อังกฤษ แพ้ อุรุกวัย 2-1
ถามแฟนอังกฤษ ว่า " แปลกไหม " ถ้าเป็นคนที่เอาใจช่วยอังกฤษมานาน ผมเชื่อว่า ไม่แปลก
การเชียร์ อังกฤษ ในช่วงหลัง นับจากหมดยุค ลินิเกอร์ เป็นต้นมา อังกฤษ กลายเป็นทีมที่มุ่งหวังอะไรไม่ได้ อังกฤษ เป็นทีมเต็งด้วยชื่อเสียงในอดีต
เท่านั้น แต่ผลงานในช่วงหลัง เชื่อว่า กองเชียร์ ต้องเผื่อใจไว้ทุกครั้ง นานๆ ทีจะมีผลงานที่ดี(เหนือคาดหมาย) ให้เห็นบ้าง อย่างที่ 4 บอลยุโรป ในบ้าน
หรือ ผลงานในบอลโลก ที่แพ้ บราซิล ปี 2002 หรือ ตกรอบเพราะแพ้ลูกโทษ โปรตุเกส ซึ่งถึงแม้ไม่ได้เข้ารอบลึกมาก แต่ก็โชว์ฟอร์มใช้ได้
นอกจากนั้น ทีมชาติ อังกฤษ ไม่เคยทำให้กองเชียร์ได้ชื่นใจแม้แต่ครั้งเดียว
ในอดีต อังกฤษ คือทีมยักษ์ใหญ่ แต่ในปัจจุบัน อังกฤษ คือท่ีมตัวประกอบ ที่ไม่ได้หวังแชมป์ แต่หวังแค่ผ่านเข้ารอบลึกๆ ให้ได้เท่านั้น
ณ ตอนนี้ อังกฤษ เป็นทีมที่สไตล์การเล่นแทบไม่มี เบสิคฟุตบอล ความสามารถเฉพาะตัวนักเตะ ด้อยที่สุดในบรรดาทีมใหญ่ทั้งหลาย หรือแม้แต่ชาติยุโรป
ด้วยกัน ผมว่า อังกฤษ ดูอ่อนด้อยที่สุด เพียงแต่ที่ชนะทีมกลางๆ หรือเล็กกว่าได้ ก็ด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น
ไอ้การที่หวังจะเห็น อังกฤษ ครองบอลได้เหนือกว่า ส่งหรือจับบอลกันแบบเนียนตา แทบไม่มี ทุกทัวร์นาเม้นท์ กองเชียร์ ต้องเชียร์ด้วยความอึดอัดตลอด
เวลา มุ่งหวังอะไรมากไม่ได้ ต้องเชียร์แบบเจียมตัวและทำใจเผื่อไว้ว่างั้นเหอะ
อังกฤษชุดนี้เหมือนจะดูดี ที่มีกองหน้า หรือนักเตะหนุ่มๆ ที่มีความเร็วสูง ฟอร์มสดในสโมสร อย่าง สเตอร์ริด ราฮีม หรือ เวลเบ็ค พวกนี้เล่นสโมสร
อย่างเทพ (เว้น เวลเบ็ค) แต่ถ้าใครเคยดูสมัยเตะ u21 จะรู้ว่า นักเตะเหล่านี้ เป็นนักบอลที่ต้องมีหางเสือ คอยประคับประคอง ไม่งั้นจะเล่นแบบ
ไร้ทิศทาง
อีกอย่างหนึ่งที่หลอกตา เหมือน ไทยพรีเมียร์ลีก คือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่าเป็นลีกที่ประสบความสำเร็จมาก ได้รับความนิยมสูง มีนักเตะดังๆ มากมาย
แต่ถ้าดูให้ลึก นักเตะที่เป็นคีย์แมน " คนสำคัญ " ในแต่ละทีม ล้วนแต่เป็นนักเตะต่างชาติทั้งนั้น นักเตะอังกฤษ เป็นแค่ตัวประกอบ
ใน แมนซิตี้ ตัวสำคัญ คือ ยาย่า ตูเร่ ซิลบา กุน เป็นต้น
ใน ลิเวอร์พูล คงไม่มีใครสำคัญไปกว่า ซัวเรซ
เซลซี ออสการ์ อาซา ลุยซ์ มิเกล เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ความเป็นจริง นักเตะอังกฤษ เกือบเป็นเหมือนตัวประกอบซะมากกว่า หลอกตาเหมือน ความสำเร็จที่สวนทางกันของ ทีมชาติไทย กับ
ไทยพรีเมียร์ลีก เลบ
ทีนี้มาดู อังกฤษ ชุดนี้ในบอลโลก จะบอกว่า ฮัดส์สัน เป็นโค้ชที่ห่วยก็ว่าได้ แต่ความเป็นจริงให้โค้ชเทวดาที่ไหนมาทำทีม อังกฤษ ก็คงไปได้ไกล
กว่านี้ไม่ได้มากหรอก
ในเมื่อศักยภาพผู้เล่นอังกฤษ มันมีแค่นี้ ระบบทีมไม่เคยมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ความสามารถเฉพาะตัวไม่ต้องพูดถึง จะเห็นได้ว่าการเอาตัวรอดเมื่อถูกบีบ
ในที่แคบ ตัวต่อตัว อังกฤษ ล้าหลังและด้อยกว่าทุกทีมที่เจอ ไม่ว่า อิตาลี อุรุกวัย ยกเว้นอย่างเดียว ใช้ความเร็วไปข้างหน้า
คราวนี้พูดถึงจอมทัพที่ถูกคาดหวังมากที่สุด อย่าง เจอร์ราด ซึ่งว่าตามจริงเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จของทีม ลิเวอร์พูล คนหนึ่ง
บอลโลก ในครั้งนี้ เจอร์ราด ถือว่าผลงานต่ำกว่า มาตรฐาน ไม่เหมือนตอนเล่นรอบคัดเลือก หรือบอลโลกครั้งก่อน ที่ถือว่าทำผลงานได้ดีคนหนึ่ง
บอลโลกครั้งนี้ เจอร์ราด เงียบมาก ลูกโยนหวังผล ฟรีคิก การวางบอลได้เสีย แทบไม่มี มีแต่การโยนตามหน้าที่ ซึ่งแทบหวังผลอะไรไม่ได้
การขับเคลื่อนเกมส์ การตัดเกมส์ มีก็เหมือนไม่มี ที่สำคัญเป็นสาเหตุของการเสียลูกแรก ส่วนลูกที่ 2 น่าจะเป็นความซวยซะมากกว่า
นอกจากที่มีส่วนกับการเสียประตู ทั้งเกมส์กับ อุรุกวัย ต้องบอกว่า เจอร์ราด ไม่มีอะไรเลย เกมส์แรกกับ อิตาลี ก็ไม่ต่างกัน
ส่วน รูนีย์ ฟอร์มก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ 2 นัดที่ผ่านมา ยังพอมีส่วนร่วมกับเกมส์อยู่บ้าง โดยเฉพาะจังหวะได้ประตูทั้ง 2 นัดรูนี่ย์ มีส่วนทั้งหมด
ยังเห็นการให้บอลให้เพื่อนได้ยิง
สิ่งผิดพลาดเดียวที่ร้ายแรงคือ ยิงลูกที่มีโอกาสซึ่งควรทำให้ทีมได้ประตู ไม่เข้าแบบน่าเขกกะโหลก เผอิญว่า นั่นคือสิ่งที่ทีมต้องการจากกองหน้าพอดี
ทั้งที่ความจริงเขาก็มีส่วนในการสร้างโอกาสด้วยเหมือนกัน โดยรวม ฟอร์ม รูนี่ย์ ก็ถือว่า แย่ แต่เมื่อเทียบในทีมอังกฤษ น่าจะเป็นคนหนึ่งที่ดีที่สุดในทีม
ส่วนพวก เสตอร์ริด เวลเบ็ค มันเล่นกันเหมือนสมัย 21 ปี เร็ว แข็งแกร่ง แต่เล่นได้สะเปะสะปะดีมาก ถึงแม้ เสตอร์ริด จะสร้างโอกาสได้ดีในช่วงหลัง
ราฮีม ในเกมส์นี้ไม่ต้องพูดถึง กองหลังระดับโลก(ที่ไม่ช้าเหมือน อิตาลี ) ไม่ได้ผ่านง่ายๆ เหมือนในสโมสร เป็มฟอร์มที่น่าผิดหวัง ต่างกับนัดแรกมาก
ซัวเรซ คาวานี่ คือข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน
สุดท้าย แฟนอังกฤษ ก็ต้องช้ำใจเป็นครั้งที่ร้อย อยู่ดี ต่อให้ได้เข้ารอบปาฏิหาริย์ ก็คงไปได้ไม่ไกลหรอก
โอกาสได้แชมป์โลกครั้งที่ 2 ในเวลาอันใกล้ เป็นแค่จินตนาการ
ความตกต่ำ อันแสนธรรมดาของทีมชาติ อังกฤษ และฟอร์มของ เจอร์ราด รูนี่ย์
ถามแฟนอังกฤษ ว่า " แปลกไหม " ถ้าเป็นคนที่เอาใจช่วยอังกฤษมานาน ผมเชื่อว่า ไม่แปลก
การเชียร์ อังกฤษ ในช่วงหลัง นับจากหมดยุค ลินิเกอร์ เป็นต้นมา อังกฤษ กลายเป็นทีมที่มุ่งหวังอะไรไม่ได้ อังกฤษ เป็นทีมเต็งด้วยชื่อเสียงในอดีต
เท่านั้น แต่ผลงานในช่วงหลัง เชื่อว่า กองเชียร์ ต้องเผื่อใจไว้ทุกครั้ง นานๆ ทีจะมีผลงานที่ดี(เหนือคาดหมาย) ให้เห็นบ้าง อย่างที่ 4 บอลยุโรป ในบ้าน
หรือ ผลงานในบอลโลก ที่แพ้ บราซิล ปี 2002 หรือ ตกรอบเพราะแพ้ลูกโทษ โปรตุเกส ซึ่งถึงแม้ไม่ได้เข้ารอบลึกมาก แต่ก็โชว์ฟอร์มใช้ได้
นอกจากนั้น ทีมชาติ อังกฤษ ไม่เคยทำให้กองเชียร์ได้ชื่นใจแม้แต่ครั้งเดียว
ในอดีต อังกฤษ คือทีมยักษ์ใหญ่ แต่ในปัจจุบัน อังกฤษ คือท่ีมตัวประกอบ ที่ไม่ได้หวังแชมป์ แต่หวังแค่ผ่านเข้ารอบลึกๆ ให้ได้เท่านั้น
ณ ตอนนี้ อังกฤษ เป็นทีมที่สไตล์การเล่นแทบไม่มี เบสิคฟุตบอล ความสามารถเฉพาะตัวนักเตะ ด้อยที่สุดในบรรดาทีมใหญ่ทั้งหลาย หรือแม้แต่ชาติยุโรป
ด้วยกัน ผมว่า อังกฤษ ดูอ่อนด้อยที่สุด เพียงแต่ที่ชนะทีมกลางๆ หรือเล็กกว่าได้ ก็ด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น
ไอ้การที่หวังจะเห็น อังกฤษ ครองบอลได้เหนือกว่า ส่งหรือจับบอลกันแบบเนียนตา แทบไม่มี ทุกทัวร์นาเม้นท์ กองเชียร์ ต้องเชียร์ด้วยความอึดอัดตลอด
เวลา มุ่งหวังอะไรมากไม่ได้ ต้องเชียร์แบบเจียมตัวและทำใจเผื่อไว้ว่างั้นเหอะ
อังกฤษชุดนี้เหมือนจะดูดี ที่มีกองหน้า หรือนักเตะหนุ่มๆ ที่มีความเร็วสูง ฟอร์มสดในสโมสร อย่าง สเตอร์ริด ราฮีม หรือ เวลเบ็ค พวกนี้เล่นสโมสร
อย่างเทพ (เว้น เวลเบ็ค) แต่ถ้าใครเคยดูสมัยเตะ u21 จะรู้ว่า นักเตะเหล่านี้ เป็นนักบอลที่ต้องมีหางเสือ คอยประคับประคอง ไม่งั้นจะเล่นแบบ
ไร้ทิศทาง
อีกอย่างหนึ่งที่หลอกตา เหมือน ไทยพรีเมียร์ลีก คือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่าเป็นลีกที่ประสบความสำเร็จมาก ได้รับความนิยมสูง มีนักเตะดังๆ มากมาย
แต่ถ้าดูให้ลึก นักเตะที่เป็นคีย์แมน " คนสำคัญ " ในแต่ละทีม ล้วนแต่เป็นนักเตะต่างชาติทั้งนั้น นักเตะอังกฤษ เป็นแค่ตัวประกอบ
ใน แมนซิตี้ ตัวสำคัญ คือ ยาย่า ตูเร่ ซิลบา กุน เป็นต้น
ใน ลิเวอร์พูล คงไม่มีใครสำคัญไปกว่า ซัวเรซ
เซลซี ออสการ์ อาซา ลุยซ์ มิเกล เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ความเป็นจริง นักเตะอังกฤษ เกือบเป็นเหมือนตัวประกอบซะมากกว่า หลอกตาเหมือน ความสำเร็จที่สวนทางกันของ ทีมชาติไทย กับ
ไทยพรีเมียร์ลีก เลบ
ทีนี้มาดู อังกฤษ ชุดนี้ในบอลโลก จะบอกว่า ฮัดส์สัน เป็นโค้ชที่ห่วยก็ว่าได้ แต่ความเป็นจริงให้โค้ชเทวดาที่ไหนมาทำทีม อังกฤษ ก็คงไปได้ไกล
กว่านี้ไม่ได้มากหรอก
ในเมื่อศักยภาพผู้เล่นอังกฤษ มันมีแค่นี้ ระบบทีมไม่เคยมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ความสามารถเฉพาะตัวไม่ต้องพูดถึง จะเห็นได้ว่าการเอาตัวรอดเมื่อถูกบีบ
ในที่แคบ ตัวต่อตัว อังกฤษ ล้าหลังและด้อยกว่าทุกทีมที่เจอ ไม่ว่า อิตาลี อุรุกวัย ยกเว้นอย่างเดียว ใช้ความเร็วไปข้างหน้า
คราวนี้พูดถึงจอมทัพที่ถูกคาดหวังมากที่สุด อย่าง เจอร์ราด ซึ่งว่าตามจริงเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จของทีม ลิเวอร์พูล คนหนึ่ง
บอลโลก ในครั้งนี้ เจอร์ราด ถือว่าผลงานต่ำกว่า มาตรฐาน ไม่เหมือนตอนเล่นรอบคัดเลือก หรือบอลโลกครั้งก่อน ที่ถือว่าทำผลงานได้ดีคนหนึ่ง
บอลโลกครั้งนี้ เจอร์ราด เงียบมาก ลูกโยนหวังผล ฟรีคิก การวางบอลได้เสีย แทบไม่มี มีแต่การโยนตามหน้าที่ ซึ่งแทบหวังผลอะไรไม่ได้
การขับเคลื่อนเกมส์ การตัดเกมส์ มีก็เหมือนไม่มี ที่สำคัญเป็นสาเหตุของการเสียลูกแรก ส่วนลูกที่ 2 น่าจะเป็นความซวยซะมากกว่า
นอกจากที่มีส่วนกับการเสียประตู ทั้งเกมส์กับ อุรุกวัย ต้องบอกว่า เจอร์ราด ไม่มีอะไรเลย เกมส์แรกกับ อิตาลี ก็ไม่ต่างกัน
ส่วน รูนีย์ ฟอร์มก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ 2 นัดที่ผ่านมา ยังพอมีส่วนร่วมกับเกมส์อยู่บ้าง โดยเฉพาะจังหวะได้ประตูทั้ง 2 นัดรูนี่ย์ มีส่วนทั้งหมด
ยังเห็นการให้บอลให้เพื่อนได้ยิง
สิ่งผิดพลาดเดียวที่ร้ายแรงคือ ยิงลูกที่มีโอกาสซึ่งควรทำให้ทีมได้ประตู ไม่เข้าแบบน่าเขกกะโหลก เผอิญว่า นั่นคือสิ่งที่ทีมต้องการจากกองหน้าพอดี
ทั้งที่ความจริงเขาก็มีส่วนในการสร้างโอกาสด้วยเหมือนกัน โดยรวม ฟอร์ม รูนี่ย์ ก็ถือว่า แย่ แต่เมื่อเทียบในทีมอังกฤษ น่าจะเป็นคนหนึ่งที่ดีที่สุดในทีม
ส่วนพวก เสตอร์ริด เวลเบ็ค มันเล่นกันเหมือนสมัย 21 ปี เร็ว แข็งแกร่ง แต่เล่นได้สะเปะสะปะดีมาก ถึงแม้ เสตอร์ริด จะสร้างโอกาสได้ดีในช่วงหลัง
ราฮีม ในเกมส์นี้ไม่ต้องพูดถึง กองหลังระดับโลก(ที่ไม่ช้าเหมือน อิตาลี ) ไม่ได้ผ่านง่ายๆ เหมือนในสโมสร เป็มฟอร์มที่น่าผิดหวัง ต่างกับนัดแรกมาก
ซัวเรซ คาวานี่ คือข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน
สุดท้าย แฟนอังกฤษ ก็ต้องช้ำใจเป็นครั้งที่ร้อย อยู่ดี ต่อให้ได้เข้ารอบปาฏิหาริย์ ก็คงไปได้ไม่ไกลหรอก
โอกาสได้แชมป์โลกครั้งที่ 2 ในเวลาอันใกล้ เป็นแค่จินตนาการ