สวัสดีค่ะ คือหนูมีเรื่องจะปรึกษา คือหนูได้ทำการเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ กับบริษัทหนึ่งในปี พ.ศ2550หรือ2551 ประมานนี้ค่ะ ผ่อนไปได้ประมานสามงวด เกิดปันหาทางด้านการเงินทำให้ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จึงคืนรถไป วันที่คืนรถ บริษัทไม่ได้ให้หลักฐานอะไรไว้ หลังจากนั้น ประมานสองเดือน มีจดหมายแจงค่าส่วนต่าง ให้ไปชำระยอดประมาน8,000-10,000 หนูจำไม่ค่อยได้ แต่ไม่เกิน 10000 พี่สาวเลยได้มีการโทรไปคุยกับบริษัท ว่าทำไมต้องจ่ายยอดนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมีการโทรติดต่อกลับ แต่หลังจากนั้นไม่มีการติดต่อของบริษัทนี้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็บเบอร์บ้าน เบอร์มือถือ หรือจดหมายค่ะ แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์2557 ที่ผ่านมา ได้มีจดหมายแจ้ง จากบริษัท ที่เค้าแจ้งว่าเป็นผู้ซื้อยอดหนี้ทั้งหมดไปจากบริษัทไฟแนนซ์ที่หนูเช่าซื้อว่าเป็นผู้ติดตามยอดหนี้ของบริษัท ให้ไปชำระยอดหนี้ค้าง 45,200 บาท เลยได้มีการโทรไปคุยตามเบอร์ที่บริษัท ให้มาค่ะ ปรากฎคือเค้าบอกว่า ถ้าสามารถปิดบัญชีได้ในครั้งเดียวเค้าจะ ลดให้เหลือยอด22,000บาท แต่ทางหนูซึ่งไม่มีรายได้ ไม่มีเงินเดือนเพราะตกงาน หนูเลยแจ้งว่ายังไม่สามารถหามาจ่ายให้ได้ ทางบริษัท เลยส่งหนังสือ อีกฉบับมาที่บ้าน เป็นหนังสือ อนุมัติฟ้อง เค้าแจ้งว่าจะบังคับคดี อายัติเงินเดือน ซึ่งหนูไม่มีงานทำไม่มีเงินเดือน แล้วทำไมยอดจาก8,000-10,000 กลายมาเป็นยอด45,000คะ หนูบอกให้เค้าแจงมาเป็นรายละเอียดยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขอเป็นจดหมายมา เค้าตอบกลับหนูว่า กลัวหนูเอาเอกสารไปปลอมแปลง ถ้าให้แจงยอดเต็ม45,000ว่ามีค่าอะไรบ้างหนูก็ต้องจ่ายราคาเต็ม45,000 ถึงแม่จะปิดบัญชีในครั้งเดียวก็ตามเค้าแจ้งมาว่างี้อ้ะค่ะ คือหนูอยากปรึกษาว่า หนูควรทำอย่างไรดีคะ
ไฟแนนซ์ยึดรถไปแล้วแต่เรื่องยังไม่จบร้อนใจช่วยทีค่ะ