บะตื๋นยาง หรือบางพื้นที่อาจเรียก บะตึ๋งยาง เป็นพืชยืนต้นขึ้นในป่าจะออกฝักออกผลในช่วงฤดูนี้
ในตลาดพอมีประปรายเพราะเห็นแม่ค้าบอกว่ายังไม่แก่จัด ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้จากการสอบถาม
แม่ค้า ไม่มีอ้างอิงทางวิชาการใด ๆ เขาบอกว่ามันจะมี 2 ประเภท บะตื๋นยางข้าวนึ่ง เนื้อจะเหนียว
เป็นที่นิยมมาก อีกอย่างหนึ่งชอบเรียกกันว่า บะตื๋นยางข้าวจ้าว (ข้าวเจ้า) แบบนี้เมื่อนำมาต้มเนื้อจะร่วน
คนไม่ค่อยชอบกิน แต่ผลแก่ถ้าเป็นอย่างเรา ๆ ดูไม่ออกหรอก จะให้ดีต้องซื้อจากแหล่งหรือแม่ค้าที่
เชื่อถือได้ แบบที่วางขายไปเรื่อยต้องวัดดวงกัน
สล่าปู่ไม่ได้ซื้อ พอดีน้องสาวไปเจอเข้าใส่ก็เลยซื้อมาฝาก 1 ถุง เป็นลิตรหรือเป็น ก.ก. ก็ไม่ได้ถาม
เห็นบอกว่าถุงละ 45 บาท รับประกันได้เรื่องเหนียวเพราะเจ้าเก่าเจ้าประจำนำมาขายกับมือ
แกะจากถุงแล้วโฉมหน้าเป็นอย่างนี้
สล่าไม่เคยซื้อ ไม่เคยทำ ไม่ค่อยจะกินหรือจะเรียกว่าอยู่ในขั้นไม่ชอบเลยก็ว่าได้ แต่มือ 1 เขาชอบมาก ๆ
ก็เลยมีซื้อเข้าบ้านบ่อยเหมือนกัน แต่ส่วนมากแล้วเป็นการซื้อที่เขาทำสำเร็จแล้วมากกว่า ง่ายดี
น้องเขาบอกว่า ต้องต้มเพื่อลอกเอาเปลือกออกก่อน แถมยังแอบกระซิบเคล็ดลับวิธีที่ทำให้เปลือกร่อนง่าย ๆ
เห็นอะไรไหมครับ ที่ใส่ลงในหม้อต้ม
น้ำเดือดไป ก็คนไป เปลือกก็ร่อน ออกไป ๆ จะเกี่ยวกับเคล็ดลับหรือเปล่าไม่รู้
ในที่สุดก็กลายเป็นแบบนี้ เอามาล้างขัดทำความสะอาดพักไว้
ต้มหรือนึ่งก็ได้ สล่าเลือกเอาแบบนึ่งเพราะเชื่อว่าความร้อนระอุของไอน้ำทำให้สุกเปื่อยง่ายกว่าต้ม
นึ่งประมาณ 40 นาที เอามาแทะชิมดูสุกเหนียว สมราคาคุยเลยครับ ปล่อยทิ้งจนเย็น วันนี้กะทำ
บะตื๋นยางเชื่อมกะทิ ของกินเล่นที่อร่อยไปอีกแบบ คนที่เขาทำขายเก่ง ๆ เจ้ามีชื่อจะขายดิบขายดีมาก
บอกกันไว้ก่อนรูปร่าง หน้าตาอาจไม่เหมือนที่เขาทำขาย เป็นเพราะจะเอาอะไรกันนักกันหนากับสล่าปู่
เหตุผลรองลงมาก็คือ สล่าใช้กะทิกล่องเคี่ยวยังไงก็ไม่ยอมเกาะเป็นลูกและแตกมัน อีกอย่างใช้น้ำตาลปิ๊บ
สีก็เลยออกแดง ๆ
เคี่ยวกะทิกับน้ำตาลเตรียมไว้
แบ่งบะตื๋นยางมาทุบให้แบน เพื่อน้ำเชื่อมจะได้ซึมเข้าเนื้อได้ทั่ว
อย่างที่บอกเคี่ยวยังไงไม่ยอมเกาะเป็นลูก เอาบะคื๋นยางที่ทุบเสร็จใส่ลงไป
คลุกให้เข้ากัน เปิดไฟอ่อน ให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเนื้อเต็มที่
อย่างใจเย็น ถามว่าอร่อยไหม ตอบว่าเหมือนของกินเล่นทั่วไป แต่เขาจะมีกลิ่นเฉพาะตัว
และออกขมนิด ๆ แล้วแต่คนชอบก็แล้วกัน โดยส่วนตัวสล่าปู่เฉย ๆ นะงานนี้ แต่มือ 1 เขาชอบ
เราก็พอใจที่จะทำแล้ว
ที่ต้มสุกแล้วน่าจะเหลือเกินครึ่งอยู่ ไม่ทิ้งนะครับ กินกับน้ำพริกได้แทบจะทุกน้ำพริกทีเดียวเชียว
แต่น่าจะถูกคู่กันมากที่สุด ก็คงไม่พ้นนี่เลย น้ำพริกแม่เก๋ บางคนที่ชอบจริง ๆ ยังล่อแบบดิบ ๆ
โดยไม่ต้องต้มก็มี
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ สวัสดีครับ
เอาของป่าเข้ามาสู่ในครัว "มะตื๋นยางต้มเชื่อมกะทิ"
ในตลาดพอมีประปรายเพราะเห็นแม่ค้าบอกว่ายังไม่แก่จัด ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้จากการสอบถาม
แม่ค้า ไม่มีอ้างอิงทางวิชาการใด ๆ เขาบอกว่ามันจะมี 2 ประเภท บะตื๋นยางข้าวนึ่ง เนื้อจะเหนียว
เป็นที่นิยมมาก อีกอย่างหนึ่งชอบเรียกกันว่า บะตื๋นยางข้าวจ้าว (ข้าวเจ้า) แบบนี้เมื่อนำมาต้มเนื้อจะร่วน
คนไม่ค่อยชอบกิน แต่ผลแก่ถ้าเป็นอย่างเรา ๆ ดูไม่ออกหรอก จะให้ดีต้องซื้อจากแหล่งหรือแม่ค้าที่
เชื่อถือได้ แบบที่วางขายไปเรื่อยต้องวัดดวงกัน
สล่าปู่ไม่ได้ซื้อ พอดีน้องสาวไปเจอเข้าใส่ก็เลยซื้อมาฝาก 1 ถุง เป็นลิตรหรือเป็น ก.ก. ก็ไม่ได้ถาม
เห็นบอกว่าถุงละ 45 บาท รับประกันได้เรื่องเหนียวเพราะเจ้าเก่าเจ้าประจำนำมาขายกับมือ
แกะจากถุงแล้วโฉมหน้าเป็นอย่างนี้
สล่าไม่เคยซื้อ ไม่เคยทำ ไม่ค่อยจะกินหรือจะเรียกว่าอยู่ในขั้นไม่ชอบเลยก็ว่าได้ แต่มือ 1 เขาชอบมาก ๆ
ก็เลยมีซื้อเข้าบ้านบ่อยเหมือนกัน แต่ส่วนมากแล้วเป็นการซื้อที่เขาทำสำเร็จแล้วมากกว่า ง่ายดี
น้องเขาบอกว่า ต้องต้มเพื่อลอกเอาเปลือกออกก่อน แถมยังแอบกระซิบเคล็ดลับวิธีที่ทำให้เปลือกร่อนง่าย ๆ
เห็นอะไรไหมครับ ที่ใส่ลงในหม้อต้ม
น้ำเดือดไป ก็คนไป เปลือกก็ร่อน ออกไป ๆ จะเกี่ยวกับเคล็ดลับหรือเปล่าไม่รู้
ในที่สุดก็กลายเป็นแบบนี้ เอามาล้างขัดทำความสะอาดพักไว้
ต้มหรือนึ่งก็ได้ สล่าเลือกเอาแบบนึ่งเพราะเชื่อว่าความร้อนระอุของไอน้ำทำให้สุกเปื่อยง่ายกว่าต้ม
นึ่งประมาณ 40 นาที เอามาแทะชิมดูสุกเหนียว สมราคาคุยเลยครับ ปล่อยทิ้งจนเย็น วันนี้กะทำ
บะตื๋นยางเชื่อมกะทิ ของกินเล่นที่อร่อยไปอีกแบบ คนที่เขาทำขายเก่ง ๆ เจ้ามีชื่อจะขายดิบขายดีมาก
บอกกันไว้ก่อนรูปร่าง หน้าตาอาจไม่เหมือนที่เขาทำขาย เป็นเพราะจะเอาอะไรกันนักกันหนากับสล่าปู่
เหตุผลรองลงมาก็คือ สล่าใช้กะทิกล่องเคี่ยวยังไงก็ไม่ยอมเกาะเป็นลูกและแตกมัน อีกอย่างใช้น้ำตาลปิ๊บ
สีก็เลยออกแดง ๆ
เคี่ยวกะทิกับน้ำตาลเตรียมไว้
แบ่งบะตื๋นยางมาทุบให้แบน เพื่อน้ำเชื่อมจะได้ซึมเข้าเนื้อได้ทั่ว
อย่างที่บอกเคี่ยวยังไงไม่ยอมเกาะเป็นลูก เอาบะคื๋นยางที่ทุบเสร็จใส่ลงไป
คลุกให้เข้ากัน เปิดไฟอ่อน ให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเนื้อเต็มที่
อย่างใจเย็น ถามว่าอร่อยไหม ตอบว่าเหมือนของกินเล่นทั่วไป แต่เขาจะมีกลิ่นเฉพาะตัว
และออกขมนิด ๆ แล้วแต่คนชอบก็แล้วกัน โดยส่วนตัวสล่าปู่เฉย ๆ นะงานนี้ แต่มือ 1 เขาชอบ
เราก็พอใจที่จะทำแล้ว
ที่ต้มสุกแล้วน่าจะเหลือเกินครึ่งอยู่ ไม่ทิ้งนะครับ กินกับน้ำพริกได้แทบจะทุกน้ำพริกทีเดียวเชียว
แต่น่าจะถูกคู่กันมากที่สุด ก็คงไม่พ้นนี่เลย น้ำพริกแม่เก๋ บางคนที่ชอบจริง ๆ ยังล่อแบบดิบ ๆ
โดยไม่ต้องต้มก็มี
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ สวัสดีครับ