงตาฉายแววเจิดจรัส
ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้า เหมือนจะจำทุกเสี้ยวส่วนเก็บไว้ในหัวใจดวงน้อย
หลายคนน้ำตาซึม รวมทั้งลันดา

*** หากพี่ต้องจำพรากจากน้องไป
*** แห่งหนไหนใคร่ถามและใคร่รู้
*** จะอีกนานเท่าใดจะทนอยู่
*** เพื่อรอคู่กลับมาเรียงอยู่เคียงกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่