หลังจากที่เคยผิดหวังกับหนัง Diana ที่นำเสนอแง่มุมสามัญชนของเจ้าหญิงไดอาน่ามากเกินไป จนดูไม่ค่อยเหมาะสม เหมือนนำท่านมาประจานออกจอ จนแทบจะคิดไปว่า Grace of Monaco คงจะกลับไปแก้ไขอะไรบางอย่างใหม่ เพราะหนังเคยวางแผนไว้ว่าจะลงฉายปลายปี 2013 แต่เลื่อนฉายไปอยู่ปี 2014 แทน ซึ่งสาเหตุของการเลื่อนฉายที่แท้จริงคือ ผู้กำกับโอลิเวียร์ ดาฮาน และเจ้าของบริษัทไวน์สตีนคอมพานีอย่าง ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ถกเถียงกันเรื่องตัวหนังฉบับตัดต่อขั้นสุดท้าย ซึ่งสุดท้ายหนังก็ได้มาเข้าฉายในปี 2014 เริ่มด้วยการฉายเปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ครั้งล่าสุด
หากเปรียบเทียบความผิดหวังที่พบในหนัง Diana แล้ว Grace of Monaco ถือว่าให้ความผิดหวังที่น้อยกว่า ถ้าจะบอกว่าไม่ผิดหวังเลยก็คงไม่ใช่ เพราะหนังเรื่องนี้ผลักดันให้เกรซ เคลลี่ เป็นเจ้าหญิงดุจเทพนิยาย แม้ว่าจะมีอุปสรรคนานาชนิด แต่ก็จบเรื่องแบบมีความสุข จนแอบคิดไปว่าเกินจริงไปหน่อยมั้ย?
เกรซ เคลลี่ มีชื่อเต็มว่า เกรซ แพทริเซีย เคลลี่ เป็นนักแสดงชาวอเมริกันที่เริ่มมีผลงานฮอลลีวู้ดตั้งแต่ปี 1950 เริ่มจากซีรีย์ออกฉายทางทีวี ก่อนจะเริ่มผลงานจอเงินในบทสมทบหญิงด้วยเรื่อง Fourteen Hours ในปี 1951 หลังจากนั้นเพียงปีเดียวก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากผลงานคาวบอย High Noon ประกบบทกับ แกรี่ คูเปอร์ และโธมัส มิทเชลล์ ซึ่งหนังคว้ารางวัลออสการ์มาได้ถึง 4 สาขา แต่ไม่มีเกรซ เคลลี่ ในรายชื่อผู้เข้าชิง ก่อนที่เธอจะมาเข้าชิงในผลงานเรื่อง Mogambo ซึ่งเวทีออสการ์เธอทำได้เพียงเข้าชิง แต่สำหรับลูกโลกทองคำเธอคว้ารางวัลสมทบหญิงมาครองได้
ถัดจากนั้นเพียงปีเดียว เธอก็เข้าชิงอีกครั้งจากผลงาน The Country Girl ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็นผลงานเรื่องนี้ที่ทำให้เธอคว้ารางวัลออสการ์นำหญิง และเป็นออสการ์ตัวเดียวในชีวิตการทำงานของเธอ แต่สำหรับเวทีลูกโลกทองคำแล้ว เธอคว้ามาได้ 3 ตัว คือ สมทบหญิงจาก Mogambo, นำหญิงดราม่าจาก The Country Girl และรางวัลเฮนเรียตต้าในเวทีลูกโลกทองคำ ที่มอบให้เธอสาขานักแสดงหญิงผู้เป็นที่ชื่นชอบในโลกภาพยนตร์
ในปี 1954 ปีเดียวกันกับ The Country Girl เธอยังมีหนังอีก 2 เรื่องที่ถือว่าเป็นหนังดีในเครดิตการแสดง หนังที่ว่าได้แก่ Dial M for Murder และ Rear Window จากการกำกับของอัลเฟรด ฮิทช์ค็อกซ์ ซึ่งผู้กำกับคนนี้เข้าไปข้องเกี่ยวในเหตุการณ์หลังการแต่งงานของเกรซ เคลลี่ และเจ้าเรนิเยร์ที่ 3 แห่งราชรัฐโมนาโก และถูกกล่าวถึงในหนัง Grace of Monaco ด้วย
ฉากเริ่มเรื่องของ Grace of Monaco เราจะได้เห็นฉากการถ่ายทำของหนังเรื่องหนึ่งของเกรซ เคลลี่ เรื่องที่ว่าได้แก่ To Catch a Thief ซึ่งถือเป็นผลงานสุดท้ายที่เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับอัลเฟรด ฮิทช์ค็อกซ์ และหนังจับเรื่องนี้มาอยู่ในฉากเริ่มต้นก็เพื่อพาไปสู่ฉากที่ฮิทช์ค็อกซ์เดินทางเข้าวังไปหาเกรซ เคลลี่ หลังอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยร์แล้ว เพื่อเสนอบทหนังเรื่องใหม่ให้กับเธอ ซึ่งหนังเรื่องนี้คือ Marnie ที่ท้ายที่สุดเธอก็ปฏิเสธบทนี้ไป
หนังไม่ได้เล่ารายละเอียดชีวิตของเกรซ เคลลี่ ก่อนหน้านี้เท่าไร เริ่มเรื่องมาก็ตัดเข้าฉากถ่ายหนังที่ว่า และตัดเข้าสู่พาดหัวข่าวที่เธอเข้าร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ และได้รับเชื้อเชิญจากเจ้าชายเรนิเยร์ให้ไปพบที่วัง ก่อนที่ทั้งสองจะรู้จักกัน, ตกหลุมรักกัน และลงเอยด้วยการอภิเษกสมรสในท้ายที่สุด
ความจริงแล้วก่อนการแต่งงานกันนั้น เกรซ เคลลี่ ได้เดินทางกลับไปยังอเมริกาและถ่ายทำหนังเรื่อง The Swan ซึ่งเธอรับบทเป็นเจ้าหญิงในเรื่อง ก่อนที่เธอจะปิดท้ายหน้าที่นักแสดงกับผลงานเรื่อง High Society ที่กล่าวถึงสังคมชั้นสูง ซึ่งเธอได้สวมแหวนหมั้นวงจริงของเจ้าชายเรนิเยร์เล่นบทหมั้นในเรื่อง บังเอิญเหลือเกินที่สองผลงานสุดท้ายของเธอได้บ่งบอกว่าเธอกำลังมีชีวิตที่เหลือหลังจากนั้นเป็นเจ้าหญิงในสังคมชั้นสูง
สิ่งที่หนังเล่าคือเหตุการณ์ของเกรซ เคลลี่ หลังจากแต่งงานกับเจ้าชายเรนิเยร์ โดยมุ่งประเด็นไปที่ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศโมนาโกและฝรั่งเศสในช่วงนั้น นำเสนอในมุมมองสิทธิสตรี ทำให้คนดูรู้สึกว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้เปรียบดั่งวีรสตรีบนปีกหงษ์ ที่เข้ามากอบกู้เอกราชของราชรัฐโมนาโกจากฝรั่งเศส
ซึ่งการนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นหลักก็น่าสนใจดี เพราะทำให้หนังน่าติดตาม มีลับลมคมใน น่าค้นหา และดูสนุก อย่างไรก็ตาม มันเป็นประเด็นหลักเพียงประเด็นเดียวที่หนังนำเสนอ หมายความว่าประเด็นอื่นๆอีกมากมายร้อยแปดไม่ได้ถูกนำมาเกี่ยวข้อง นอกจากประเด็นที่โยงเข้ามาเพื่อให้เรื่องราวมีความขัดแย้ง อย่างประเด็นความเป็นดาราฮอลลีวู้ดของเกรซ เคลลี่ จึงอาจพูดได้ว่าหนังนำเสนอเพียงส่วนเสี้ยวของชีวิต และส่วนเสี้ยวนี้จะบิดเบือนไปจากความจริงเท่าไรก็ไม่อาจล่วงรู้
นอกจากนี้จุดพลาดอีกอย่างหนึ่งของหนัง คือฉากที่เจ้าหญิงเกรซในการรับบทของนิโคล คิดแมน กำลังย้อนดูเทปการแต่งงานของตัวเอง ซึ่งเป็นฉากที่ดูไม่สมจริง เพราะเจ้าหญิงเกรซในหนังคือ นิโคล คิดแมน แต่เทปที่หนังใช้เปิดในฉากคือเทปจริง เป็นเจ้าหญิงเกรซตัวจริง คนดูจะรู้สึกอย่างไรที่เจ้าหญิงเกรซในเรื่อง กำลังดูเทปการแต่งงานของตัวเองโดยที่หน้าไม่เหมือนตัวเอง คำตอบก็คือ คนดูจะรู้สึกว่านิโคล คิดแมน กำลังดูเทปการแต่งงานของเจ้าหญิงเกรซ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครตัวนี้ขาดความสมจริงไปมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจุดผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ผู้สร้างหนังก็ไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดปลีกย่อยจากเหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานั้น อย่างบทหนังเรื่อง Marnie ที่อัลเฟรด ฮิทช์ค็อกซ์ ดั้นด้นเข้าวังเพื่อเสนอบทให้เกรซ เคลลี่ หรือคำพูดที่ฮิทช์ค็อกซ์พูดอยู่สองสามครั้งเกี่ยวกับหนังเรื่อง The Birds ซึ่งสองเรื่องที่ว่านี้อยู่ในช่วงนั้นพอดี ซึ่งหลังจากที่เธอปฏิเสธบทไป ฮิทช์ค็อกซ์ก็ได้เลือก ทิปปี้ เฮเดร็น เข้ามาแสดงเป็นนางเอกเรื่อง Marnie รวมถึงเรื่อง The Birds ด้วย โดยก่อนที่หนัง The Birds จะออกฉาย หนังสือ Look magazine ได้ขึ้นปกทิปปี้ เฮเดร็น โดยใส่ข้อความว่า 'เกรซ เคลลี่ คนใหม่ของฮิทช์ค็อกซ์' ซึ่งอาจให้ความหมายว่า ไม่มีอีกแล้วสำหรับผลงานจากเกรซ เคลลี่
ประเด็นของหนังน่าสนใจ แม้ว่าจะนำแค่บางส่วนของชีวิตมานำเสนอ แต่สิ่งที่โดดเด่นและทำให้ใครหลายคนสนใจหนังเรื่องนี้ก็คือนักแสดงนำ ซึ่งหนังได้ นิโคล คิดแมน มารับบทเกรซ เคลลี่ เป็นนักแสดงที่เหมาะมาก เพราะมีทั้งความสวยและความสามารถ หนังเลือกนักแสดงได้เหมาะเจาะ อย่างเดียวกับการเลือก นาโอมิ วัตตส์ ในบทเจ้าหญิงไดอาน่า อย่างไรก็ตาม บทหนังของ Grace of Monaco มีประเด็นที่แข็งแรงกว่า และส่งให้นิโคลแสดงอารมณ์ได้ดีกว่า ต่างจากบทหนังของ Diana ที่นำเสนอประเด็นไม่น่าสนใจ และส่งให้นาโอมิทำได้ดีเพียงแค่ครึ่งแรกของเรื่อง หลังจากนั้นถือว่าสอบตก
ส่วนนักแสดงที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ บทบาทหลวงของ แฟรงค์ แลงเจลล่า แม้จะออกฉากน้อยกว่าบทเจ้าชายเรนิเยร์ของ ทิม ร็อธ แต่บทบาทหลวงดูเด่นกว่า อาจจะเป็นเพราะตัวละครนี้มีอะไรให้น่าค้นหามากกว่าก็เป็นได้ ในขณะที่บทเจ้าชายเรนิเยร์ มักจะโดนตัวละครเจ้าหญิงเกรซกลบความเด่นไปซะหมด แต่ก็ไม่แปลกที่เป็นอย่างนี้ เพราะหนังส่งเสริมตัวละครนำหญิงซะเหลือเกิน
ในท้ายที่สุด ต้องชมว่าหนังน่าติดตามและดูสนุก ส่งให้เกรซ เคลลี่เป็นวีรสตรี ที่ต้องใช้ไหวพริบความฉลาดเพื่อแก้ปัญหาที่เจ้าชายเรนิเยร์พระสวามียังจัดการไม่สำเร็จ ฉากอารมณ์หลายฉากเรียกความสนใจได้ดีเยี่ยม ไม่ต่างจากประเด็นปลีกย่อย การจับผิด คนทรยศ ที่ทำให้กระหายใคร่รู้ว่าใครคือตัวการ
แม้จะดูสนุก น่าติดตาม และละมุนหูไปกับเสียงดนตรีที่เคล้าคลอได้ลงตัว แต่หนังก็ดูเกินจริงดุจเทพนิยาย จบเรื่องแบบมีความสุขตามสูตร โดยมีอุปสรรคเป็นตัวสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นระหว่างตัวละคร นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้อาจมีบางส่วนที่บิดเบือนไปจากความจริง เพราะถึงขนาดมีข่าวออกมาว่าราชวงศ์แห่งโมนาโกไม่ยอมรับคำเชิญเข้าร่วมงานเปิดฉายเทศกาลหนังเมืองคานส์ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะหนังนำเสนอแค่ส่วนเสี้ยวของชีวิต ที่พูดได้ไม่เต็มปากว่านี่คือหนังชีวประวัติ...
ระดับคะแนน C
ร่วมพูดคุยกันได้ที่นี่ฮะ
https://www.facebook.com/McksMovie
Review -- Grace of Monaco
หากเปรียบเทียบความผิดหวังที่พบในหนัง Diana แล้ว Grace of Monaco ถือว่าให้ความผิดหวังที่น้อยกว่า ถ้าจะบอกว่าไม่ผิดหวังเลยก็คงไม่ใช่ เพราะหนังเรื่องนี้ผลักดันให้เกรซ เคลลี่ เป็นเจ้าหญิงดุจเทพนิยาย แม้ว่าจะมีอุปสรรคนานาชนิด แต่ก็จบเรื่องแบบมีความสุข จนแอบคิดไปว่าเกินจริงไปหน่อยมั้ย?
เกรซ เคลลี่ มีชื่อเต็มว่า เกรซ แพทริเซีย เคลลี่ เป็นนักแสดงชาวอเมริกันที่เริ่มมีผลงานฮอลลีวู้ดตั้งแต่ปี 1950 เริ่มจากซีรีย์ออกฉายทางทีวี ก่อนจะเริ่มผลงานจอเงินในบทสมทบหญิงด้วยเรื่อง Fourteen Hours ในปี 1951 หลังจากนั้นเพียงปีเดียวก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากผลงานคาวบอย High Noon ประกบบทกับ แกรี่ คูเปอร์ และโธมัส มิทเชลล์ ซึ่งหนังคว้ารางวัลออสการ์มาได้ถึง 4 สาขา แต่ไม่มีเกรซ เคลลี่ ในรายชื่อผู้เข้าชิง ก่อนที่เธอจะมาเข้าชิงในผลงานเรื่อง Mogambo ซึ่งเวทีออสการ์เธอทำได้เพียงเข้าชิง แต่สำหรับลูกโลกทองคำเธอคว้ารางวัลสมทบหญิงมาครองได้
ถัดจากนั้นเพียงปีเดียว เธอก็เข้าชิงอีกครั้งจากผลงาน The Country Girl ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็นผลงานเรื่องนี้ที่ทำให้เธอคว้ารางวัลออสการ์นำหญิง และเป็นออสการ์ตัวเดียวในชีวิตการทำงานของเธอ แต่สำหรับเวทีลูกโลกทองคำแล้ว เธอคว้ามาได้ 3 ตัว คือ สมทบหญิงจาก Mogambo, นำหญิงดราม่าจาก The Country Girl และรางวัลเฮนเรียตต้าในเวทีลูกโลกทองคำ ที่มอบให้เธอสาขานักแสดงหญิงผู้เป็นที่ชื่นชอบในโลกภาพยนตร์
ในปี 1954 ปีเดียวกันกับ The Country Girl เธอยังมีหนังอีก 2 เรื่องที่ถือว่าเป็นหนังดีในเครดิตการแสดง หนังที่ว่าได้แก่ Dial M for Murder และ Rear Window จากการกำกับของอัลเฟรด ฮิทช์ค็อกซ์ ซึ่งผู้กำกับคนนี้เข้าไปข้องเกี่ยวในเหตุการณ์หลังการแต่งงานของเกรซ เคลลี่ และเจ้าเรนิเยร์ที่ 3 แห่งราชรัฐโมนาโก และถูกกล่าวถึงในหนัง Grace of Monaco ด้วย
ฉากเริ่มเรื่องของ Grace of Monaco เราจะได้เห็นฉากการถ่ายทำของหนังเรื่องหนึ่งของเกรซ เคลลี่ เรื่องที่ว่าได้แก่ To Catch a Thief ซึ่งถือเป็นผลงานสุดท้ายที่เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับอัลเฟรด ฮิทช์ค็อกซ์ และหนังจับเรื่องนี้มาอยู่ในฉากเริ่มต้นก็เพื่อพาไปสู่ฉากที่ฮิทช์ค็อกซ์เดินทางเข้าวังไปหาเกรซ เคลลี่ หลังอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยร์แล้ว เพื่อเสนอบทหนังเรื่องใหม่ให้กับเธอ ซึ่งหนังเรื่องนี้คือ Marnie ที่ท้ายที่สุดเธอก็ปฏิเสธบทนี้ไป
หนังไม่ได้เล่ารายละเอียดชีวิตของเกรซ เคลลี่ ก่อนหน้านี้เท่าไร เริ่มเรื่องมาก็ตัดเข้าฉากถ่ายหนังที่ว่า และตัดเข้าสู่พาดหัวข่าวที่เธอเข้าร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ และได้รับเชื้อเชิญจากเจ้าชายเรนิเยร์ให้ไปพบที่วัง ก่อนที่ทั้งสองจะรู้จักกัน, ตกหลุมรักกัน และลงเอยด้วยการอภิเษกสมรสในท้ายที่สุด
ความจริงแล้วก่อนการแต่งงานกันนั้น เกรซ เคลลี่ ได้เดินทางกลับไปยังอเมริกาและถ่ายทำหนังเรื่อง The Swan ซึ่งเธอรับบทเป็นเจ้าหญิงในเรื่อง ก่อนที่เธอจะปิดท้ายหน้าที่นักแสดงกับผลงานเรื่อง High Society ที่กล่าวถึงสังคมชั้นสูง ซึ่งเธอได้สวมแหวนหมั้นวงจริงของเจ้าชายเรนิเยร์เล่นบทหมั้นในเรื่อง บังเอิญเหลือเกินที่สองผลงานสุดท้ายของเธอได้บ่งบอกว่าเธอกำลังมีชีวิตที่เหลือหลังจากนั้นเป็นเจ้าหญิงในสังคมชั้นสูง
สิ่งที่หนังเล่าคือเหตุการณ์ของเกรซ เคลลี่ หลังจากแต่งงานกับเจ้าชายเรนิเยร์ โดยมุ่งประเด็นไปที่ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศโมนาโกและฝรั่งเศสในช่วงนั้น นำเสนอในมุมมองสิทธิสตรี ทำให้คนดูรู้สึกว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้เปรียบดั่งวีรสตรีบนปีกหงษ์ ที่เข้ามากอบกู้เอกราชของราชรัฐโมนาโกจากฝรั่งเศส
ซึ่งการนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นหลักก็น่าสนใจดี เพราะทำให้หนังน่าติดตาม มีลับลมคมใน น่าค้นหา และดูสนุก อย่างไรก็ตาม มันเป็นประเด็นหลักเพียงประเด็นเดียวที่หนังนำเสนอ หมายความว่าประเด็นอื่นๆอีกมากมายร้อยแปดไม่ได้ถูกนำมาเกี่ยวข้อง นอกจากประเด็นที่โยงเข้ามาเพื่อให้เรื่องราวมีความขัดแย้ง อย่างประเด็นความเป็นดาราฮอลลีวู้ดของเกรซ เคลลี่ จึงอาจพูดได้ว่าหนังนำเสนอเพียงส่วนเสี้ยวของชีวิต และส่วนเสี้ยวนี้จะบิดเบือนไปจากความจริงเท่าไรก็ไม่อาจล่วงรู้
นอกจากนี้จุดพลาดอีกอย่างหนึ่งของหนัง คือฉากที่เจ้าหญิงเกรซในการรับบทของนิโคล คิดแมน กำลังย้อนดูเทปการแต่งงานของตัวเอง ซึ่งเป็นฉากที่ดูไม่สมจริง เพราะเจ้าหญิงเกรซในหนังคือ นิโคล คิดแมน แต่เทปที่หนังใช้เปิดในฉากคือเทปจริง เป็นเจ้าหญิงเกรซตัวจริง คนดูจะรู้สึกอย่างไรที่เจ้าหญิงเกรซในเรื่อง กำลังดูเทปการแต่งงานของตัวเองโดยที่หน้าไม่เหมือนตัวเอง คำตอบก็คือ คนดูจะรู้สึกว่านิโคล คิดแมน กำลังดูเทปการแต่งงานของเจ้าหญิงเกรซ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครตัวนี้ขาดความสมจริงไปมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจุดผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ผู้สร้างหนังก็ไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดปลีกย่อยจากเหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานั้น อย่างบทหนังเรื่อง Marnie ที่อัลเฟรด ฮิทช์ค็อกซ์ ดั้นด้นเข้าวังเพื่อเสนอบทให้เกรซ เคลลี่ หรือคำพูดที่ฮิทช์ค็อกซ์พูดอยู่สองสามครั้งเกี่ยวกับหนังเรื่อง The Birds ซึ่งสองเรื่องที่ว่านี้อยู่ในช่วงนั้นพอดี ซึ่งหลังจากที่เธอปฏิเสธบทไป ฮิทช์ค็อกซ์ก็ได้เลือก ทิปปี้ เฮเดร็น เข้ามาแสดงเป็นนางเอกเรื่อง Marnie รวมถึงเรื่อง The Birds ด้วย โดยก่อนที่หนัง The Birds จะออกฉาย หนังสือ Look magazine ได้ขึ้นปกทิปปี้ เฮเดร็น โดยใส่ข้อความว่า 'เกรซ เคลลี่ คนใหม่ของฮิทช์ค็อกซ์' ซึ่งอาจให้ความหมายว่า ไม่มีอีกแล้วสำหรับผลงานจากเกรซ เคลลี่
ประเด็นของหนังน่าสนใจ แม้ว่าจะนำแค่บางส่วนของชีวิตมานำเสนอ แต่สิ่งที่โดดเด่นและทำให้ใครหลายคนสนใจหนังเรื่องนี้ก็คือนักแสดงนำ ซึ่งหนังได้ นิโคล คิดแมน มารับบทเกรซ เคลลี่ เป็นนักแสดงที่เหมาะมาก เพราะมีทั้งความสวยและความสามารถ หนังเลือกนักแสดงได้เหมาะเจาะ อย่างเดียวกับการเลือก นาโอมิ วัตตส์ ในบทเจ้าหญิงไดอาน่า อย่างไรก็ตาม บทหนังของ Grace of Monaco มีประเด็นที่แข็งแรงกว่า และส่งให้นิโคลแสดงอารมณ์ได้ดีกว่า ต่างจากบทหนังของ Diana ที่นำเสนอประเด็นไม่น่าสนใจ และส่งให้นาโอมิทำได้ดีเพียงแค่ครึ่งแรกของเรื่อง หลังจากนั้นถือว่าสอบตก
ส่วนนักแสดงที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ บทบาทหลวงของ แฟรงค์ แลงเจลล่า แม้จะออกฉากน้อยกว่าบทเจ้าชายเรนิเยร์ของ ทิม ร็อธ แต่บทบาทหลวงดูเด่นกว่า อาจจะเป็นเพราะตัวละครนี้มีอะไรให้น่าค้นหามากกว่าก็เป็นได้ ในขณะที่บทเจ้าชายเรนิเยร์ มักจะโดนตัวละครเจ้าหญิงเกรซกลบความเด่นไปซะหมด แต่ก็ไม่แปลกที่เป็นอย่างนี้ เพราะหนังส่งเสริมตัวละครนำหญิงซะเหลือเกิน
ในท้ายที่สุด ต้องชมว่าหนังน่าติดตามและดูสนุก ส่งให้เกรซ เคลลี่เป็นวีรสตรี ที่ต้องใช้ไหวพริบความฉลาดเพื่อแก้ปัญหาที่เจ้าชายเรนิเยร์พระสวามียังจัดการไม่สำเร็จ ฉากอารมณ์หลายฉากเรียกความสนใจได้ดีเยี่ยม ไม่ต่างจากประเด็นปลีกย่อย การจับผิด คนทรยศ ที่ทำให้กระหายใคร่รู้ว่าใครคือตัวการ
แม้จะดูสนุก น่าติดตาม และละมุนหูไปกับเสียงดนตรีที่เคล้าคลอได้ลงตัว แต่หนังก็ดูเกินจริงดุจเทพนิยาย จบเรื่องแบบมีความสุขตามสูตร โดยมีอุปสรรคเป็นตัวสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นระหว่างตัวละคร นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้อาจมีบางส่วนที่บิดเบือนไปจากความจริง เพราะถึงขนาดมีข่าวออกมาว่าราชวงศ์แห่งโมนาโกไม่ยอมรับคำเชิญเข้าร่วมงานเปิดฉายเทศกาลหนังเมืองคานส์ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะหนังนำเสนอแค่ส่วนเสี้ยวของชีวิต ที่พูดได้ไม่เต็มปากว่านี่คือหนังชีวประวัติ...
ร่วมพูดคุยกันได้ที่นี่ฮะ
https://www.facebook.com/McksMovie