คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
บอกตรงๆค่ะไม่เคยอยากพบจิตแพทย์เลยไม่อยากเป็นผู้ป่วยทางจิตเวข ตอนที่เริ่มมีอาการตอนแรกหาหนังสือมาศึกษาว่าทำยะฃังไงจะจิตใจดี ซึ่งสิ่งที่เค้าแนะนำมาก้ทำหมด ได้แก่ ออกกำลังกายทำทุกวันวันละหนึ่งชั่วโมงไม่เคยขาด สวดมนต์ทำทุกวันเช่นกัน เขียนสิ่งดีๆสิบอย่างที่เกิดขึ้นในแต่ละวันและรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งเหล่านั้น ทำแบบนี้ประจำ ช่วงนั้นก้เหมือนดีขึ้นนิดนึง แต่พอมาอยู่มหาลัยอาการก็หนักมาก หนักถึงเกือบบ้านอนไม่หลับ 7 จนวันสมองแปรปรวนดมกลิ่นอะไรกลิ่นก้กลายเป็นกลิ่นเดียวกันหมด กว่าจะสู้กว่าจะอดทนมีชีวิต เรียนต่อไปได้มันยากมาก นอกจากนั้นก็ไปปฏิบัติธรรมามา แบบเข้มข้น ปิดวาจา 10 เป็น 5-6 ครั้งแล้วค่ะ แต่ก้ยังเป็นเช่นเดิม ขอได้โปรดเข้าใจคนที่เป็นผู้ป่วยโรคนี้ด้วยคะ บางครั้งมันก็ยากที่คุณจะเข้าใจ เพราะมันไม่เหมือนโรคทางกายที่ใครก็เคยเป็นกัน เป็นไข้ เป็นแผล โิฉัยไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะมานั่งคิดอะไรให้ตัวเองทุกข์เลย มีแต่พยายามคิดบวกเพื่อให้กำลังใจตัวเอง โรคนี้ถ้าไม่คิดบวกมีแต่ฆ่าตัวตายไปทั้งนั้น ดิฉัยเรียนต่างจังหวัด มันโดดเดี่ยวมาก ไม่มีพ่อแม่ เพื่อนก็ไม่ค่อยมี บางครั้งก้มีอาการวึมเสร้า นอนไม่หลับมันเหนื่อยนะที่ต้องเผซิยสภาวะเหล่านี้และเรียนหนังสือเหล่านี้ไปด้วย วันไหนนอนไม่หลับก็ต้องตื่นมาให้กำลังใจตัวเอง ไม่เป็นไรนะนอนไม่หลับ เด๋วคืนนี้ฉันก็จะนอนหลับ ตอนเย็นฉันก็จะออกไปออกำลังกายให้เหนื่อยแล้วคืนนี้ฉันก็จะหลับดี โรคนี้มันเฟลแล้วเฟลอีก แต่ก็ต้องลุกมาให้กำลังใจตัวเอง ไม่เป็นไรเดี๋ยวมันจะดีขึ้น เก้าลอเก้า สารพัดคำให้กำลังใจ คิดบงกคิดเบิกอะไรทำหมด หนังสือธรรมะ ไม่ได้เวอร์อ่านมาร้อยกว่าเล่มแล้ว ทั้งพระไพศาล วิสาโล พระมิตซูโอะ ว วชิรเมธี พุทธทาส พระอาจารย์นวลจันทร์ ศุภวรรรกรีน ติชนัทฮันเราก็พยายามคิดอะไรเป็นธรรมะหมด ใครด่าก็ปลง แต่อีอาการอยู่ดีน้ำตาจะไหลก็
ไม่หาย ขอโทดนะคะ แค่อยากระบายสิ่งที่เจอ บางครั้งคนทั่วไปก็ยังเข้าใจผู้ป่วยซึมเศร้าน้อยมาก ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้หมดศรัทธาในธรรมะหรอกคะก็พยายามเจริญสติควบคู่ไปด้วย แต่ก็ต้องการยาอบู่ และดิฉันก็มันใจมากว่าธรรมะจะช่วยให้ดิฉันหายได้ เพียงแต่ต้องใช้ดวลา ในการค่อยๆพัฒนาสติ ทุกวันนี้ก็ฝึกตามรู้ลมหายใจเป็นประจำ แต่ก้ไม่ได้โอเคขนาดทิ้งยาได้ ถ้าวันไหนฉันหายเจริญสติได้ก้าวหน้าก็คงหยุดยาได้ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
ยาต้านเศร้าตัวไหนที่คุณทานแล้วได้ผลบ้าง