เมื่อปลายปี พ.ศ.2509 แม่ผมได้พาลูกมาเที่ยวกรุงเทพฯ ชมงานใหญ่ 2 งาน คือการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 9 - 20 ธันวาคม พ.ศ.2509 และงานแสดงสินค้านานาชาติ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม พ.ศ.2509 ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพครั้งแรก ทำเอาบรรยากาศในเมืองหลวงของประเทศไทยช่วงนั้น คึกคักทันตาเห็น และย่านชานเมืองแถว อ.บางกะปิซึ่งเป็นอำเภอชั้นนอก ที่มีแต่กอกกกอแขม ทุ่งเวิ้งว้าง กลายเป็นชุมชนคึกคักขึ้นทันตา นับเป็นปีที่ผมคิดว่ามีความสุขและสนุกที่สุด ช่วงที่มาเยือนกรุงเทพฯ ในวัยเด็กครับ
งานแสดงสินค้านานาชาติ ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นครั้งแรก และประโคมข่าวกันเอิกเกริกทั้งๆ ที่ไม่ใช่ยุค ไอ.ที.เช่นทุกวันนี้ แม่ผมต้องหาข้อมูลจากญาติที่อยู่กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางไปเที่ยว ได้ความว่า ต้องนั่งรถเมล์ขาว สาย 71 ลงที่ปากซอยสุขุมวิท 71 เยื้องๆ สถานีขนส่งเอกมัยและวัดธาตุทอง จากนั้นก็ต่อรถเมล์ขาวเสริมพิเศษ ไปยังบริเวณงานที่อยู่ทุ่งหัวหมาก และควรกลับก่อนสี่ทุ่มเพราะรถเมล์จะหมดเวลาวิ่งบริการประจำวัน เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว บ่ายแก่ๆ วันหนึ่ง ก็จูงมือลูกๆ พร้อมกับพายายผมกับน้องสาวยาย นั่งรถเมล์ขาวข้ามกรุงเทพฯ ไปชมงานทันที
หลังจากผ่านสามแยกคลองตันที่บรรจบกับถนนเพชรบุรี (ตัดใหม่) รถเมล์วิ่งอีกสักพัก ก็ถึงบริเวณงานที่ผมคิดตามประสาเด็กว่า งานอะไรจัดนานนับเดือน ทั้งๆ ที่งานฤดูหนาวบ้านผมจัดนานสุด แค่ 7 วันเท่านั้น
อาตารกรมพาณิชย์สัมพันธ์ ซึ่งจัดตั้งใหม่เอี่ยมโดยมี มล.ชวนชื่น กำภู เป็นอธิบดี เพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูงานแสดงสินค้า และโปรโมทสินค้าของประเทศไทยในต่างประเทศโดยเฉพาะ แต่จัดงานลักษณะนี้ที่หัวหมากเพียงครั้งเดียว แล้วย้ายกรมมาตั้งอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษกในปัจจุบัน
แผนผังบริเวณจัดงาน แต่สะพานลอยคนข้ามนั้น ไม่มีตั้งแต่แรกแล้วครับ จนกระทั่งผมเข้ามาเรียนที่รามฯ ก็ไม่มีเช่นกัน
หมายเลข 1 เป็นโซนสำหรับร้านของรัฐบาลต่างประเทศ
หมายเลข 2 เป็นโซนแสดงสินค้าในประเทศไทย
หมายเลข 3 เป็นโซนร้านแสดงสินค้าจากต่างประเทศ
หมายเลข 4 เป็นภัตตาคาร ปัจจุบันเห็นจะเป็นที่ตั้งตึกคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หมายเลข 5 เป็นห้องประชุมและโรงภาพยนต์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอาคารพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หมายเลข 6 เป็นที่จอดรถ ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นที่ตั้งอาคารเรียนรวมสร้างใหม่ (New building = NB) ซึ่งมีหลายหลังด้วยกัน และสนาม
กีฬารัชมังคลาภิเษก
หมายเลข 7 เป็นอาคารสนามกีฬากิตติขจร ปัจจุบันมักจะเรียกว่าอาคารอินดอร์สเตเดียม และที่ทำการของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ด้านขวาสุด เป็นที่ตั้ง สน.และสถานีดับเพลิงหัวหมาก เป็นอาคารทรงไทยที่ทำให้ผู้กระทำผิดกระชากกระเป๋านักศึกษาวิ่งเข้ามาให้ตำรวจจับเอง
ให้การภายหลังกับพนักงานสอบสวน นึกว่าเป็นวัด
พอผ่านประตูเข้าไปในงาน จะพบศาลาญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตึกคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ครับ
ภาพเก่าเล่าความหลัง ชุดที่ 2 (19)
งานแสดงสินค้านานาชาติ ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นครั้งแรก และประโคมข่าวกันเอิกเกริกทั้งๆ ที่ไม่ใช่ยุค ไอ.ที.เช่นทุกวันนี้ แม่ผมต้องหาข้อมูลจากญาติที่อยู่กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางไปเที่ยว ได้ความว่า ต้องนั่งรถเมล์ขาว สาย 71 ลงที่ปากซอยสุขุมวิท 71 เยื้องๆ สถานีขนส่งเอกมัยและวัดธาตุทอง จากนั้นก็ต่อรถเมล์ขาวเสริมพิเศษ ไปยังบริเวณงานที่อยู่ทุ่งหัวหมาก และควรกลับก่อนสี่ทุ่มเพราะรถเมล์จะหมดเวลาวิ่งบริการประจำวัน เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว บ่ายแก่ๆ วันหนึ่ง ก็จูงมือลูกๆ พร้อมกับพายายผมกับน้องสาวยาย นั่งรถเมล์ขาวข้ามกรุงเทพฯ ไปชมงานทันที
หลังจากผ่านสามแยกคลองตันที่บรรจบกับถนนเพชรบุรี (ตัดใหม่) รถเมล์วิ่งอีกสักพัก ก็ถึงบริเวณงานที่ผมคิดตามประสาเด็กว่า งานอะไรจัดนานนับเดือน ทั้งๆ ที่งานฤดูหนาวบ้านผมจัดนานสุด แค่ 7 วันเท่านั้น
อาตารกรมพาณิชย์สัมพันธ์ ซึ่งจัดตั้งใหม่เอี่ยมโดยมี มล.ชวนชื่น กำภู เป็นอธิบดี เพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูงานแสดงสินค้า และโปรโมทสินค้าของประเทศไทยในต่างประเทศโดยเฉพาะ แต่จัดงานลักษณะนี้ที่หัวหมากเพียงครั้งเดียว แล้วย้ายกรมมาตั้งอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษกในปัจจุบัน
แผนผังบริเวณจัดงาน แต่สะพานลอยคนข้ามนั้น ไม่มีตั้งแต่แรกแล้วครับ จนกระทั่งผมเข้ามาเรียนที่รามฯ ก็ไม่มีเช่นกัน
หมายเลข 1 เป็นโซนสำหรับร้านของรัฐบาลต่างประเทศ
หมายเลข 2 เป็นโซนแสดงสินค้าในประเทศไทย
หมายเลข 3 เป็นโซนร้านแสดงสินค้าจากต่างประเทศ
หมายเลข 4 เป็นภัตตาคาร ปัจจุบันเห็นจะเป็นที่ตั้งตึกคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หมายเลข 5 เป็นห้องประชุมและโรงภาพยนต์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอาคารพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หมายเลข 6 เป็นที่จอดรถ ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นที่ตั้งอาคารเรียนรวมสร้างใหม่ (New building = NB) ซึ่งมีหลายหลังด้วยกัน และสนาม
กีฬารัชมังคลาภิเษก
หมายเลข 7 เป็นอาคารสนามกีฬากิตติขจร ปัจจุบันมักจะเรียกว่าอาคารอินดอร์สเตเดียม และที่ทำการของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ด้านขวาสุด เป็นที่ตั้ง สน.และสถานีดับเพลิงหัวหมาก เป็นอาคารทรงไทยที่ทำให้ผู้กระทำผิดกระชากกระเป๋านักศึกษาวิ่งเข้ามาให้ตำรวจจับเอง
ให้การภายหลังกับพนักงานสอบสวน นึกว่าเป็นวัด
พอผ่านประตูเข้าไปในงาน จะพบศาลาญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตึกคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ครับ