มันเป็นของเรา หรือ เราเป็นของมัน

กระทู้สนทนา
เราเคยสังเกตไหมว่า ทันทีที่ยึดอะไรก็ตามว่าเป็น “ของฉัน” เราจะกลายเป็น “ของมัน” ไปทันที
เราจะยอมทุกข์เพื่อมัน ถ้าใครวิจารณ์เสื้อของฉัน ตำหนิรถของฉัน เราจะโกรธและจะแก้ต่างให้มัน
บางครั้งถึงกับแก้แค้นแทนมันด้วยซ้ำ ถ้าเงินของฉันถูกขโมย เราจะทุกข์ข้ามวันข้ามคืนทีเดียว

คนจำนวนไม่น้อยยอมตายเพื่อรักษาสร้อยเพชรไว้ไม่ให้ใครกระชากเอาไป บางคนยอมเสี่ยงชีวิต
ฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ้าน เพราะกลัวอัญมณีจะถูกทำลายวายวอด ฉะนี้แล้วควรจะเรียกว่า
มันเป็น “ของฉัน” หรือฉันต่างหากเป็น “ของมัน”

เป็นเพราะหลงคิดว่ามันเป็น “ของฉัน” ผู้คนทั้งโลกจึงกลายเป็น “ของมัน” ไปโดยไม่รู้ตัว มีชีวิตอยู่เพื่อมัน
ยอมทุกข์ก็เพื่อมัน ทั้งๆที่รู้อยู่ว่ามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด แต่ใช้เวลาไปอย่างไม่เสียดายก็เพื่อมัน ซ้ำร้ายกว่านั้น
หลายคนยอมทำชั่ว อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณก็เพื่อมัน กลายเป็นว่าถูกมันใช้ ยิ่งกว่าเป็นผู้ใช้มัน

ยิ่งยึดมั่นว่าทรัพย์สินเป็นของฉัน เรากลับกลายเป็นทาสของมัน จิตใจนี้อุทิศให้มันสถานเดียว
เศรษฐีนีเงินกู้คนหนึ่งเป็นโรคอัลโซเมอร์ในวัยชรา จำลูกหลานไม่ได้แล้ว แต่สิ่งเดียวที่จำได้แม่น
ก็คือสมุดจดบันทึกทรัพย์สิน ทุกวันจะหยิบสมุดเล่มนี้มาพลิกดูไม่รู้เบื่อ แม้ลูกหลายจะชวนสวดมนต์
หรือฟังเทปธรรมะ ผู้เฒ่าก็ไม่สนใจ จิตใจนั้นรับรู้ปักตรึงอยู่กับเงินทองเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
เมื่อสิ้นลมผู้เฒ่าจะนึกถึงอะไร และจะไปสุคติได้หรือไม่

ไม่ว่าจะมีเงินทองมากมายเพียงใด เมื่อตายไปก็ไม่มีใครเอาไปได้แม้แต่อย่างเดียว
นั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อทรัพย์สมบัติ แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ
หากหวงแหนติดยึดมัน แม้กระทั่งในยามสิ้นลม มันก็สามารถฉุดลงอบายได้

ถ้าไม่อยากเป็น “ของมัน” ก็ควรถอนความสำคัญมั่นหมายว่ามันเป็น “ของฉัน”
การให้ทานเป็นวิธีการเบื้องต้นในการฝึกจิตให้ถอนความสำคัญมั่นหมายดังกล่าว
ถ้าให้ทานอย่างถูกวิธี ไม่เพียงเป็นประโยชน์แก่ผู้รับเท่านั้น หากเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้

ประโยชน์ประการหลังมิได้หมายถึงความมั่งมีศรีสุขในอนาคตเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ
ช่วยลดความยึดติดในทรัพย์ “ของฉัน” แต่อานิสงส์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อเราให้โดยไม่ได้หวังอะไรกลับคืนมา
หากให้เพื่อมุ่งประโยชน์แก่ผู้รับเป็นสำคัญ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพระหรือไม่ก็ตามและเมื่อให้ไปแล้วก็ให้ไปเลย
โดยไม่คิดว่าของนั้นยังเป็นของฉันอยู่ (หรือเฝ้ามองว่าทำไมหลวงพ่อยังไม่ฉันอาหาร “ของฉัน”)

การให้ทานและเอื้อเฟื้อเจือจานเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่จิตใจ ทำให้ไม่ทุกข์เมื่อประสบความสูญเสีย
ในทางตรงข้าม คนที่ตระหนี่แม้จะมีความสุขจากเงินทองที่พอกพูน แต่หารู้ไม่ว่าจิตใจนั้นพร้อมที่จะถูกกระทบกระแทก
ในยามเสียทรัพย์ แม้จะเป็นเรื่องที่จำเป็นก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

admin ขอบคุณภาพประกอบจาก ด.ช.หน้าหมา




https://th-th.facebook.com/visalo
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่