สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว pantip ทุกคน
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีล็อกอินเลยค่ะที่ได้มาโพสลงที่นี่ (เพราะเพิ่งได้เมล์ยืนยันตัวตนเมื่อเช้านี้เลย) แอบตื่นเต้นเบาๆ ฮ่าๆๆ แต่ก็อยากนำประสบการณ์ เรื่องราว และความทรงจำดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง กระทู้นี้จะเน้นเล่าและรูป สาระไม่ค่อยมีเท่าไร ไม่ขอนับว่าเป็นรีวิวนะคะ แหะๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใด มือใหม่หัดโพสต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ก่อนอื่นขอชี้แจ้งนิดนึงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน กระทู้นี้เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงติ่งค่ะ ฮ่าๆๆ อ่านแล้วหลายท่านคงงงว่าท่องเที่ยวเชิงติ่งคืออะไร ท่องเที่ยวเชิงติ่ง คือการไปเที่ยวโดยมีศิลปินที่รักเป็นแรงบันดาลใจค่ะ >__< โดยเป้าหมายหลักของทริปนี้คือการไปดูคอนเสิร์ต Tohoshinki Live Tour 2014 - TREE - ที่ญี่ปุ่น เราเป็นแฟนคลับโทโฮหรือก็คือทงบังชินกินั่นเอง เรารักมาตั้งแต่สมัยอยู่ด้วยกันห้าคน จนกระทั่งตอนนี้ที่คนอื่นอาจจะมองว่าเหลือสองคนแล้วเราก็ยังรัก เช่นเดียวกับอีกสามคนซึ่งเป็นเจวายเจ ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็ยังสนับสนุนทั้งห้าคนอยู่ค่ะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าพี่สาวเราซึ่งเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยและรุ่นพี่ที่ทำงานไลน์มาชวนไปดูคอนเสิร์ต พี่ไลน์มากรีดร้องสั้นๆ แค่ว่า 'เธอๆ ไปดูคอนโทโฮที่ญี่ปุ่นกัน' เท่านั้นแหละค่ะ เราก็กรีดร้องกลับและตอบว่า 'ไป!' ภายในเวลาหนึ่งนาที ขอย้ำว่าหนึ่งนาทีจริงๆ ด้วยความที่อยากไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว และเคยคิดไว้ว่ายังไงก็อยากไปดูคอนโทโฮที่โตเกียวโดมสักครั้ง เราเลยตกลงแบบแทบไม่คิดเลย ความจริงการไปดูคอนที่ญี่ปุ่นดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเรามาก ไม่ได้ตั้งใจจะไปเหมือนกัน แต่พอมีคนชวนเท่านั้นแหละ ไปเลยยยย
เมื่อตอบตกลงกันอย่างจริงจังเรียบร้อยเราก็เริ่มเตรียมการสำหรับทริปนี้กัน เราเตรียมการกันหลายเดือนมากค่ะ พื้นฐานก็จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จิ้มบัตรคอนเสิร์ต วางแผนเที่ยวให้สอดคล้องกับโปรแกรมติ่งของเราประมาณนี้ เรื่องจองที่พักกับวางแผนเที่ยวไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราทั้งคู่อยู่ง่ายกินง่าย ที่เที่ยวก็เลือกที่เด่นๆ ที่คนส่วนใหญ่ไปกันและที่ๆ เราทั้งคู่อยากไป แต่เรื่องวุ่นวายมันมาอยู่ที่การจองตั๋วเครื่องบินกับการจิ้มบัตรคอนเสิร์ตค่ะ จะวุ่นวายยังไงเดี๋ยวเราขอเล่าแยกเป็นสองข้อนะคะ
(จุดนี้ท่านใดขี้เกียจอ่าน ข้ามลงไปดูรูปข้างล่างได้เลยค่ะ เราแค่อยากเล่า เอิ๊กกกกกกกกกก >"<)
หนึ่ง - ความวุ่นวายของการจองตั๋วเครื่องบิน -
ความจริงอันนี้เป็นความวุ่นวายที่เราก่อขึ้นเองค่ะ ฮ่าๆๆ มันวุ่นวายตั้งแต่เราคิดจะไปญี่ปุ่นแล้วขากลับจะแวะเที่ยวเกาหลีด้วยสองวันแล้ว เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวเชิงติ่ง เราก็เลยวางแผนและคาดการณ์กันว่า คอนเสิร์ตมีวันที่ 20-21 และ 23 พฤษภาคม (ตามที่ประกาศครั้งแรก) เราควรจะเดินทางยังไงให้สามารถกลับมาเที่ยวเกาหลีต่อพร้อมพี่ยุนและคุณชางมินได้ โดยเรามีเวลาเจ็ดวัน (ลางานได้แค่นั้นค่ะ TT) เราสองคนกับพี่มีความเห็นตรงกันว่า 24 น่าจะเป็นวันที่พี่ยุนกับคุณชางมินกลับเกาหลีเราก็เลยตัดสินใจออกจากญี่ปุ่นกันวันนี้ด้วย แผนแรกของเราเลยจบที่การเดินทางคืนวันที่ 18 จากไทยถึงญี่ปุ่น 24 ออกจากญี่ปุ่นไปเกาหลีและกลับไทย 25
แน่นอนว่าไม่จบแค่นี้ค่ะ ปรากฏว่ามีการประกาศเพิ่มรอบโตเกียวโดมวันที่ 24 เอาแล้วไง ด้วยความเชื่อว่าคอนวันสุดท้ายของทุกที่จะต้องฟินสุด ติ่งสองคนทำใจออกประเทศไปไม่ได้แน่ๆ สุดท้ายก็จบลงที่การเลื่อนไฟลท์ค่ะ เป็นเดินทางคืน 19 จากไทยถึงญี่ปุ่น 25 ออกจากญี่ปุ่นไปเกาหลีและกลับไทย 26 แทน แต่ทุกอย่างก็ยังคงไม่จบแค่นี้ (อีกแล้ว) อยู่ๆ คอนเสิร์ตของน้องจุนที่ญี่ปุ่นก็มาจากไหนไม่รู้ เรากับพี่นี่ถึงขั้น 'ห๊ะ!' ใส่กัน นี่ถ้าไม่ติดว่าช่วงที่เราอยู่ญี่ปุ่นน้องจุนมีคอนที่โอซาก้าเราคงได้หาทางไปดูแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้ดูคอนแต่ขอให้ได้เจอก็ยังดี เรากับพี่ก็เลยมานั่งหาความเป็นไปได้ว่าน้องจุนจะกลับเกาหลีวันไหน ไฟลท์ไหน สุดท้ายคิดอะไรไม่ออกเลยจัดการเปลี่ยนไฟลท์อีกรอบ เป็นไฟลท์เก้าโมง ไฟลท์เช้าสุดของวันที่ 25 แทน ด้วยความหวังอันน้อยนิดว่าจะได้เจอน้องจุนกลับจากโอซาก้าที่กิมโปแอร์พอร์ต เรียกได้ว่ากว่าเรื่องตั๋วเครื่องบินจะลงตัว เราเปลี่ยนไฟลท์กันไปหลายรอบมากเลยค่ะ เราจองผ่านเอเจนซี่ รู้สึกเกรงใจพี่เค้าเหมือนกัน และก็ต้องขอบคุณพี่เอเจนซี่มากๆ ที่จัดการทุกอย่างให้อย่างเรียบร้อยค่ะ
สอง - ความวุ่นวายของการจิ้มบัตรคอนเสิร์ต -
อย่างที่เขาว่ากันมาว่าการไปดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ยากมาก ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันยากยังไง รู้แค่ว่าบัตรจะราคาเท่ากันหมดและเป็นระบบแรนด้อม คือคุณจิ้มบัตรไป ระบบจะสุ่มว่าคุณได้บัตรหรือไม่ เช่นเดียวกับที่นั่งที่จะสุ่มเอาเหมือนกัน ไม่ว่าจะจิ้มก่อนจิ้มหลังทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด (ยกเว้นบัตรพรีเมี่ยมที่ก็จะไปสุ่มกันเองในพรีเมี่ยมอีกที ตามความเข้าใจเรานะ) เรากับพี่พยายามทุกช่องทางเพื่อให้ได้บัตร แน่ละ เป้าหมายหลักของเราคือดูคอน ถ้าไปแล้วไม่ได้ดูคอนต้องเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ เราทั้งฝากร้านรับจองบัตรจิ้ม ทั้งไปหาอ๊อคเอง (อ๊อค หรือ อ๊อคชั่นคือการประมูลบัตรในเว็บค่ะ) จนวันประกาศผลรอบแรกปรากฏว่าเราไม่ได้บัตร จิ้มไปตั้งเยอะทำไมไม่ได้ฟระ! ตอนนั้นเครียดมาก ทำไงดีๆ แต่แล้วอยู่ๆ น้องคนนึงก็แนะนำให้รู้จักกับบีอีชาวญี่ปุ่นท่านนึง ขอเรียกว่าเอริกะจังนะคะ เอริกะมีบัตรวันที่ 21 ซึ่งตอนแรกไม่ใช่บัตรวันที่เราต้องการ เราต้องการ 23 เพราะมีข่าวแว่วมาว่าโปรเจคเซอร์ไพรส์สองหนุ่มจะมีวันที่ 23 แต่ตอนนี้คิดว่าเอาวะ เอาวันที่ 21 ไปก่อน เอาให้ได้ดูก่อน วันอื่นค่อยตามหากันทีหลัง เราก็เลยตัดสินใจซื้อบัตรต่อจากเอริกะจังมาค่ะ โดยความวุ่นวายต่อจากนั้นก็คือเรื่องการสื่อสาร เพราะเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ขณะที่เอริกะจังก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องพึ่งกูเกิ้ลทรานสเลตกันตลอด ทั้งขำ ทั้งปวดหัว แต่เอริกะจังก็น่ารัก พยายามบอกเราตลอดว่าด๊อนวอรี่นะยู ถ้าได้บัตรเมื่อไรจะรีบติดต่อไป
ขณะเดียวกันเราก็พยายามหาบัตรวันที่ 23 ไปด้วยซึ่งหาเท่าไรก็ไม่ได้ จนประกาศเพิ่มรอบวันที่ 24 เราก็ถึงกลับเปลี่ยนแผนแทบไม่ทัน จากที่ต้องไปแก่งแย่งบัตรวันที่ 23 กลายมาเป็นวันที่ 24 แทนค่ะ ตอนแรกก็เหมือนเดิมหาไม่ได้ จิ้มไม่ได้ จนเครียดกันไปถึงขนาดสงสัยเราต้องไปซื้อบัตรหน้าคอนจากลุงยากูซ่าแล้วว่ะ แต่ปรากฏว่าเพื่อนไปเจอบีอีขายต่อบัตรเข้า เราก็เลยได้บัตรมา สรุปว่าบัตรทั้งสองวันเราจิ้มเองไม่ได้เลย ต้องอาศัยซื้อต่อจากคนญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งนับว่าโชคดีมากๆ สำหรับคนที่ภาษาญี่ปุ่นงูๆ ปลาๆ อย่างเราที่ได้เจอบีอีทั้งสองท่านนี้ แต่ตกลงซื้อขายบัตรกันแล้วก็ยังไม่จบนะคะ เพราะไหนจะเรื่องโอนเงิน นัดรับบัตรส่งบัตร วุ่นวายมาก เราถึงกับปวดหัวไปหลายวัน แต่ก็นึกในใจ เอาเถอะ หาเรื่องอยากไปติ่งเอง เพราะฉะนั้นต้องแกร่งนะ เพื่อพี่ยุน! (ได้ข่าวว่าแกเมนคิมแจจุง)
สำหรับบัตรวันที่ 24 มีปัญหาแค่เรื่องโอนเงินค่ะ แต่สุดท้ายก็จบที่การฝากร้านพรีออเดอร์ของที่ญี่ปุ่นโอน เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยแลกกับความสะดวก ส่วนการจัดส่งก็ให้เขาส่งไปให้ที่โรงแรมวันที่เราไปถึง ปัญหาหนักคือบัตรวันที่ 21 ตอนแรกเราตกลงกับเอริกะจังว่าจะนัดรับ เพราะน้องเราไปฝึกงานที่นู่นจะไปเอาให้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด นัดเจอกันตัวๆ ไปเลย เอริกะจังก็โอเค ได้ๆ ปรากฏว่าพอถึงตอนได้บัตรจริงๆ เอริกะจังกลับบอกว่าไม่สะดวกเจอกันหน้าคอนเลยได้ไหม ไอ้เราก็ หาาาาา ทำไมล่ะะะะะะ ด้วยความที่เจอหน้าคอนเลยมันฉุกละหุกเกินไป กลัวพลาดแล้วไม่ได้ดู เราเลยต่อรองว่า ขอเป็นวันที่ 20 ได้ไหม เจอกันวันที่ 20 แทน เอริกะจังก็บอกว่าได้ เจอกันหลังเลิกงาน นัดกันเสร็จสรรพ แต่ปรากฏว่าวันที่ 19 เรากำลังจะออกไปสนามบินอยู่แล้ว เอริกะกลับไลน์มาบอกว่าเจอกันวันที่ 20 ไม่ได้แล้วนะ เจอกันหน้าคอนเลยแล้วกัน คือตอนนี้กลัวมาก คิดในแง่ร้ายที่สุดว่าจะโดนโกงแต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า ถ้าเขาจะโกงเราเขาคงเงียบหายไปแล้วล่ะ สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบินไปญี่ปุ่นเพื่อดูคอน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีบัตรคอนอยู่ในมือสักใบ
เอาล่ะค่ะ ทีนี้เราจะมาเข้าเรื่องทริปท่องเที่ยวเชิงติ่งกันอย่างเป็นทางการสักที (หลายท่านอาจบอกว่ารอนานแล้ว ฮ่าๆๆ) บอกก่อนว่าแพลนที่เที่ยวที่ไปออกแนวตามใจฉันนะคะ เป็นแพลนที่เลือกให้สอดคล้องกับการติ่งด้วย ข้อมูลอาจไม่แน่นเท่าไร เส้นทางอาจไม่เป๊ะ เพราะมัวแต่เดินถ่ายรูป ส่วนกล้องที่ใช้เป็น Canon 700D เลนส์ 18-135 สลับกับกล้องมือถือ Sansung Galaxy Note 2 บ้างเป็นระยะค่ะ รูปอาจจะไม่สวยเท่าไร แต่ถ่ายด้วยใจนะเออ >____<
เราเดินทางกันคืนวันที่ 19 พฤษภาคมค่ะ ไฟลท์ประมาณห้าทุ่มยี่สิบของ asiana เราจองเป็นแบบ multiple คือจองทีเดียวสามเที่ยวบิน จากไทยไปญี่ปุ่น จากญี่ปุ่นไปเกาหลี และจากเกาหลีกลับไทยค่ะ
โดยส่วนตัวเราชอบเดินทางตอนกลางคืนค่ะ หนึ่งเพราะเพื่อไม่ให้เปลืองวันหยุดงานและเวลาเที่ยว ไปถึงก็เช้าเที่ยวต่อได้พอดี สองคือเพราะเราชอบแสงสีของเมืองที่กลายเป็นแค่แสงไฟจุดเล็กๆ เวลามองจากบนฟ้า แต่เอาจริงๆ เดินทางกลางคืนกับกลางวันก็มีสเน่ห์กันไปคนละแบบ
อยู่บนเครื่องหลังจากทานมื้อดึกเสร็จ เราก็นั่งบ้าง นอนบ้างไปตามประสาค่ะ นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร ฮ่าๆๆ ใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงหน่อยๆ (จำไม่ได้แล้วว่าหน่อยเท่าไร) เราก็มาถึงสนามบินอินชอน พอดีเราไม่มีงบบินตรงค่ะ ต้องมาทรานสิทที่นี่ ถึงอินชอนประมาณเจ็ดโมง มองไปอากาศกำลังดี กำลังง่วงเลย
เรารอขึ้นเครื่องตอนแปดโมงครึ่ง เครื่องออกเก้าโมงนิดๆ มื้อเช้าเราโด๊ปกาแฟแบบจัดเต็มมาก เนื่องจากเมื่อคืนนอนไม่หลับ ฮ่าๆๆ อย่างที่บอกว่าเดินทางกลางคืนกับกลางวันมีสเน่ห์คนละอย่าง ท้องฟ้าสวยกันคนละแบบ ซึ่งเราชอบรูปนี้มาก ท้องฟ้าแบบสีฟ้าตัดกับเมฆสีขาวแบบขาวจั๊วะ ฟินค่ะ บอกเลย
ประมาณสิบเอ็ดโมงเราก็มาถึงญี่ปุ่น ก้าวแรกที่เหยียบบ้านเค้าคือยิ้มเลย แอบหัวเราะคนเดียวในใจ ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไรว่านี่ตัวเองได้มาอยู่ญี่ปุ่นแล้ว อย่างที่บอกว่าทริปนี้เป็นทริปไม่คาดฝัน แม้เราจะตั้งใจว่าวันนึงต้องมาเที่ยวญี่ปุ่นแน่ๆ แต่เราก็ไม่คิดว่าวันนั้นจะมาเร็วขนาดนี้อ่ะนะ ฮ่าๆๆ
มีเรื่องตลกอยู่นิดนึงตอนตรวจของผิดสำแดง เจ้าหน้าที่ก็ถามๆ เราปกติ เราก็ตอบปกติ แต่เค้าดูข้องใจกับเรานิดหน่อยกับการที่เราบินจากไทยไปเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี เราก็บอก just transit แต่เค้าก็ยังดูข้องใจ ค้นกระเป๋าเราด้วย เปิดกระเป๋าเจอหนังสือท่องเที่ยวที่เกาหลี นางก็ถามอีก ยูมาญี่ปุ่นทำไมมีหนังสือของเกาหลี เราก็บอกว่าเดี๋ยวเราไปเกาหลีต่อ หนังสือเที่ยวบ้านยูน่ะอยู่ในเป้ไอ แล้วเราก็หยิบออกมาโชว์ให้ดู แต่เหมือนนางยังไม่พอใจถามต่อ จะอยู่กี่วัน มาทำอะไร เราเลยตอบไปเลยมาดูคอนเสิร์ต เท่านั้นแหละนางก็ทำตาโตถามว่าใคร อาราชิเหรอ แต่เราตอบไปว่าเรามาดูโทโฮชินกิ นางก็ร้องอ๋อ แล้วปล่อยเราผ่านมา
เรากับพี่ซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง เลือกเอาแบบราคาพอดีกับเวลา คือไม่แพงมากและใช้เวลาไม่นานมาก ความจริงเราก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ที่ถูกต้องมันต้องไปกดเองตรงไหน แต่เราลงบันไดเลื่อนไปข้างล่างแล้วบอกสถานีที่จะไปกับเจ้าหน้าที่เค้าก็จิ้มบัตรออกมาให้เรา อ้อ แล้วเราก็ซื้อตัว 3 days pass ด้วย อย่างบอกว่าคุ้มมากสำหรับคนที่เที่ยวในโตเกียวเป็นส่วนใหญ่
แค่ก้าวแรกก็หลงแล้วเอาจริงๆ ขึ้นชานชาลาผิด ฮ่าๆ กว่าจะเดินมาถึงรถไฟขบวนที่จะขึ้นได้เล่นเอาปาดเหงื่อเลย
แล้ววันแรกในดินแดนอาทิตย์อุทัยก็เริ่มต้นขึ้นนับจากนี้ ! >____<
เรื่องเล่าของติ่ง ตอน กาลครั้งหนึ่ง ณ JAPAN แดนอาทิตย์อุทัย
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีล็อกอินเลยค่ะที่ได้มาโพสลงที่นี่ (เพราะเพิ่งได้เมล์ยืนยันตัวตนเมื่อเช้านี้เลย) แอบตื่นเต้นเบาๆ ฮ่าๆๆ แต่ก็อยากนำประสบการณ์ เรื่องราว และความทรงจำดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง กระทู้นี้จะเน้นเล่าและรูป สาระไม่ค่อยมีเท่าไร ไม่ขอนับว่าเป็นรีวิวนะคะ แหะๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใด มือใหม่หัดโพสต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ก่อนอื่นขอชี้แจ้งนิดนึงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน กระทู้นี้เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงติ่งค่ะ ฮ่าๆๆ อ่านแล้วหลายท่านคงงงว่าท่องเที่ยวเชิงติ่งคืออะไร ท่องเที่ยวเชิงติ่ง คือการไปเที่ยวโดยมีศิลปินที่รักเป็นแรงบันดาลใจค่ะ >__< โดยเป้าหมายหลักของทริปนี้คือการไปดูคอนเสิร์ต Tohoshinki Live Tour 2014 - TREE - ที่ญี่ปุ่น เราเป็นแฟนคลับโทโฮหรือก็คือทงบังชินกินั่นเอง เรารักมาตั้งแต่สมัยอยู่ด้วยกันห้าคน จนกระทั่งตอนนี้ที่คนอื่นอาจจะมองว่าเหลือสองคนแล้วเราก็ยังรัก เช่นเดียวกับอีกสามคนซึ่งเป็นเจวายเจ ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็ยังสนับสนุนทั้งห้าคนอยู่ค่ะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าพี่สาวเราซึ่งเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยและรุ่นพี่ที่ทำงานไลน์มาชวนไปดูคอนเสิร์ต พี่ไลน์มากรีดร้องสั้นๆ แค่ว่า 'เธอๆ ไปดูคอนโทโฮที่ญี่ปุ่นกัน' เท่านั้นแหละค่ะ เราก็กรีดร้องกลับและตอบว่า 'ไป!' ภายในเวลาหนึ่งนาที ขอย้ำว่าหนึ่งนาทีจริงๆ ด้วยความที่อยากไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว และเคยคิดไว้ว่ายังไงก็อยากไปดูคอนโทโฮที่โตเกียวโดมสักครั้ง เราเลยตกลงแบบแทบไม่คิดเลย ความจริงการไปดูคอนที่ญี่ปุ่นดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเรามาก ไม่ได้ตั้งใจจะไปเหมือนกัน แต่พอมีคนชวนเท่านั้นแหละ ไปเลยยยย
เมื่อตอบตกลงกันอย่างจริงจังเรียบร้อยเราก็เริ่มเตรียมการสำหรับทริปนี้กัน เราเตรียมการกันหลายเดือนมากค่ะ พื้นฐานก็จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จิ้มบัตรคอนเสิร์ต วางแผนเที่ยวให้สอดคล้องกับโปรแกรมติ่งของเราประมาณนี้ เรื่องจองที่พักกับวางแผนเที่ยวไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราทั้งคู่อยู่ง่ายกินง่าย ที่เที่ยวก็เลือกที่เด่นๆ ที่คนส่วนใหญ่ไปกันและที่ๆ เราทั้งคู่อยากไป แต่เรื่องวุ่นวายมันมาอยู่ที่การจองตั๋วเครื่องบินกับการจิ้มบัตรคอนเสิร์ตค่ะ จะวุ่นวายยังไงเดี๋ยวเราขอเล่าแยกเป็นสองข้อนะคะ
(จุดนี้ท่านใดขี้เกียจอ่าน ข้ามลงไปดูรูปข้างล่างได้เลยค่ะ เราแค่อยากเล่า เอิ๊กกกกกกกกกก >"<)
หนึ่ง - ความวุ่นวายของการจองตั๋วเครื่องบิน -
ความจริงอันนี้เป็นความวุ่นวายที่เราก่อขึ้นเองค่ะ ฮ่าๆๆ มันวุ่นวายตั้งแต่เราคิดจะไปญี่ปุ่นแล้วขากลับจะแวะเที่ยวเกาหลีด้วยสองวันแล้ว เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวเชิงติ่ง เราก็เลยวางแผนและคาดการณ์กันว่า คอนเสิร์ตมีวันที่ 20-21 และ 23 พฤษภาคม (ตามที่ประกาศครั้งแรก) เราควรจะเดินทางยังไงให้สามารถกลับมาเที่ยวเกาหลีต่อพร้อมพี่ยุนและคุณชางมินได้ โดยเรามีเวลาเจ็ดวัน (ลางานได้แค่นั้นค่ะ TT) เราสองคนกับพี่มีความเห็นตรงกันว่า 24 น่าจะเป็นวันที่พี่ยุนกับคุณชางมินกลับเกาหลีเราก็เลยตัดสินใจออกจากญี่ปุ่นกันวันนี้ด้วย แผนแรกของเราเลยจบที่การเดินทางคืนวันที่ 18 จากไทยถึงญี่ปุ่น 24 ออกจากญี่ปุ่นไปเกาหลีและกลับไทย 25
แน่นอนว่าไม่จบแค่นี้ค่ะ ปรากฏว่ามีการประกาศเพิ่มรอบโตเกียวโดมวันที่ 24 เอาแล้วไง ด้วยความเชื่อว่าคอนวันสุดท้ายของทุกที่จะต้องฟินสุด ติ่งสองคนทำใจออกประเทศไปไม่ได้แน่ๆ สุดท้ายก็จบลงที่การเลื่อนไฟลท์ค่ะ เป็นเดินทางคืน 19 จากไทยถึงญี่ปุ่น 25 ออกจากญี่ปุ่นไปเกาหลีและกลับไทย 26 แทน แต่ทุกอย่างก็ยังคงไม่จบแค่นี้ (อีกแล้ว) อยู่ๆ คอนเสิร์ตของน้องจุนที่ญี่ปุ่นก็มาจากไหนไม่รู้ เรากับพี่นี่ถึงขั้น 'ห๊ะ!' ใส่กัน นี่ถ้าไม่ติดว่าช่วงที่เราอยู่ญี่ปุ่นน้องจุนมีคอนที่โอซาก้าเราคงได้หาทางไปดูแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้ดูคอนแต่ขอให้ได้เจอก็ยังดี เรากับพี่ก็เลยมานั่งหาความเป็นไปได้ว่าน้องจุนจะกลับเกาหลีวันไหน ไฟลท์ไหน สุดท้ายคิดอะไรไม่ออกเลยจัดการเปลี่ยนไฟลท์อีกรอบ เป็นไฟลท์เก้าโมง ไฟลท์เช้าสุดของวันที่ 25 แทน ด้วยความหวังอันน้อยนิดว่าจะได้เจอน้องจุนกลับจากโอซาก้าที่กิมโปแอร์พอร์ต เรียกได้ว่ากว่าเรื่องตั๋วเครื่องบินจะลงตัว เราเปลี่ยนไฟลท์กันไปหลายรอบมากเลยค่ะ เราจองผ่านเอเจนซี่ รู้สึกเกรงใจพี่เค้าเหมือนกัน และก็ต้องขอบคุณพี่เอเจนซี่มากๆ ที่จัดการทุกอย่างให้อย่างเรียบร้อยค่ะ
สอง - ความวุ่นวายของการจิ้มบัตรคอนเสิร์ต -
อย่างที่เขาว่ากันมาว่าการไปดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ยากมาก ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันยากยังไง รู้แค่ว่าบัตรจะราคาเท่ากันหมดและเป็นระบบแรนด้อม คือคุณจิ้มบัตรไป ระบบจะสุ่มว่าคุณได้บัตรหรือไม่ เช่นเดียวกับที่นั่งที่จะสุ่มเอาเหมือนกัน ไม่ว่าจะจิ้มก่อนจิ้มหลังทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด (ยกเว้นบัตรพรีเมี่ยมที่ก็จะไปสุ่มกันเองในพรีเมี่ยมอีกที ตามความเข้าใจเรานะ) เรากับพี่พยายามทุกช่องทางเพื่อให้ได้บัตร แน่ละ เป้าหมายหลักของเราคือดูคอน ถ้าไปแล้วไม่ได้ดูคอนต้องเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ เราทั้งฝากร้านรับจองบัตรจิ้ม ทั้งไปหาอ๊อคเอง (อ๊อค หรือ อ๊อคชั่นคือการประมูลบัตรในเว็บค่ะ) จนวันประกาศผลรอบแรกปรากฏว่าเราไม่ได้บัตร จิ้มไปตั้งเยอะทำไมไม่ได้ฟระ! ตอนนั้นเครียดมาก ทำไงดีๆ แต่แล้วอยู่ๆ น้องคนนึงก็แนะนำให้รู้จักกับบีอีชาวญี่ปุ่นท่านนึง ขอเรียกว่าเอริกะจังนะคะ เอริกะมีบัตรวันที่ 21 ซึ่งตอนแรกไม่ใช่บัตรวันที่เราต้องการ เราต้องการ 23 เพราะมีข่าวแว่วมาว่าโปรเจคเซอร์ไพรส์สองหนุ่มจะมีวันที่ 23 แต่ตอนนี้คิดว่าเอาวะ เอาวันที่ 21 ไปก่อน เอาให้ได้ดูก่อน วันอื่นค่อยตามหากันทีหลัง เราก็เลยตัดสินใจซื้อบัตรต่อจากเอริกะจังมาค่ะ โดยความวุ่นวายต่อจากนั้นก็คือเรื่องการสื่อสาร เพราะเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ขณะที่เอริกะจังก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องพึ่งกูเกิ้ลทรานสเลตกันตลอด ทั้งขำ ทั้งปวดหัว แต่เอริกะจังก็น่ารัก พยายามบอกเราตลอดว่าด๊อนวอรี่นะยู ถ้าได้บัตรเมื่อไรจะรีบติดต่อไป
ขณะเดียวกันเราก็พยายามหาบัตรวันที่ 23 ไปด้วยซึ่งหาเท่าไรก็ไม่ได้ จนประกาศเพิ่มรอบวันที่ 24 เราก็ถึงกลับเปลี่ยนแผนแทบไม่ทัน จากที่ต้องไปแก่งแย่งบัตรวันที่ 23 กลายมาเป็นวันที่ 24 แทนค่ะ ตอนแรกก็เหมือนเดิมหาไม่ได้ จิ้มไม่ได้ จนเครียดกันไปถึงขนาดสงสัยเราต้องไปซื้อบัตรหน้าคอนจากลุงยากูซ่าแล้วว่ะ แต่ปรากฏว่าเพื่อนไปเจอบีอีขายต่อบัตรเข้า เราก็เลยได้บัตรมา สรุปว่าบัตรทั้งสองวันเราจิ้มเองไม่ได้เลย ต้องอาศัยซื้อต่อจากคนญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งนับว่าโชคดีมากๆ สำหรับคนที่ภาษาญี่ปุ่นงูๆ ปลาๆ อย่างเราที่ได้เจอบีอีทั้งสองท่านนี้ แต่ตกลงซื้อขายบัตรกันแล้วก็ยังไม่จบนะคะ เพราะไหนจะเรื่องโอนเงิน นัดรับบัตรส่งบัตร วุ่นวายมาก เราถึงกับปวดหัวไปหลายวัน แต่ก็นึกในใจ เอาเถอะ หาเรื่องอยากไปติ่งเอง เพราะฉะนั้นต้องแกร่งนะ เพื่อพี่ยุน! (ได้ข่าวว่าแกเมนคิมแจจุง)
สำหรับบัตรวันที่ 24 มีปัญหาแค่เรื่องโอนเงินค่ะ แต่สุดท้ายก็จบที่การฝากร้านพรีออเดอร์ของที่ญี่ปุ่นโอน เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยแลกกับความสะดวก ส่วนการจัดส่งก็ให้เขาส่งไปให้ที่โรงแรมวันที่เราไปถึง ปัญหาหนักคือบัตรวันที่ 21 ตอนแรกเราตกลงกับเอริกะจังว่าจะนัดรับ เพราะน้องเราไปฝึกงานที่นู่นจะไปเอาให้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด นัดเจอกันตัวๆ ไปเลย เอริกะจังก็โอเค ได้ๆ ปรากฏว่าพอถึงตอนได้บัตรจริงๆ เอริกะจังกลับบอกว่าไม่สะดวกเจอกันหน้าคอนเลยได้ไหม ไอ้เราก็ หาาาาา ทำไมล่ะะะะะะ ด้วยความที่เจอหน้าคอนเลยมันฉุกละหุกเกินไป กลัวพลาดแล้วไม่ได้ดู เราเลยต่อรองว่า ขอเป็นวันที่ 20 ได้ไหม เจอกันวันที่ 20 แทน เอริกะจังก็บอกว่าได้ เจอกันหลังเลิกงาน นัดกันเสร็จสรรพ แต่ปรากฏว่าวันที่ 19 เรากำลังจะออกไปสนามบินอยู่แล้ว เอริกะกลับไลน์มาบอกว่าเจอกันวันที่ 20 ไม่ได้แล้วนะ เจอกันหน้าคอนเลยแล้วกัน คือตอนนี้กลัวมาก คิดในแง่ร้ายที่สุดว่าจะโดนโกงแต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า ถ้าเขาจะโกงเราเขาคงเงียบหายไปแล้วล่ะ สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบินไปญี่ปุ่นเพื่อดูคอน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีบัตรคอนอยู่ในมือสักใบ
เอาล่ะค่ะ ทีนี้เราจะมาเข้าเรื่องทริปท่องเที่ยวเชิงติ่งกันอย่างเป็นทางการสักที (หลายท่านอาจบอกว่ารอนานแล้ว ฮ่าๆๆ) บอกก่อนว่าแพลนที่เที่ยวที่ไปออกแนวตามใจฉันนะคะ เป็นแพลนที่เลือกให้สอดคล้องกับการติ่งด้วย ข้อมูลอาจไม่แน่นเท่าไร เส้นทางอาจไม่เป๊ะ เพราะมัวแต่เดินถ่ายรูป ส่วนกล้องที่ใช้เป็น Canon 700D เลนส์ 18-135 สลับกับกล้องมือถือ Sansung Galaxy Note 2 บ้างเป็นระยะค่ะ รูปอาจจะไม่สวยเท่าไร แต่ถ่ายด้วยใจนะเออ >____<
เราเดินทางกันคืนวันที่ 19 พฤษภาคมค่ะ ไฟลท์ประมาณห้าทุ่มยี่สิบของ asiana เราจองเป็นแบบ multiple คือจองทีเดียวสามเที่ยวบิน จากไทยไปญี่ปุ่น จากญี่ปุ่นไปเกาหลี และจากเกาหลีกลับไทยค่ะ
โดยส่วนตัวเราชอบเดินทางตอนกลางคืนค่ะ หนึ่งเพราะเพื่อไม่ให้เปลืองวันหยุดงานและเวลาเที่ยว ไปถึงก็เช้าเที่ยวต่อได้พอดี สองคือเพราะเราชอบแสงสีของเมืองที่กลายเป็นแค่แสงไฟจุดเล็กๆ เวลามองจากบนฟ้า แต่เอาจริงๆ เดินทางกลางคืนกับกลางวันก็มีสเน่ห์กันไปคนละแบบ
อยู่บนเครื่องหลังจากทานมื้อดึกเสร็จ เราก็นั่งบ้าง นอนบ้างไปตามประสาค่ะ นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร ฮ่าๆๆ ใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงหน่อยๆ (จำไม่ได้แล้วว่าหน่อยเท่าไร) เราก็มาถึงสนามบินอินชอน พอดีเราไม่มีงบบินตรงค่ะ ต้องมาทรานสิทที่นี่ ถึงอินชอนประมาณเจ็ดโมง มองไปอากาศกำลังดี กำลังง่วงเลย
เรารอขึ้นเครื่องตอนแปดโมงครึ่ง เครื่องออกเก้าโมงนิดๆ มื้อเช้าเราโด๊ปกาแฟแบบจัดเต็มมาก เนื่องจากเมื่อคืนนอนไม่หลับ ฮ่าๆๆ อย่างที่บอกว่าเดินทางกลางคืนกับกลางวันมีสเน่ห์คนละอย่าง ท้องฟ้าสวยกันคนละแบบ ซึ่งเราชอบรูปนี้มาก ท้องฟ้าแบบสีฟ้าตัดกับเมฆสีขาวแบบขาวจั๊วะ ฟินค่ะ บอกเลย
ประมาณสิบเอ็ดโมงเราก็มาถึงญี่ปุ่น ก้าวแรกที่เหยียบบ้านเค้าคือยิ้มเลย แอบหัวเราะคนเดียวในใจ ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไรว่านี่ตัวเองได้มาอยู่ญี่ปุ่นแล้ว อย่างที่บอกว่าทริปนี้เป็นทริปไม่คาดฝัน แม้เราจะตั้งใจว่าวันนึงต้องมาเที่ยวญี่ปุ่นแน่ๆ แต่เราก็ไม่คิดว่าวันนั้นจะมาเร็วขนาดนี้อ่ะนะ ฮ่าๆๆ
มีเรื่องตลกอยู่นิดนึงตอนตรวจของผิดสำแดง เจ้าหน้าที่ก็ถามๆ เราปกติ เราก็ตอบปกติ แต่เค้าดูข้องใจกับเรานิดหน่อยกับการที่เราบินจากไทยไปเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี เราก็บอก just transit แต่เค้าก็ยังดูข้องใจ ค้นกระเป๋าเราด้วย เปิดกระเป๋าเจอหนังสือท่องเที่ยวที่เกาหลี นางก็ถามอีก ยูมาญี่ปุ่นทำไมมีหนังสือของเกาหลี เราก็บอกว่าเดี๋ยวเราไปเกาหลีต่อ หนังสือเที่ยวบ้านยูน่ะอยู่ในเป้ไอ แล้วเราก็หยิบออกมาโชว์ให้ดู แต่เหมือนนางยังไม่พอใจถามต่อ จะอยู่กี่วัน มาทำอะไร เราเลยตอบไปเลยมาดูคอนเสิร์ต เท่านั้นแหละนางก็ทำตาโตถามว่าใคร อาราชิเหรอ แต่เราตอบไปว่าเรามาดูโทโฮชินกิ นางก็ร้องอ๋อ แล้วปล่อยเราผ่านมา
เรากับพี่ซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง เลือกเอาแบบราคาพอดีกับเวลา คือไม่แพงมากและใช้เวลาไม่นานมาก ความจริงเราก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ที่ถูกต้องมันต้องไปกดเองตรงไหน แต่เราลงบันไดเลื่อนไปข้างล่างแล้วบอกสถานีที่จะไปกับเจ้าหน้าที่เค้าก็จิ้มบัตรออกมาให้เรา อ้อ แล้วเราก็ซื้อตัว 3 days pass ด้วย อย่างบอกว่าคุ้มมากสำหรับคนที่เที่ยวในโตเกียวเป็นส่วนใหญ่
แค่ก้าวแรกก็หลงแล้วเอาจริงๆ ขึ้นชานชาลาผิด ฮ่าๆ กว่าจะเดินมาถึงรถไฟขบวนที่จะขึ้นได้เล่นเอาปาดเหงื่อเลย
แล้ววันแรกในดินแดนอาทิตย์อุทัยก็เริ่มต้นขึ้นนับจากนี้ ! >____<