- โครงสร้างทางอำนาจถูกผูกขาดโดยชนชั้นนำ ทั้งสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้โครงสร้างทางสังคมเสียสมดุล มีปัญหาประชาธิปไตยในความสัมพันธ์เชิงอำนาจของประชาชน ที่กระจุกตัวเฉพาะชนชั้นนำทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนออกอย่างชัดเจนในพรรคการเมืองไทย ที่ถูกผูกขาด และไม่มีพื้นที่ของชนชั้นล่าง ไม่มีพรรคการเมืองทางชนชั้น หรือแนวคิดอุดมการณ์สังคมนิยม หรือสังคม-ประชาธิปไตย
- บรรทัดฐานทางสังคมไม่ถูกสร้าง กลไกทางสังคมถูกครอบงำด้วยระบอบอภิสิทธิ์ชน และกฎหมายจำนวนมากยังล้าหลังไม่มีการปฏิรูปการตรากฎหมายและใช้อำนาจตามกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมถูกเลือกปฏิบัติและยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งเรื่องความเป็นธรรมได้
หนทางการสร้าง "สังคม-ประชาธิปไตย" ในสังคมไทย
หนทางในอดีต: (จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในสังคมโลก) ชนชั้นล่างทางสังคมที่ถูกกระทำ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ลุกขึ้นมาด้วยขบวนการแห่งการเปลี่ยนแปลง รื้อถอนโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้นทิ้งโดยการปฏิวัติ(Revolution)ทางสังคมใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในทางสากล (ไม่เหมือนการรัฐประหาร) อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงต้องมีขบวนการประชาชนที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพ ผ่านการต่อสู้มายาวนาน และมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งหลักทางสังคม สำหรับประสบการณ์ในประเทศไทยมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยต่อสู้มา
หนทางในอนาคต: ส่งเสริมการพัฒนา "สถาบันประชาชน" ให้มีความเข้มแข็ง ไม่ว่าจะในรูปแบบองค์กร หรือกลุ่มขบวนการใด ทั้งทางชนชั้น อาชีพ หรือกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มขบวนการของชาวนา ชาวไร่ กรรมกร พนักงานสาขาอาชีพต่างๆ จะต้องมีขบวนการของตนเองที่เข้มแข็ง เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางชนชั้นหรือกลุ่มทางสังคมของตนเองได้อย่างเป็นธรรม เหล่านี้อาจเกิดในรูปของพรรคการเมืองทางชนชั้น สาขาอาชีพ หรือในนามกลุ่มพลังทางการเมืองก็ได้
โดยเฉพาะแนวคิดการใช้พรรคการเมืองเชิงอุดมการณ์เป็นเครื่องมือ มองว่าประชาชนไม่อาจสร้างความเป็นธรรมทางสังคมขึ้นได้ หากชนชั้นล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าสู่อำนาจรัฐ และใช้อำนาจรัฐนั้นจัดวางความเป็นธรรมทางสังคม ผลประโยชน์ทางชนชั้น หรือสร้างสังคมนิยม-ประชาธิปไตยที่จับต้องได้ เนื่องจากว่าระบอบการเมืองเป็นตัวกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม. ในประเทศยุโรปนั้นสร้าง “สังคมนิยม-ประชาธิปไตย” ให้เกิดขึ้นได้ เพราะมีพรรคการเมืองที่ต่อสู้ทางอุดมการณ์เข้าสู่อำนาจรัฐ หรือพรรคตัวแทนทางชนชั้นเข้าไปต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง เช่น พรรคสังคมนิยมในประเทศสเปน, ฝรั่งเศส, พรรคสังคม-ประชาธิปไตยในประเทศเยอรมัน, หรือพรรคสังคมนิยมในอิตาลี ที่เคยเปลี่ยนแปลงการเมืองในประเทศหลังได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งในอดีต, กระทั่งประเทศเนปาลเอง พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งมาจากการเลือกตั้งได้ชัยชนะท่วมท้น และได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไปในปัจจุบัน
ยุทธศาสตร์ ๔ ด้านของธรรมิกสังคมนิยมใหม่
นอกจากการสนับสนุนในรูปของพรรคการเมืองทางเลือกของประชาชน(ซึ่งยังไม่มี)ในสังคมไทยแล้ว การลงหลักปักฐานความคิดสังคม-ประชาธิปไตย จำเป็นอย่างมากที่จะต้องถูกสร้างเป็นอุดมการณ์ทางสังคมในอนาคต เพื่อเป็นทางเลือกที่ออกห่างจากอุปสรรค 4 ด้านดังที่กล่าวถึง. การสร้างอุดมการณ์ของสังคมนี้ ซึ่งอาจจะเรียกว่า “ธรรมิกสังคม” (Dhammic society หรือ just society) ในประเทศไทย เพื่อเป็นเป้าหมายไปสู่สังคมใหม่ จำเป็นต้องพิจารณาถึงการทำงานยุทธศาสตร์ 4 ด้านดังนี้
1. Social-Democracy (ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม) ต้องตั้งกลุ่มสังคม-ประชาธิปไตยเพื่อศึกษาและทำงาน Think Tank เป็นคลังสมองในการสร้างความคิดและสร้างอุดมการณ์ทางสังคม เพื่อเข้าครองความเป็นใหญ่ทางความคิดของพื้นที่สังคมจากแนวทางเสรีนิยมใหม่ ปฏิรูปโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เป็นธรรม โดยเน้นการศึกษาด้านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ระบบกฎหมาย การกระจายอำนาจ รูปแบบการเลือกตั้ง ระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเพื่อความเป็นธรรมทางสังคม ฯลฯ
2. Social Economy (เศรษฐศาสตร์สังคม) เน้นการศึกษาและขับเคลื่อนประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาที่อยู่อาศัย การจำกัดการถือครองที่ดินทำกินที่กระจุกตัวอยู่กับคนรวย โดยครอบคลุมถึงการศึกษา การสาธารณสุข และการกระจายรายได้และโภคทรัพย์อย่างเป็นธรรม
3. Social Welfare (รัฐสวัสดิการ) ที่ไม่ใช่เฉพาะสวัสดิการสังคมเชิงสังคมสงเคราะห์โดยรัฐ ที่ลงหลักปักฐานในความคิดของกลไกรัฐทุนนิยมและระบบการศึกษาไทยเท่านั้น แต่หมายความถึง “หน้าที่รัฐ” ในการจัดรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ทั้งการประกันสุขภาพถ้วนหน้า การศึกษาถ้วนทั่ว ประกันการแรงงานทั้งในและนอกระบบ รวมถึงระบบประกันสังคมที่มีคุณภาพ
4. Social Ecology (นิเวศน์สังคม) เพื่อพิจารณาปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ที่ส่งผลต่อกันและกันในความสัมพันธ์ที่เสียสมดุล ทั้งจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและสงครามการแย่งชิงทรัพยากรในระบอบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ที่ผูกพันถึงสภาวะแวดล้อมซึ่งสร้างผลกระทบของสุขภาพ วิถีชีวิต ความมั่นคงของอนาคต และลมหายใจในพื้นที่สาธารณะ
ยุทธศาสตร์ 4 ด้านนี้ จะต้องระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อขยายฐานความคิดในสังคมไทย โดยเฉพาะภาคปัญญาชน นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา นักเรียน นิสิต นักศึกษา และร่วมมือกับภาคประชาสังคมอื่นๆ กลุ่มสาขาอาชีพต่างๆ โดยเฉพาะแรงงาน ชาวนา ชาวไร่ ตลอดจนสื่อสารมวลชนสาขาต่างๆ สถาบันทางสังคมอื่นๆ เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศไทยจากเสรีประชาธิปไตยครึ่งใบแบบเก่ าและประชาธิปไตยไม่เสรีหรือประชาธิปไตยแบบอำนาจนิยมในปัจจุบัน รวมถึงเปลี่ยนเส้นทางจากประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม(Libertarian-Democracy) ไปสู่ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมหรือสังคม-ประชาธิปไตย (Social-Democracy) ที่แท้จริง
ลองอ่านดูครับ
- บรรทัดฐานทางสังคมไม่ถูกสร้าง กลไกทางสังคมถูกครอบงำด้วยระบอบอภิสิทธิ์ชน และกฎหมายจำนวนมากยังล้าหลังไม่มีการปฏิรูปการตรากฎหมายและใช้อำนาจตามกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมถูกเลือกปฏิบัติและยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งเรื่องความเป็นธรรมได้
หนทางการสร้าง "สังคม-ประชาธิปไตย" ในสังคมไทย
หนทางในอดีต: (จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในสังคมโลก) ชนชั้นล่างทางสังคมที่ถูกกระทำ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ลุกขึ้นมาด้วยขบวนการแห่งการเปลี่ยนแปลง รื้อถอนโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้นทิ้งโดยการปฏิวัติ(Revolution)ทางสังคมใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในทางสากล (ไม่เหมือนการรัฐประหาร) อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงต้องมีขบวนการประชาชนที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพ ผ่านการต่อสู้มายาวนาน และมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งหลักทางสังคม สำหรับประสบการณ์ในประเทศไทยมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยต่อสู้มา
หนทางในอนาคต: ส่งเสริมการพัฒนา "สถาบันประชาชน" ให้มีความเข้มแข็ง ไม่ว่าจะในรูปแบบองค์กร หรือกลุ่มขบวนการใด ทั้งทางชนชั้น อาชีพ หรือกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มขบวนการของชาวนา ชาวไร่ กรรมกร พนักงานสาขาอาชีพต่างๆ จะต้องมีขบวนการของตนเองที่เข้มแข็ง เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางชนชั้นหรือกลุ่มทางสังคมของตนเองได้อย่างเป็นธรรม เหล่านี้อาจเกิดในรูปของพรรคการเมืองทางชนชั้น สาขาอาชีพ หรือในนามกลุ่มพลังทางการเมืองก็ได้
โดยเฉพาะแนวคิดการใช้พรรคการเมืองเชิงอุดมการณ์เป็นเครื่องมือ มองว่าประชาชนไม่อาจสร้างความเป็นธรรมทางสังคมขึ้นได้ หากชนชั้นล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าสู่อำนาจรัฐ และใช้อำนาจรัฐนั้นจัดวางความเป็นธรรมทางสังคม ผลประโยชน์ทางชนชั้น หรือสร้างสังคมนิยม-ประชาธิปไตยที่จับต้องได้ เนื่องจากว่าระบอบการเมืองเป็นตัวกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม. ในประเทศยุโรปนั้นสร้าง “สังคมนิยม-ประชาธิปไตย” ให้เกิดขึ้นได้ เพราะมีพรรคการเมืองที่ต่อสู้ทางอุดมการณ์เข้าสู่อำนาจรัฐ หรือพรรคตัวแทนทางชนชั้นเข้าไปต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง เช่น พรรคสังคมนิยมในประเทศสเปน, ฝรั่งเศส, พรรคสังคม-ประชาธิปไตยในประเทศเยอรมัน, หรือพรรคสังคมนิยมในอิตาลี ที่เคยเปลี่ยนแปลงการเมืองในประเทศหลังได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งในอดีต, กระทั่งประเทศเนปาลเอง พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งมาจากการเลือกตั้งได้ชัยชนะท่วมท้น และได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไปในปัจจุบัน
ยุทธศาสตร์ ๔ ด้านของธรรมิกสังคมนิยมใหม่
นอกจากการสนับสนุนในรูปของพรรคการเมืองทางเลือกของประชาชน(ซึ่งยังไม่มี)ในสังคมไทยแล้ว การลงหลักปักฐานความคิดสังคม-ประชาธิปไตย จำเป็นอย่างมากที่จะต้องถูกสร้างเป็นอุดมการณ์ทางสังคมในอนาคต เพื่อเป็นทางเลือกที่ออกห่างจากอุปสรรค 4 ด้านดังที่กล่าวถึง. การสร้างอุดมการณ์ของสังคมนี้ ซึ่งอาจจะเรียกว่า “ธรรมิกสังคม” (Dhammic society หรือ just society) ในประเทศไทย เพื่อเป็นเป้าหมายไปสู่สังคมใหม่ จำเป็นต้องพิจารณาถึงการทำงานยุทธศาสตร์ 4 ด้านดังนี้
1. Social-Democracy (ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม) ต้องตั้งกลุ่มสังคม-ประชาธิปไตยเพื่อศึกษาและทำงาน Think Tank เป็นคลังสมองในการสร้างความคิดและสร้างอุดมการณ์ทางสังคม เพื่อเข้าครองความเป็นใหญ่ทางความคิดของพื้นที่สังคมจากแนวทางเสรีนิยมใหม่ ปฏิรูปโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เป็นธรรม โดยเน้นการศึกษาด้านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ระบบกฎหมาย การกระจายอำนาจ รูปแบบการเลือกตั้ง ระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเพื่อความเป็นธรรมทางสังคม ฯลฯ
2. Social Economy (เศรษฐศาสตร์สังคม) เน้นการศึกษาและขับเคลื่อนประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาที่อยู่อาศัย การจำกัดการถือครองที่ดินทำกินที่กระจุกตัวอยู่กับคนรวย โดยครอบคลุมถึงการศึกษา การสาธารณสุข และการกระจายรายได้และโภคทรัพย์อย่างเป็นธรรม
3. Social Welfare (รัฐสวัสดิการ) ที่ไม่ใช่เฉพาะสวัสดิการสังคมเชิงสังคมสงเคราะห์โดยรัฐ ที่ลงหลักปักฐานในความคิดของกลไกรัฐทุนนิยมและระบบการศึกษาไทยเท่านั้น แต่หมายความถึง “หน้าที่รัฐ” ในการจัดรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ทั้งการประกันสุขภาพถ้วนหน้า การศึกษาถ้วนทั่ว ประกันการแรงงานทั้งในและนอกระบบ รวมถึงระบบประกันสังคมที่มีคุณภาพ
4. Social Ecology (นิเวศน์สังคม) เพื่อพิจารณาปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ที่ส่งผลต่อกันและกันในความสัมพันธ์ที่เสียสมดุล ทั้งจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและสงครามการแย่งชิงทรัพยากรในระบอบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ที่ผูกพันถึงสภาวะแวดล้อมซึ่งสร้างผลกระทบของสุขภาพ วิถีชีวิต ความมั่นคงของอนาคต และลมหายใจในพื้นที่สาธารณะ
ยุทธศาสตร์ 4 ด้านนี้ จะต้องระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อขยายฐานความคิดในสังคมไทย โดยเฉพาะภาคปัญญาชน นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา นักเรียน นิสิต นักศึกษา และร่วมมือกับภาคประชาสังคมอื่นๆ กลุ่มสาขาอาชีพต่างๆ โดยเฉพาะแรงงาน ชาวนา ชาวไร่ ตลอดจนสื่อสารมวลชนสาขาต่างๆ สถาบันทางสังคมอื่นๆ เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศไทยจากเสรีประชาธิปไตยครึ่งใบแบบเก่ าและประชาธิปไตยไม่เสรีหรือประชาธิปไตยแบบอำนาจนิยมในปัจจุบัน รวมถึงเปลี่ยนเส้นทางจากประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม(Libertarian-Democracy) ไปสู่ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมหรือสังคม-ประชาธิปไตย (Social-Democracy) ที่แท้จริง