บุพเพอาละวาด

กระทู้สนทนา
เห็นเพื่อนๆเข้ามาเขียนกระทู้แล้วก็อดไม่ได้อิจฉามั่งดีใจมั่งเสียใจมั่งเลยอยากจะเล่าเรื่องราวของตัวเองบ้าง เรื่องของเรากับพี่เขา
ตอนนี้แต่งงานกับพี่เขามาได้8ปีแล้วมีโซ่ทองคล้องใจเส้นใหญ่มากอยู่1คน จะเริ่มเรื่องเลยล่ะกันค่ะ เมื่อ14ปีก่อน เราเองก็เหมือนกับเด็กสาวทั่วๆไปที่เรียนจบก็อยากมีงานดีๆทำ เป็นโชคดีค่ะที่จบปุ๊บก็ได้งานเลยแถมเป็นบริษัทที่ใหญ่มากเลยทีเดียว ต้องบอกก่อนว่าที่บ้านไม่ได้ฐานะดีอะไร แล้วคุณแม่ก็ต้องมาป่วยเป็นโรคไตเพราะการหักโหมทำงานโดยไม่ได้พักเพื่อให้ลูกๆทั้ง7คนได้มีการศึกษาที่ดีที่สุด เลยตั้งใจทำงานสุดๆไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆเลย ทำงานไปได้3ปีก็ได้ย้ายไปแผนกที่ต้องติดต่องานกับทางโรงงาน ซึ่งก็เป็นช่วงที่คุณแม่เสียพอดี เราเองก็เลยยิ่งทำงานแบบบ้าไปเลย เงินหามาก็ไม่อยากเก็บล่ะเพราะไม่รู้จะทำไปทำไม แม่ไม่อยู่แล้ว ทำงานชนกับทุกคนไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหมถ้าไม่ได้งานแม่ด่าเละ เลยเหมือนสร้างศัตรูไม่รู้ตัวแล้ววันหนึ่งบุพเพก็อาละวาดเราไม่ได้งานเลยโทรศัพท์ไปถามที่โรงงานแต่ไม่มีใครรู้เรื่องแถมไม่ยอมรับเรื่องให้ด้วยสิ ยิ่งโกรธใหญ่เลย(นิสัยไม่ดีอย่าทำตามนะค่ะ)
และแล้วแจ็คพอตก็แตกที่พี่เขาดันมารับโทรศัพท์พอดีก็ใส่ให้ซะเลยขาวีนอยู่แล้ว พี่เขาพยายามแล้วที่จะบอกว่าเขาไม่ใช่คนที่เราจะคุยด้วย แต่คงจะพูดไม่ทันเรา จากนั้นแล้วเราก็ลืมว่าทำอะไรไปบ้าง กับใคร เมื่อไหร่ จนมีน้องๆมาบอกว่า"พี่มีคนถามถึง" แล้วก็บอกชื่อพี่เขากับเรา แต่ก็ยังงงๆว่าเรารู้จักด้วยเหรอ ใครอ่ะ?????  จากนั้นบุพเพมันก็อาละวาดแบบจริงจัง เราต้องทำงานกับพี่เขา ช็อคอ่ะดิก็เขาหมายหัวไว้ตอนที่ไปด่าเขาอ่ะดันความจำดีว่าคนด่าชื่ออะไร
ไม่เป็นไรใจดีสู้เสือเผื่อจะลืมบ้างไรบ้าง ก็เข้าไปเจอกับพี่เขา (ในใจคิดเละเป็นเละ) พอเข้าไปคุยพี่เขาก็คุยดีสงสัยลืมแล้วแหงเลยไม่เห็นพูดถึง เย้รอดแล้วอ๋อลืมบอกเราเองก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไรขาวๆหมวยๆแถมดัดผมด้วยตอนนั้น(เข้าข้างตัวเองสุดๆ) พี่เขาเองก็จัดว่าหล่อหน้าตาดี ตาคมคิ้วเข้ม เราเองก็รู้สึกดีด้วยเพราะพี่เขาดูใจเย็นไม่โวยวายจากวันแรกที่เจอกันนั้นก็มีคุยกับพี่เขาเรื่องงานบ้างเรื่องอื่นบ้างจนคนอื่นเริ่มจะแซวว่ากิ๊กๆกั๊กๆหรือเปล่า กับพี่เขาเราไม่รู้แต่กับเรานี่สิยังไงน้า ทำงานกันได้ยังไม่ทันไรเราดันมาเกิดอุบัติเหตุซักก่อน
เราเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นอะไรเยอะแต่ก็เกือบไม่รอด พี่เขาโทรมาถามเที่ยวสนุกไหมเราก็ยังเสียงใสบอกเขาว่าอยู่โรงพยาบาลไม่เชื่อก็ให้มาดูเอง
พี่เขาก็มาเราเองก็เลยถามไปว่า ที่มาเนี่ยคิดอะไรกับเราหรือเปล่า เหลือเชื่ออ่ะ เขาบอกว่าเป็นห่วงต้องมาให้เห็นกับตาว่าไม่เป็นไรจริงๆ เสียโฉมก็ไม่เป็นไรพี่เขารับได้เขาบอกเคยเห็นแล้วตอนสวยแต่เขาชอบที่นิสัย(กรี๊ดอ่ะ) แต่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นหนัก พี่เขาจะแวะมาหาอยู่เรื่อยๆ โทรศัพท์คุยกันทุกวัน
เราอยู่โรงพยาบาลเดือนกว่าแต่การติดต่อไม่เคยขาด จนมาอยู่ที่บ้านพี่เขาก็แวะมาหาให้กำลังใจ(สาบานเลยไม่เคยส่องกระจกเลยตั้งแต่เจออุบัติเหตุมาเลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นยังไงครอบครัวและเพื่อนๆก็ไม่กล้าบอกกลัวเราสติแตกรับไม่ได้) พี่เขาก็เดินจูงมือกับเราโดยที่ไม่แคร์ว่าใครจะมองว่าเราเป็นตัวอะไรหรือประหลาดในสายตาใคร แถมเป็นมนุษย์อ้วน บวมน้ำ จากนั้น1ปีเราก็แต่งงานกันและมีลูกที่น่ารักให้ใครๆอิจฉา คู่ของเราก็เหมือนคู่ทั่วๆไปที่มีงอนบ้าง(ส่วนใหญ่เราจะงอนซะมากกว่า) แต่พี่เขาไม่งอนี่สิเซ็ง เหตุผลคือเขาไม่รู้ว่างอน ขำดีเนอะ เพราะยังงั้นมีอะไรควรพูดกันดีกว่า ตอนนี้มีความสุขพี่เขาก็ยังคงรักยัยอ้วน+ลูกยัยอ้วนด้วย รักพี่เขามากๆเลยที่ทำให้เราเข้าใจและเข้าใจเรา ในสิ่งที่เราเป็นไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ที่มองเห็นจากข้างนอก แต่เป็นจิตใจข้างในของเรา
ขอบคุณที่งานมีปัญหา ขอบคุณที่เป็นพี่เขารับสาย ขอบคุณงานที่ทำ ขอบคุณกามเทพที่มาอาละวาด ขอบคุณที่มีพี่เขาอยู่ข้างๆเสมอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่